.
สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่น ขอขอบคุณ คุณ คนชอบดอกไม้ ที่ทำให้คนแก่รู้สึกรื่นอารมณ์เพราะได้รับคำชมนะคะ
ขอให้จำเริญ จำเริญเถอะแม่คุณ
ทีนี้ เรื่องเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป
ขอบอกความจริงที่ตรงนี้โดยไม่มีเท็จผสมเลยสักหยดว่า
เจ้าของกระทู้เป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกล้องและการถ่ายรูปเท่าที่ควรจะรู้นะคะ
คือ ใช้กล้องอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2007 แต่จนป่านนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าอะไรเป็นอะไร
ได้ยินใครพูดว่า F หรือว่า mm เท่านั้นเท่านี้ของเล็นส์ชนิดนั้นชนิดนี้ ก็ได้แต่เงียบ ฟังอย่างเดียว(แถมไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก)
หรือเมื่อมีใครพูดคำว่า depth of field ก็ยังไม่ซึ้งว่าคืออะไรแน่ เพราะ field ของเจ้าของกระทู้ไม่มี depth ค่ะ มีแต่กว้างไกล มีวัวมีไก่ อะไรเทือกนั้น
สรุปว่า ศัพท์เท็คนิคทั้งหลายของกล้อง ก็คือ คำที่อยู่นอกพจนานุกรมของเจ้าของกระทู้นั่นเอง
ความจริงรู้จักกล้องถ่ายรูปมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมนะคะ เมื่อสมัยที่กล้องถ่ายรูปยังเป็นอะไรที่เรียกว่า “พิเศษ”
ที่รู้จัก เพราะว่าเห็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอเพิ่งซื้อกล้องถ่ายรูป แล้วเอามาถ่ายรูปเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น
พอถ่ายเสร็จ เธอก็เปิดกล้อง เอาฟีล์มออกมาคลี่...ส่องดู ปรากฏว่า ขาว ใส ไปทั้งฟีล์ม
เมื่อได้ยินผู้ใหญ่แถว ๆ นั้นคุยเชิงทะเลาะกัน
ก็เลยได้ความรู้ว่า เมื่อถ่ายรูปจนฟีล์มหมดม้วนแล้ว ต้องเอาไปให้ช่างที่ร้านถ่ายรูปเขาล้าง และ อัด
ก็ยังไม่เข้าใจนักว่า วิธีการที่เรียกว่า ล้าง และ อัด นั้น ทำอย่างไร แต่พอจะเดาได้ว่าคงไม่ใช่ล้างในน้ำแน่ ๆ
พอโตขึ้นหน่อย ไปเรียนในโรงเรียนที่อยู่ตรงปากคลองตลาด
คราวนี้ใกล้ชิดกับกล้องถ่ายรูปจริง ๆ แต่ไม่เคยได้จับหรอกค่ะ เพราะเป็นกล้องของคนอื่น
คนที่ชอบเอากล้องมาใกล้ชิดเจ้าของกระทู้มากที่สุดก็คือ คนที่ทุกคนเรียกกันว่า “ท่านเหมาะ” ท่านเป็นหม่อมเจ้าที่มีนามเต็ม ๆ ว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ท่านคือ ท่านเหมาะ มีหน้าที่ทำอะไรต่ออะไรที่เกี่ยวกับกิจการโน่นนี่และควบคุมการเงินของนักเรียนประจำ
และ ท่านเป็นตากล้องของโรงเรียน
เวลาโรงเรียนมีงาน เจ้าของกระทู้มักโดนจับให้แสดงโน่นนี่...เรื่อยเปื่อย ก็เลยโดนท่านเหมาะเอากล้องมาจ่ออย่างใกล้ชิด ทั้งในเวลาที่แสดง และเวลาที่ไม่แสดง เลยสังเกตได้ว่า การถ่ายรูปนี่ไม่ใช่มีแค่ท่ายกกล้องแล้วกดท่าเดียว เพราะท่านเหมาะเธอมีหลายท่า ท่านั่งท่ายืนท่าเอียงท่าเอี้ยว
เลยไปถึงท่าออกคำสั่ง...หันซ้าย หันขวา หันข้างแต่เอียงหน้ามามองทางนี้ มองตรงมองสูงมองต่ำ ยิ้มกว้าง ๆ ยิ้มแค่แย้ม ๆ อย่าอ้าปากหัวเราะนะยะ เดี๋ยวเลยมีแต่ถ้ำเต็มหน้า ฯลฯ ซึ่งคำสั่งเหล่านี้ เจ้าของกระทู้ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
และเพราะเจ้าของกระทู้เป็นคนที่ อ่านและพูดภาษาไทย(เลยไปถึงเขียน)ได้อย่างชัดเจน ไม่มีผิดพลาด(แฮ่ะ อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะคะ)
ก็เลย...พอมีงานที่เป็นงานเป็นการ เช่น งานครบรอบวันประสูติของ”ท่านจารย์” หรืองานต้อนรับผู้ใหญ่ ฯลฯ ที่ต้องมีการพูด(อ่านที่ครูเขียนให้)บนเวที...ในห้องประชุม เจ้าของกระทู้ก็โดนมอบหน้าที่ให้ อ่านทั้งร้อยแก้ว และเอื้อนทั้งร้อยกรอง เจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ถึงตอนนี้แหละค่ะ ที่รู้จักว่าใดคือ flash ที่ใช้กับกล้อง และเกลียดมาก ๆ เลย เพราะพอโดนแสง flash ตาก็พร่าไปหมด ต้องรีบกระพริบตา แล้วควานหาว่าอ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษไปถึงตรงไหนแล้ว เคราะห์ดีที่เป็นคนตาไว (จึงขี้มักมองเห็นคำที่สะกดผิดโดยไม่ต้องมองหา...มาจนบัดนี้) เลยไม่มีปัญหา แต่ก็ทำให้มีอาการเกลียด flash มาตั้งแต่บัดนั้น
เกลียดมาจนถึงตอนนี้ เลยไม่ยอมใช้ flash ในการถ่ายรูป แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน หรือว่ามีเงามืด
๏๏๏๏๏๏____ มาคุย...____๏๏๏๏๏๏
สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่น ขอขอบคุณ คุณ คนชอบดอกไม้ ที่ทำให้คนแก่รู้สึกรื่นอารมณ์เพราะได้รับคำชมนะคะ
ขอให้จำเริญ จำเริญเถอะแม่คุณ
ทีนี้ เรื่องเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป
ขอบอกความจริงที่ตรงนี้โดยไม่มีเท็จผสมเลยสักหยดว่า
เจ้าของกระทู้เป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกล้องและการถ่ายรูปเท่าที่ควรจะรู้นะคะ
คือ ใช้กล้องอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2007 แต่จนป่านนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าอะไรเป็นอะไร
ได้ยินใครพูดว่า F หรือว่า mm เท่านั้นเท่านี้ของเล็นส์ชนิดนั้นชนิดนี้ ก็ได้แต่เงียบ ฟังอย่างเดียว(แถมไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก)
หรือเมื่อมีใครพูดคำว่า depth of field ก็ยังไม่ซึ้งว่าคืออะไรแน่ เพราะ field ของเจ้าของกระทู้ไม่มี depth ค่ะ มีแต่กว้างไกล มีวัวมีไก่ อะไรเทือกนั้น
สรุปว่า ศัพท์เท็คนิคทั้งหลายของกล้อง ก็คือ คำที่อยู่นอกพจนานุกรมของเจ้าของกระทู้นั่นเอง
ความจริงรู้จักกล้องถ่ายรูปมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมนะคะ เมื่อสมัยที่กล้องถ่ายรูปยังเป็นอะไรที่เรียกว่า “พิเศษ”
ที่รู้จัก เพราะว่าเห็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอเพิ่งซื้อกล้องถ่ายรูป แล้วเอามาถ่ายรูปเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น
พอถ่ายเสร็จ เธอก็เปิดกล้อง เอาฟีล์มออกมาคลี่...ส่องดู ปรากฏว่า ขาว ใส ไปทั้งฟีล์ม
เมื่อได้ยินผู้ใหญ่แถว ๆ นั้นคุยเชิงทะเลาะกัน
ก็เลยได้ความรู้ว่า เมื่อถ่ายรูปจนฟีล์มหมดม้วนแล้ว ต้องเอาไปให้ช่างที่ร้านถ่ายรูปเขาล้าง และ อัด
ก็ยังไม่เข้าใจนักว่า วิธีการที่เรียกว่า ล้าง และ อัด นั้น ทำอย่างไร แต่พอจะเดาได้ว่าคงไม่ใช่ล้างในน้ำแน่ ๆ
พอโตขึ้นหน่อย ไปเรียนในโรงเรียนที่อยู่ตรงปากคลองตลาด
คราวนี้ใกล้ชิดกับกล้องถ่ายรูปจริง ๆ แต่ไม่เคยได้จับหรอกค่ะ เพราะเป็นกล้องของคนอื่น
คนที่ชอบเอากล้องมาใกล้ชิดเจ้าของกระทู้มากที่สุดก็คือ คนที่ทุกคนเรียกกันว่า “ท่านเหมาะ” ท่านเป็นหม่อมเจ้าที่มีนามเต็ม ๆ ว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ท่านคือ ท่านเหมาะ มีหน้าที่ทำอะไรต่ออะไรที่เกี่ยวกับกิจการโน่นนี่และควบคุมการเงินของนักเรียนประจำ
และ ท่านเป็นตากล้องของโรงเรียน
เวลาโรงเรียนมีงาน เจ้าของกระทู้มักโดนจับให้แสดงโน่นนี่...เรื่อยเปื่อย ก็เลยโดนท่านเหมาะเอากล้องมาจ่ออย่างใกล้ชิด ทั้งในเวลาที่แสดง และเวลาที่ไม่แสดง เลยสังเกตได้ว่า การถ่ายรูปนี่ไม่ใช่มีแค่ท่ายกกล้องแล้วกดท่าเดียว เพราะท่านเหมาะเธอมีหลายท่า ท่านั่งท่ายืนท่าเอียงท่าเอี้ยว
เลยไปถึงท่าออกคำสั่ง...หันซ้าย หันขวา หันข้างแต่เอียงหน้ามามองทางนี้ มองตรงมองสูงมองต่ำ ยิ้มกว้าง ๆ ยิ้มแค่แย้ม ๆ อย่าอ้าปากหัวเราะนะยะ เดี๋ยวเลยมีแต่ถ้ำเต็มหน้า ฯลฯ ซึ่งคำสั่งเหล่านี้ เจ้าของกระทู้ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
และเพราะเจ้าของกระทู้เป็นคนที่ อ่านและพูดภาษาไทย(เลยไปถึงเขียน)ได้อย่างชัดเจน ไม่มีผิดพลาด(แฮ่ะ อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะคะ)
ก็เลย...พอมีงานที่เป็นงานเป็นการ เช่น งานครบรอบวันประสูติของ”ท่านจารย์” หรืองานต้อนรับผู้ใหญ่ ฯลฯ ที่ต้องมีการพูด(อ่านที่ครูเขียนให้)บนเวที...ในห้องประชุม เจ้าของกระทู้ก็โดนมอบหน้าที่ให้ อ่านทั้งร้อยแก้ว และเอื้อนทั้งร้อยกรอง เจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ถึงตอนนี้แหละค่ะ ที่รู้จักว่าใดคือ flash ที่ใช้กับกล้อง และเกลียดมาก ๆ เลย เพราะพอโดนแสง flash ตาก็พร่าไปหมด ต้องรีบกระพริบตา แล้วควานหาว่าอ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษไปถึงตรงไหนแล้ว เคราะห์ดีที่เป็นคนตาไว (จึงขี้มักมองเห็นคำที่สะกดผิดโดยไม่ต้องมองหา...มาจนบัดนี้) เลยไม่มีปัญหา แต่ก็ทำให้มีอาการเกลียด flash มาตั้งแต่บัดนั้น
เกลียดมาจนถึงตอนนี้ เลยไม่ยอมใช้ flash ในการถ่ายรูป แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน หรือว่ามีเงามืด