ได้คิด เมื่อคิดได้... คิดได้ เมื่อได้คิด...
คนเราในยามปกติ ก็จะดำเนินชีวิตไปแบบเรียบง่าย คิดนั่นคิดนี่ ทำนั่นทำนี่ ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเกิดปัญหาก็จะคิดแก้ปัญหากันไปและเมื่อมีวุฒิภาวะมากขึ้น แม้นว่าไม่เกิดปัญหาก็สามารถคิดได้ว่าสาเหตุของสิ่งที่มากระทบกับชีวิตมีสาเหตุใดและจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องในการดำเนินชีวิต...
ปัญหาส่วนใหญ่ทำให้เรามีสมาธิระดับต้นที่จะ มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา ใช้การสังเกต ใช้ประสบการณ์จากเหตุการณ์ใกล้เคียงกันหรือสถานการณ์ของปัญหานั้นๆนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา และมักพบว่า การสังเกตสภาพแวดล้อมของปัญหาจะสามารถเห็นต้นตอของปัญหาและหาวิธีการแก้ปัญหา ได้อย่างงา่ยๆ โดยไม่ต้องทำในเป็นนเรื่องซับซ้อนแต่อย่างใด... เช่น ต้องการให้วางรองเท้าให้เป็นระเบียบ ก็เพียงทำช่องหรือทำเครื่องหมายลงพื้นให้วางรองเท้าให้พอดีทำให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นการประยุกต์มาจากที่จอดรถที่ขีดเป็นช่องพอดีที่ทำให้การจอดรถมีระเบียบ เป็นต้น
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีปัญหาก่อนถึงจะคิดได้ คนที่สังเกตุสิ่งแวดล้อมรอบข้างอยู่สม่ำเสมอจะเห็นสภาพความเป็นจริงและถ้ามีทักษะการสื่อสารก็จะสามารถอธิบายความเป็นจริงเหล่านั้นออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ ก็จะช่วยให้สังคมเราน่าอยู่ขึ้นมาก
แล้ว การสังเกตุ การคิด เกี่ยวอะไรกับการทำธุรกิจ ?
ทั้งการสังเกตและการคิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างมาก จะเห็นว่าความรู้ทางตะวันตกในการทำธุรกิจจะให้เริ่มจาก วิสัยทัศน์ (Vision) ซึ่งเป็นความคิดถึงอนาคตที่จะไปให้ถึง ให้สังเคราะห์วิสัยทัศน์ออกมาเป็นพันธกิจ (Mission) หรือ สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุผลตามวิสัยทัศน์นั้นๆ ให้ศึกษาความสามารถของทีมงานเพื่อวางแผนปฏิบัติงาน (Task) ให้แต่ละทีมทำเพื่อบรรลุพันธกิจ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นก่อนการลงมือปฏิบัติ เป็นทฤษฎีการบริหารเชิงกลยุทธ์ทั่วๆไป...
ทั้งหมดคือการคิดอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนโดยผ่านการสังเกต สังเคราะห์ วิเคราะห์ และ นำมาสร้างแนวทางการดำเนินงานที่ได้ผล ส่งให้การทำธุรกิจมีขั้นตอนไม่สับสนวุ่นวายและรู้ว่าจะดำเนินธุรกิจไปในทิศทางใด ผู้ประกอบการก็ชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร..
หากเริ่มคิดในตอนนี้ ก็สามารถคิดได้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปเป็นขั้นเป็นตอน
แต่คนไทยทำธุรกิจแบบลุยไปก่อน... เมื่อทำธุรกิจถึงจุดหนึ่งไปต่อไปไม่ได้ค่อยกลับมาคิดว่าจะทำอะไรเพื่อให้ธุรกิจก้าวเดินต่อไปให้ได้ เพราะประสบการณ์ของเจ้าของธุรกิจบอกว่าถ้ายังทำแบบไม่เป็นระบบแบบนี้ ทำแบบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ จะไม่สามารถก้าวผ่านไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้... นักธรุกิจที่ต้องการก้าวข้ามธุรกิจครอบครัวให้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่จึงต้องกลับมาคิดวางแผนกลยุทธ์ใหม่ทั้งระบบ ซึ่งเห็นกันอยู่บ่อยๆ
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ท่านถามตัวเองหรือยังว่า... ธุรกิจของท่านคาดหวังอะไรและจะดำเนินการไปอย่างไร... เพื่อให้เป็นไปตามที่คาดหวังที่วาดไว้...
ได้คิด เมื่อคิดได้... คิดได้ เมื่อได้คิด...
คนเราในยามปกติ ก็จะดำเนินชีวิตไปแบบเรียบง่าย คิดนั่นคิดนี่ ทำนั่นทำนี่ ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเกิดปัญหาก็จะคิดแก้ปัญหากันไปและเมื่อมีวุฒิภาวะมากขึ้น แม้นว่าไม่เกิดปัญหาก็สามารถคิดได้ว่าสาเหตุของสิ่งที่มากระทบกับชีวิตมีสาเหตุใดและจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องในการดำเนินชีวิต...
ปัญหาส่วนใหญ่ทำให้เรามีสมาธิระดับต้นที่จะ มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา ใช้การสังเกต ใช้ประสบการณ์จากเหตุการณ์ใกล้เคียงกันหรือสถานการณ์ของปัญหานั้นๆนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา และมักพบว่า การสังเกตสภาพแวดล้อมของปัญหาจะสามารถเห็นต้นตอของปัญหาและหาวิธีการแก้ปัญหา ได้อย่างงา่ยๆ โดยไม่ต้องทำในเป็นนเรื่องซับซ้อนแต่อย่างใด... เช่น ต้องการให้วางรองเท้าให้เป็นระเบียบ ก็เพียงทำช่องหรือทำเครื่องหมายลงพื้นให้วางรองเท้าให้พอดีทำให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นการประยุกต์มาจากที่จอดรถที่ขีดเป็นช่องพอดีที่ทำให้การจอดรถมีระเบียบ เป็นต้น
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีปัญหาก่อนถึงจะคิดได้ คนที่สังเกตุสิ่งแวดล้อมรอบข้างอยู่สม่ำเสมอจะเห็นสภาพความเป็นจริงและถ้ามีทักษะการสื่อสารก็จะสามารถอธิบายความเป็นจริงเหล่านั้นออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ ก็จะช่วยให้สังคมเราน่าอยู่ขึ้นมาก
แล้ว การสังเกตุ การคิด เกี่ยวอะไรกับการทำธุรกิจ ?
ทั้งการสังเกตและการคิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างมาก จะเห็นว่าความรู้ทางตะวันตกในการทำธุรกิจจะให้เริ่มจาก วิสัยทัศน์ (Vision) ซึ่งเป็นความคิดถึงอนาคตที่จะไปให้ถึง ให้สังเคราะห์วิสัยทัศน์ออกมาเป็นพันธกิจ (Mission) หรือ สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุผลตามวิสัยทัศน์นั้นๆ ให้ศึกษาความสามารถของทีมงานเพื่อวางแผนปฏิบัติงาน (Task) ให้แต่ละทีมทำเพื่อบรรลุพันธกิจ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นก่อนการลงมือปฏิบัติ เป็นทฤษฎีการบริหารเชิงกลยุทธ์ทั่วๆไป...
ทั้งหมดคือการคิดอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนโดยผ่านการสังเกต สังเคราะห์ วิเคราะห์ และ นำมาสร้างแนวทางการดำเนินงานที่ได้ผล ส่งให้การทำธุรกิจมีขั้นตอนไม่สับสนวุ่นวายและรู้ว่าจะดำเนินธุรกิจไปในทิศทางใด ผู้ประกอบการก็ชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร..
หากเริ่มคิดในตอนนี้ ก็สามารถคิดได้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปเป็นขั้นเป็นตอน
แต่คนไทยทำธุรกิจแบบลุยไปก่อน... เมื่อทำธุรกิจถึงจุดหนึ่งไปต่อไปไม่ได้ค่อยกลับมาคิดว่าจะทำอะไรเพื่อให้ธุรกิจก้าวเดินต่อไปให้ได้ เพราะประสบการณ์ของเจ้าของธุรกิจบอกว่าถ้ายังทำแบบไม่เป็นระบบแบบนี้ ทำแบบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ จะไม่สามารถก้าวผ่านไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้... นักธรุกิจที่ต้องการก้าวข้ามธุรกิจครอบครัวให้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่จึงต้องกลับมาคิดวางแผนกลยุทธ์ใหม่ทั้งระบบ ซึ่งเห็นกันอยู่บ่อยๆ
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ท่านถามตัวเองหรือยังว่า... ธุรกิจของท่านคาดหวังอะไรและจะดำเนินการไปอย่างไร... เพื่อให้เป็นไปตามที่คาดหวังที่วาดไว้...