ความรู้สึกของคนที่ถูก โครงการรัฐบาล และ SME Bank หักหลัง

ผมเป็นสมาชิกในพันทิพมาเป็น 10 ปี เคยโพสแค่ครั้งหรือสองครั้ง โดยเฉพาะด้านธุรกิจ ในห้องสีลม เพราะผมเป็นคนทำธุรกิจ
ผมทำธุรกิจด้านเกษตรมา 8 ปี ค่อยๆสร้างขึ้นมา ผ่านช่วงเวลาวิกฤติ มาหลายครั้งพอสมควร ด้วยความที่ทำเกษตร นโยบายรัฐบาลมีผลกระทบมาก เพียงนิดเดียวกระทบคนเป็นล้านคนได้ กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาในช่วงเวลาของวิกฤติอีกครั้งและถือเป็นวิกฤติที่สุดในชีวิตการทำธุรกิจ วัตถุประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้แค่ต้องการระบายความรู้สึก อัดอั้น คับแค้น โกรธ เสียใจ เพราะผมไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้

คำหลอกลวงของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ นโยบายที่ดีแต่ภาพไม่สนใจแนวการนำไปปฏิบัติรองนายกรัฐมนตรีสมคิด กระบวนการการทำงานที่ยำ่แย่ของราชการกระทรวงอุตสาหกรรม การอยู่ในโลกของทฤษฏ๊ของรัฐวิสาหกิจธนาคาร SME ทั้งหมดรวมอยู่ใน "โครงการประชารัฐ"

ถ้าเป็นอาหาร มันคืออาหารที่รวมทั้ง วัตถุดิบ เครื่องปรุง พ่อครัว และภาชนะ ที่เลวร้ายมารวมกัน และให้ประชาชนกิน

ผมยอมรับว่าหลังการปฏิวัติธุรกิจได้รับผมกระทบพอสมควร แต่ก็นั่นแหละ ผมเป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่ไปเดินเหมือนคนว่างงาน นอนเหมือนคนจรจัดเพราะอุดมการณ์ที่คิดว่าประเทศชาติจะดีขึ้น เมื่อมีปฏิวัติผมคนหนึ่งที่ดีใจ และคิดในใจ "เสร็จงานสักที ไปทำมาหากินต่อ" หลังจากปฏิวัติ รัฐบาลจัดการปัญหาการเมืองเสร็จเรียบร้อย นายกประยุทธ์ พูดในช่องทีวีตอนเย็น "สนับสนุนผู้ประกอบการ" "ผู้ประกอบการไทยต้องใจถึง" "ผู้ประกอบการไทยต้องใจกล้า" "ไม่ต้องกลัว รัฐบาลนี้จะช่วย" คำพูดเหล่านี้ทำใจผมฮึกเหิม ซึ่งเดิมทีผมทำด้านเกษตร ได้รับผลกระทบมาพอสมควรในช่วงรัฐบาลที่แล้วแต่โดยส่วนตัวผลเข้าใจว่าเราเป็นเกษตรเราต้องปรับตัว ซึ่งผมก็พยายามปรับตัวต่อเนื่องโดยตลอด และวางแผนในการไปลงทุนต่างประเทศ!!!! ผมจะไม่ใช่แค่ชาวนาปลูกข้าวแล้วรอฟ้าฝนความเมตตาจากรัฐบาล ผมจะทำตลาดด้วยตัวเองด้วยคำพูดของนายกนั้นผมตัดสินใจ
ผมจะไปลงทุนต่างประเทศเพื่อนำเข้าข้าวที่ปลูกและกลุ่มเกษตรกร มาขายเอง ในประเทศหนึ่งในกลุ่มอาเซียนเพราะตอนนั้น AEC โปรโมทมาก (สำหรับผู้ที่ยังอยู่ในดีสนีย์แลนด์ ผมต้องขออธิบายเพิ่ม คำถามแรก บางคนต้องคิดว่า เห้ยย ทำไมโง่ คุณทำไมไม่ไปขาย รูปแบบ E-Commerce : ผมขออธิบายว่า ข้าวเป็นสินค้าที่ส่งออกยากและซับซ้อนมาก มีกฏระเบียบ ต่างๆ ทั้งแบบชัดเจนและไม่ชัดเจน ซึ่งถ้าจะอธิบายในนี้คงผิดประเด็นไปเยอะ เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับ E-Commerce, คำถามที่ 2 ทำไมต้องไปลงทุนที่ต่างประเทศเอง ทำไมไม่หาผู้นำเข้าในประเทศนั้นๆ มาซื้อไป : ผมขออธิบายว่า ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญที่เราต้องยอมรับคือ ต้นทุนการผลิตสูงกว่าการจะไปแข่งขันกับผู้นำเข้า ประเทศคู่แข่งได้เปรียบกว่า รวมถึงความซื่อสัตย์ในการทำการค้า และปัจจัยต่างๆ)

หลังจากลงทุนไปสักระยะด้วยเงินเก็บสะสมเดิม รัฐบาลมี "โครงการประชารัฐ" อาหารที่ดูสวยงามและตรงใจผมในตอนนั้นที่สุดด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 1% สามารถพักเงินต้นได้ 3ปี ผมยื่นโครงการแทบจะทันทีในปีที่แล้ว และวาดฝันไว้ว่าโครงการนี้คือคำตอบและเติมเต็มโครงสร้างโมเดลธุรกิจ ด้วยโครงการจะซื้อเครื่องจักรและก่อสร้างอาคารและเงินทุนหมุนเวียนจำนวนหนึ่ง และทุนที่ผมขอไปก็ถือว่าน้อยมาก แต่....................... แล้ววันหนึ่งก็ต้องตื่นจากฝัน

เงินทุนที่ขอไป ตัดไป 30% เพื่อขอแบ่งคนอื่น (แต่เหตุผลจริงๆคือกรรมการมองว่าธุรกิจข้าวไปไม่รอด) ระยะเวลาปลอดเงินต้น ไม่มี..... อืมมมม ในใจตอนนั้นคิด ไม่เป็นไร พอจัดการได้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เงินยังไม่ได้ ต้องก่อสร้างเสร็จ ผมเริ่มใช้เงินเก็บสำรองการลงทุนในการก่อสร้าง สั่งจองเครื่องจักร เงินก้อนแรกที่เบิกได้ ใช้เวลา 8 เดือน!!!!!!!!!! คุณลองนึกสภาพคุณทำธุรกิจ ซึ่งต้องใช้เงินหมุนอย่างต่อเนื่อง แล้วจู่ๆ คุณต้องนำเงินไปลงทุนอย่างใดอย่างนึง เพราะคิดว่าจะไม่นาน แต่ใช้เวลาเกือบปี กว่าจะได้เงินและเป็นแค่เสี้ยวเดียวของเงินทั้งหมด เครื่องจักรที่จองไว้ราคาขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพราะรุ่นเดิมไม่มี มีรุ่นใหม่ จะเปลี่ยนเครื่องจักรก็ไม่ได้ ผมเหมือนเป็นลิงชิงบอลของหน่วยงานรัฐ 2 หน่วยงาน ทั้ง  SME และอุตสาหกรรม เวลาตามต่างโยนกันไปโยนกันมา โทรไปบางทีก็ลา ลาที หลายวันติดต่อ บางครั้งพ่วงเทศกาล วันที่ไม่ลาครึ่งนึงก็ไปประชุม สัมมนา อบรม ฯลฯ ชีวิตเจ้าหน้าที่ราชการช่างมีความสุข ในขณะที่ผมทำธุรกิจต้องคอยลุ้นทุกวัน แต่ละวันผ่านไปรวดเร็วมาก นอนไม่หลับ เข้านอนก็ไม่อยากให้เช้า ปัญหามันประดังเข้ามาต่อเนื่อง เครดิตเสีย ทั้งเครดิตกับเอกชนด้วยกัน ทั้งธนาคารพังพินาศไปหมดกับอาหารพิษจานนี้ ทุกวันนี้ติดตามก็ไม่รับโทรศัพท์ ซึ่งในส่วนลึกแล้วก็ไม่ได้อยากโทรถ้าเราไม่จำเป็นจริงๆ เข้าบอร์ดทีนัดกันข้ามเดือน อ้างว่าตามตัวยากบ้าง อะไรบ้าง พอเราเร่งก็บอก "อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์เอง ทนหน่อย" เห้ยยยยยยย ใช้หน่วยเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเพราะคุณกินเงินเดือน ผมทำธุรกิจ ทุกวันนี้ว่าเป็นหลักวัน หลักครึ่งวัน แล้ว พวกคุณใจเย็นได้เพราะคุณไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยยยย

สุดท้ายหากมีคนอ่านผมขอขอบคุณมากที่มาอ่าน ถ้าผมใช้คำอะไรไม่ดีต้องขออภัยด้วย แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นบทเรียนขอผมและทุกคน ว่าบ้านเมืองเราปัญหาสำคัญคือ ข้าราชการซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนเฉื่อยชากับระบบการทำงานที่ห่วย เมื่อรวมกับผู้นำที่ขาดความสามารถในการบริหารและจินตนาการว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ต่อให้นโยบายจะสวยหรูดูดีแค่ไหนเมื่อนำมาปฏิบัติ ก็ไม่ต่างกับอาหารพิษในจานที่สวยหรู

ปล.จนถึงตอนนี้ 13เดือนแล้ว เงินรายเดือนก็ต้องผ่อนจ่ายเต็มจำนวนตั้งแต่ได้รับเงินงวดแรก แต่เงินโครงการได้มาครึ่งเดียว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ ธนาคารดีนะครับ แต่ระดับเหนือๆขึ้นไปนี่เป็นตัวถ่วงระบบมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่