มาแบ่งปันความรู้สึก และวิเคราะห์ตัวหนัง อเวนเจอร์ สงครามล่าอัญมณี
ความรู้สึกแรกเลยที่แว่บเข้ามาหลังจากดูจบ คือ they’re not ready for this
เข้าใจว่านี่เป็นหนังฉลองครบรอบ 10 ปีของมาเวล ซึ่งเหมือนกับการเปิดศักราชใหม่ของ Phase ใหม่
ที่มันจะต้องอลังการ ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยความเคารพ ด้วยความยิ่งใหญ่นั่นเองทำให้หนังมีช่องโหว่มากมายเหลือเกิน
เอาละเริ่มที่ข้อเสียของหนังกันก่อนเลย
หนังดำเนินเนื้อเรื่องไวชนิดติดจรวด เนื่องด้วยเวลาที่เรียกว่าน้อย สำหรับสเกลตัวละครขนาดนี้ ทำให้การพบปะเจอกันครั้งแรก ของฮีโร่บางคู่ ไม่น่าจดจำเท่าที่ควร และทำให้การเล่าเรื่องมันไม่กลมกล่อม ยิ่งแย่ที่สุดคือการทำให้ตัวละครดีๆเ ช่นทีม black order (children of thanos) กลายเป็นตัวร้ายเกรดซีไปเลย ตัวละครไม่มีมิติ ฉากเรียกชื่อยังไม่มี ไร้โมเม้นต์ที่น่าจดจำ เนื่องจากหนังเน้นในตัวธานอสมาก มากซะจนควรจะทำอีกซักภาคแยกออกจากกันได้เลย แต่นี่เอาทุกตัวมารวมกันในเรื่องเดียว ย่อมต้องเน้นที่ตัวหลักอย่างธานอสเพียงตัวเดียว ทั้งๆที่ทีมนี้สามาถต่อยอดไปได้อีกเยอะมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุด
ด้วยเวลาอันจำกัดนี้ ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องขาดความบาลานซ์อย่างรุนแรง การตัดต่อหนังก็ห้วนจนบางทีทำให้เสียอารมณ์ไม่น้อย
เช่น ทีมแคป ที่กลายเป็นทีมจืดจางไปเลย เราจะไม่ได้เห็นความสามารถที่ทีมแคปควรจะได้โชว์ แต่ดันได้การบัพพลังการต่อสู้ขึ้นมาแทนซะงั้น ซึ่งมันไม่เมคเซ้นมากๆ เราจะไม่ได้เห็นแคปวางแผน สั่งการในสถานการณ์คับขัน หรือแบล็กวิโดว์ ใช้ทักษะจิตวิทยา และไหวพริบในการหยุดยั้งเทรซสาเร็กแบบในอเวนเจอร์ภาคแรก ซึ่งมันน่าเสียดายมากๆ ไม่เหมือนกับที่ทาง ผกก เคยบอกไว้ว่า เรื่องนี้จะเป็นแนวโจรกรรมแข่งกันล่าเพชร (นี่มันไม่ใกล้เคียงเลย) ซึ่งผมเห็นด้วยนะ ถ้ามันจะเป็นแนวนั้น เนื่องจากเราจะได้ลูกล่อลูกชน การวางแผนรบแบบกองโจร แข่งกับการวางแผนรบ ของ คอวัส เกรฟ ที่เป็นผู้นำทัพทหารธานอส แต่สิ่งที่เราเจอในหนังคือ ทีมแคปเก่งขึ้นชนิดที่มาบู๋กับผู้นำทัพธานอส ที่นำทัพล้างดาวมานับร้อยได้เฉย (คอวัส เกรฟ และ พรอกซิม่ามิดไนท์นี่ ต่อให้โดนลดสเกลพลัง ก็ยังควรจะเก่งกว่าโลกิหลายขุม ในขณะที่แคปสู้โลกิภาคแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ) บอกได้เลยว่าบทมีช่องโหว่ใหญ่มาก แม้แต่ราชาเสือดำ ที่น่าจะได้โชว์ฝีมือดวลกับ แบล็กดวาร์ฟ ก็มีแต่บทจืดจาง ยิ่งกว่าแคปเสียอีก (ไม่ต้องนับตอนตายของแบล็กออเดอร์นะ อนาถมาก)
นอกจากนี้ธานอส ตัวแสบระดับบิ้กบอสของมาเวล ดันกลายเป็นพ่อพระซะงั้น เข้าใจว่าหนังพยายามสร้างมิติใหม่ ให้ตัวบทนี้ กลายเป็นกึ่งตัวร้าย ที่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่แบบว่า มันทำให้พี่แกดูไม่ขลังซะงั้น ด้วยความมุ่งมั่นระดับฆ่าล้างครึ่งดาวมานับร้อย และพลังที่ดูเหมือนจะไร้ต้านทาน แถมได้หินพาวเวอร์สโตนมาครอบครองแล้วเนี่ย แทบจะไม่น่ามีโอกาสที่เหล่าฮีโร่จะดวลได้เลย พี่แกน่าจะสังหารทุกคนที่ขวางหน้าได้แบบไม่แยแส แถมไม่น่าต้องเหนื่อยด้วยซ้ำ ดังนั้นผมคิดว่านี่มันเร็วไปที่ฮีโร่ทั้งหมดยังไม่ได้วางแผนและเตรียมพร้อมเพื่อมาซัดกับธานอส (คิดดู พี่แกสยบดาวมาหลายร้อยดวง เผลอๆดาวบางดวงนี้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า และกำลังรบโหดกว่าโลกมาแล้ว แถมนี่พี่แกมีหินโกงสองเม็ด คือสเปซและพาวเวอร์ เปิดประตูวาร์ปส่งกองกำลังทั้งหมดยึดโลก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ) สรุปว่า สเกลฉากสงครามภาคนี้ ควรจะเกือบๆเทียบเท่า MOS แต่นี่ทำได้ไม่ถึงครึ่งของที่ควรจะเป็นเลยด้วยซ้ำ
บ่นมาก็เยอะแล้ว มาถึงส่วนดีๆของหนังบ้าง
หนังเรื่องนี้มียังคงลักษณะนิสัยของตัวละครฮีโร่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมGOG ที่ยังเกรียนได้คงเส้นคงวา การดวลฝีปาก และการใช้คอมโบกันระหว่างฮีโร่ ที่เราใฝ่ฝัน สนองนี้ดแฟนบอยได้อย่างดี และฉากสะเทือนใจเรื่องนี้สามารถทำให้เราจุกอกได้ชนิดที่พูดไม่ออก และเศร้าใจ เพราะความอินในตัวละคร
ความเซอร์ไพรสของหนัง ที่จะมีนู่นั่นนี่ ให้เราร้องว้าวได้ตลอด หากคนเคยอ่านคอมมิค จะต้องเคยคิดว่ามันน่าจะมีฉากล้างจักรวาลในตำนาน แต่อันนี้ต้องชมเลยว่าพี่แกกล้ามากที่เอามาปิดจบ
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ยังไงก็เป็นการรอคอยอันยาวนาน สำหรับมหากาพย์เรื่องนี้
ไม่ว่าจะมีข้อเสียแค่ไหน ไม่มีเหตุผลอันใดที่คุณควรพลาดการดูหน้งเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการชมภาพยนตร์ครับ
ความรู้สึก หลังจากดู avenger infinity war ** review แบบเสี่ยงสปอยล์ **
ความรู้สึกแรกเลยที่แว่บเข้ามาหลังจากดูจบ คือ they’re not ready for this
เข้าใจว่านี่เป็นหนังฉลองครบรอบ 10 ปีของมาเวล ซึ่งเหมือนกับการเปิดศักราชใหม่ของ Phase ใหม่
ที่มันจะต้องอลังการ ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยความเคารพ ด้วยความยิ่งใหญ่นั่นเองทำให้หนังมีช่องโหว่มากมายเหลือเกิน
เอาละเริ่มที่ข้อเสียของหนังกันก่อนเลย
หนังดำเนินเนื้อเรื่องไวชนิดติดจรวด เนื่องด้วยเวลาที่เรียกว่าน้อย สำหรับสเกลตัวละครขนาดนี้ ทำให้การพบปะเจอกันครั้งแรก ของฮีโร่บางคู่ ไม่น่าจดจำเท่าที่ควร และทำให้การเล่าเรื่องมันไม่กลมกล่อม ยิ่งแย่ที่สุดคือการทำให้ตัวละครดีๆเ ช่นทีม black order (children of thanos) กลายเป็นตัวร้ายเกรดซีไปเลย ตัวละครไม่มีมิติ ฉากเรียกชื่อยังไม่มี ไร้โมเม้นต์ที่น่าจดจำ เนื่องจากหนังเน้นในตัวธานอสมาก มากซะจนควรจะทำอีกซักภาคแยกออกจากกันได้เลย แต่นี่เอาทุกตัวมารวมกันในเรื่องเดียว ย่อมต้องเน้นที่ตัวหลักอย่างธานอสเพียงตัวเดียว ทั้งๆที่ทีมนี้สามาถต่อยอดไปได้อีกเยอะมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุด
ด้วยเวลาอันจำกัดนี้ ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องขาดความบาลานซ์อย่างรุนแรง การตัดต่อหนังก็ห้วนจนบางทีทำให้เสียอารมณ์ไม่น้อย
เช่น ทีมแคป ที่กลายเป็นทีมจืดจางไปเลย เราจะไม่ได้เห็นความสามารถที่ทีมแคปควรจะได้โชว์ แต่ดันได้การบัพพลังการต่อสู้ขึ้นมาแทนซะงั้น ซึ่งมันไม่เมคเซ้นมากๆ เราจะไม่ได้เห็นแคปวางแผน สั่งการในสถานการณ์คับขัน หรือแบล็กวิโดว์ ใช้ทักษะจิตวิทยา และไหวพริบในการหยุดยั้งเทรซสาเร็กแบบในอเวนเจอร์ภาคแรก ซึ่งมันน่าเสียดายมากๆ ไม่เหมือนกับที่ทาง ผกก เคยบอกไว้ว่า เรื่องนี้จะเป็นแนวโจรกรรมแข่งกันล่าเพชร (นี่มันไม่ใกล้เคียงเลย) ซึ่งผมเห็นด้วยนะ ถ้ามันจะเป็นแนวนั้น เนื่องจากเราจะได้ลูกล่อลูกชน การวางแผนรบแบบกองโจร แข่งกับการวางแผนรบ ของ คอวัส เกรฟ ที่เป็นผู้นำทัพทหารธานอส แต่สิ่งที่เราเจอในหนังคือ ทีมแคปเก่งขึ้นชนิดที่มาบู๋กับผู้นำทัพธานอส ที่นำทัพล้างดาวมานับร้อยได้เฉย (คอวัส เกรฟ และ พรอกซิม่ามิดไนท์นี่ ต่อให้โดนลดสเกลพลัง ก็ยังควรจะเก่งกว่าโลกิหลายขุม ในขณะที่แคปสู้โลกิภาคแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ) บอกได้เลยว่าบทมีช่องโหว่ใหญ่มาก แม้แต่ราชาเสือดำ ที่น่าจะได้โชว์ฝีมือดวลกับ แบล็กดวาร์ฟ ก็มีแต่บทจืดจาง ยิ่งกว่าแคปเสียอีก (ไม่ต้องนับตอนตายของแบล็กออเดอร์นะ อนาถมาก)
นอกจากนี้ธานอส ตัวแสบระดับบิ้กบอสของมาเวล ดันกลายเป็นพ่อพระซะงั้น เข้าใจว่าหนังพยายามสร้างมิติใหม่ ให้ตัวบทนี้ กลายเป็นกึ่งตัวร้าย ที่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่แบบว่า มันทำให้พี่แกดูไม่ขลังซะงั้น ด้วยความมุ่งมั่นระดับฆ่าล้างครึ่งดาวมานับร้อย และพลังที่ดูเหมือนจะไร้ต้านทาน แถมได้หินพาวเวอร์สโตนมาครอบครองแล้วเนี่ย แทบจะไม่น่ามีโอกาสที่เหล่าฮีโร่จะดวลได้เลย พี่แกน่าจะสังหารทุกคนที่ขวางหน้าได้แบบไม่แยแส แถมไม่น่าต้องเหนื่อยด้วยซ้ำ ดังนั้นผมคิดว่านี่มันเร็วไปที่ฮีโร่ทั้งหมดยังไม่ได้วางแผนและเตรียมพร้อมเพื่อมาซัดกับธานอส (คิดดู พี่แกสยบดาวมาหลายร้อยดวง เผลอๆดาวบางดวงนี้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า และกำลังรบโหดกว่าโลกมาแล้ว แถมนี่พี่แกมีหินโกงสองเม็ด คือสเปซและพาวเวอร์ เปิดประตูวาร์ปส่งกองกำลังทั้งหมดยึดโลก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ) สรุปว่า สเกลฉากสงครามภาคนี้ ควรจะเกือบๆเทียบเท่า MOS แต่นี่ทำได้ไม่ถึงครึ่งของที่ควรจะเป็นเลยด้วยซ้ำ
บ่นมาก็เยอะแล้ว มาถึงส่วนดีๆของหนังบ้าง
หนังเรื่องนี้มียังคงลักษณะนิสัยของตัวละครฮีโร่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมGOG ที่ยังเกรียนได้คงเส้นคงวา การดวลฝีปาก และการใช้คอมโบกันระหว่างฮีโร่ ที่เราใฝ่ฝัน สนองนี้ดแฟนบอยได้อย่างดี และฉากสะเทือนใจเรื่องนี้สามารถทำให้เราจุกอกได้ชนิดที่พูดไม่ออก และเศร้าใจ เพราะความอินในตัวละคร
ความเซอร์ไพรสของหนัง ที่จะมีนู่นั่นนี่ ให้เราร้องว้าวได้ตลอด หากคนเคยอ่านคอมมิค จะต้องเคยคิดว่ามันน่าจะมีฉากล้างจักรวาลในตำนาน แต่อันนี้ต้องชมเลยว่าพี่แกกล้ามากที่เอามาปิดจบ
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ยังไงก็เป็นการรอคอยอันยาวนาน สำหรับมหากาพย์เรื่องนี้
ไม่ว่าจะมีข้อเสียแค่ไหน ไม่มีเหตุผลอันใดที่คุณควรพลาดการดูหน้งเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการชมภาพยนตร์ครับ