รู้ไว้ก่อนไป...เวียดนามใต้ (โฮจิมินห์-ดาลัท-มุยเน่) สงกรานต์ 2018

ซินจ่าว.......สวัสดีครับ ใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเวียดนามใต้ (โฮจิมินห์-ดาลัท-มุยเน่) ผมมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากครับ อาจจะยาวสักหน่อย แต่หวังว่าคงจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ผมเดินทางไปเที่ยวเวียดนามใต้ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา (12-17 เมษายน 2561) ก่อนไปผมก็ได้ความรู้จากกการอ่านกระทู้รีวิวในพันทิปนี่แหละครับ ตอนนี้จึงต้องมาโพสต์ตอบแทนบุญคุณบ้าง 5555 เผื่อไว้เป็นความรู้สำหรับคนที่จะเดินทางรุ่นต่อไปครับ

1. กระทู้เก่าๆ และข้อมูลเกี่ยวกับ Veitnam Scam ใน Youtube อ่านไว้ดูไว้ก็ดีครับ ทำให้เราเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทเวลาที่เดินทางท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ถึงกับต้องบอกว่า "...เป็นประเทศที่ไม่มีวันจะไปเหยียบ..." เพราะคุณจะพลาดอะไรหลายๆ อย่างไปอย่างน่าเสียดาย หาข้อมูลก่อนไปไว้บ้างนะครับ สถานที่สำคัญต่างๆ mark ไว้ครับ Google Map ช่วยได้เยอะ จะได้ไม่ต้องไปพึ่งพาบริการต่างๆ ที่อาจโกงเราได้ครับ รถ cyclo ผมก็ไม่ไปนั่ง คนเดินมาขายของ หรือหยุดมองเราทานข้าว ก็อย่าไปสนใจครับ ตอนถือโทรศัพท์ดูแผนที่ก็อย่าลืมสังเกตผู้คนรอบข้างไว้สักนิดด้วยก็ดี กระเป๋าสตางค์ก็อย่าไปเปิดโชว์เงินมากๆ นะครับ เห็นหลายคนมือไวมาก มือเขามาถึงเงินเราก่อนเราจะหยิบให้เสียอีก ที่นี่ราคาอาหารและสินค้าใกล้เคียงกับไทย ลองคำนวณเอา ถ้าคิดว่าแพงกว่าที่ไทยก็อย่าไปซื้อ ผมจำแบงค์หมื่น 10.0 00 vnd เป็นแบงค์แสนทุกที แต่ดีที่ไม่จำแบงค์แสนเป็นแบงค์หมื่น 5555 ที่โฮจิมินท์น้องกลุ่มหนึ่งบอกผมว่าโดนแท็กซี่โกงค่าโดยสาร ตอนขึ้นก็กดมิเตอร์นะครับ แท็กซี่ก็ดูเป็นของบริษัทที่น่าเชื่อถือ น้องก็ดูมิเตอร์เป็นอย่างดี แต่พอถึงที่หมาย แท็กซี่รีบกดปิดมิเตอร์ครับ น้องบอกว่า เห็นประมาณ 50.000 vnd (70 บาท) แต่โดนแท็กซี่เรียก 500,000 vnd (700 บาท) ทั้งๆ ที่วิ่งมาไม่ไกล คือทำอะไรไม่ได้ครับ นอกจากบอกน้องว่า "ได้มาถึงเวียดนามละ"  5555 T_T

2. ตั๋วเครื่องบินมีหลายราคามากครับ พูดคุยกับน้องๆ คนไทยที่ไปเจอกัน บางคนซื้อตั๋วไปกลับเพียง 2,000 กว่าบาท แต่ต้องจองล่วงหน้านานถึง 4 เดือน ร่วมกับโปรโมชั่นของสายการบินครับ บางคนซื้อล่วงหน้านานเหมือนกันแต่จ่ายประมาณ 4,500 บาท ส่วนผมจ่ายไป 5,500 บาทครับ บิน AA รวมน้ำหนักกระเป๋าแล้ว ผมวางแผนการซื้อตั๋ว โดยดูเวลาที่จะออกจากบ้านและเวลากลับถึงบ้านที่เราสะดวกที่สุดครับ สำหรับผมคือไปบ่ายโมงกว่ากลับบ่ายสามโมงกว่าครับ ส่วนน้องอีกกลุ่มจองปุ๊บบินปั๊บก็คนละ 7,000 กว่าบาท

3. ซื้อตั๋วรถจากโฮจิมินห์ไปดาลัท ถ้าซื้อจาก Veitsea ราคาจะแพงกว่า ซื้อจาก Futa Bus ประมาณเกือบร้อย แต่ได้ขึ้นรถนอนเหมือนกัน คันเดียวกันครับ สำนักงานก็ห่างกันนิดเดียวครับ ผมจองแต่ทัวร์อุโมงค์กูจี ช่วงครึ่งวันบ่ายไว้กับทาง Veitsea ผมมาถึงโฮจิมินห์ก็นอนพักคืนแรก โรงแรมชื่อ Hong Kong แต่อยู่ที่โฮจิมินห์นะครับ พอใช้ อยู่หัวถนนใกล้ๆ ตลาดเบนถัน หาไม่ยาก รุ่งเช้าออกตระเวนเที่ยวในตัวเมือง รถรายังไม่พลุกพล่าน เดินชิลล์ๆ ครับ น่าจะเก็บได้ครบยกเว้นพิพิธภัณฑ์สงคราม (ไว้โอกาสหน้า) สัก 11 โมง ก็กลับมาอาบน้ำ Check Out ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม รอรถที่จะพาไปทัวร์มารับ ไกด์ทัวร์ที่พาไปชื่อ "คอย" ครับ อายุเพียง 20 ปี พูดอังกฤษสำเนียงเวียดนาม อาจจะฟังยากนิดหน่อย แต่ให้ความรู้ดีครับ ทัวร์อุโมงค์ที่อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าได้รับฟังเรื่องราวไปด้วยจะทำให้เข้าใจถึงความยากลำบากและความชาญฉลาดของทหารเวียดกง VC ในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี ใครที่ชอบทัวร์ประวัติศาสตร์ก็อย่าพลาดนะครับ

4. รถนอนเตียงบนหรือเตียงล่างดี ต้องบอกว่าแล้วแต่ดวงครับ แต่ละเตียงจะมีช่องให้สอดเท้าเข้าไป แต่บางคนก็เอาเท้าออกมาพาดบนช่องสอดเท้า ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนบ้านเขาอาจจะไม่ถือ บางทีนอนเตียงล่างคนเตียงบนก็ยื่นเท้าออกมานอกขอบเตียง แกว่งเท้าให้คนเตียงล่างดูเล่นครับ 5555 ตอนไปดาลัทผมนอนเตียงบน รถรอบดึกเหวี่ยงมาก แต่ก็เพลียหลับตลอดทาง ส่วนขากลับจากมุยเน่ตอนเช้าเลือกเตียงล่าง เลยเห็นเท้าเต็มตาเลย เคยคิดว่าทำไมไม่มีรถแบบนี้ในเมืองไทยเพราะแปลกดี ได้นอนยาวๆ ไป ก็เลยคิดได้ว่าคนไทยเราอาจจะยังถือเรื่องเท้าอยู่ก็เป็นได้

5. จุดคอยเพื่อจะขึ้นรถตู้ไปส่งที่ท่ารถของ Futa Bus มีห้องน้ำ แต่น่าจะไม่รับฝากกระเป๋า และ จนท.เวียดนามจะไม่บอกคิวเป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีป้ายบอกเวลาด้วยว่าถึงคิวเราแล้วหรือยัง พูดแต่ภาษาเวียดนาม เหย๋าๆๆ ผมเองก็ฟังไม่ออก พอถึงเวลาที่จะขึ้นรถ ผมจึงต้องเดินเอาตั๋วไปให้เขาดูอยู่หลายรอบว่า ถึงเวลาขึ้นรถแล้วนะ ไปได้ยัง จะมี จนท. อีกคนที่ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง สังเกตเอา แล้วไปถามคนนั้น รถตู้จะพาเราไปยังเต็นท์รถริมถนนใหญ่อีกแห่งเพื่อส่งเราไปขึ้นรถบัสนอน นึกว่าจะเป็นสถานีคล้ายๆ หมอชิตบ้านเรา ซึ่งจุดนั้นไม่มีห้องน้ำ ผู้ชายหลายคนแอบไปยิงกระต่ายข้างกำแพงเอา มีแสงไฟสลัวๆ จากไฟริมถนน แถมยุงเยอะอีก คนที่ถูกพามาก็รอกันอยู่ตรงนี้แหละครับ พอรถนอนมาจอดก็ต้องเข้าไปถามอีกครับว่าคันไหน ผมต้องไปรอบ 22.40 น. แต่กว่าจะได้ไปจริงก็ช้าไปเกือบชั่วโมง ยิ่งเมื่อรถถึงสถานีที่ดาลัท คนมากมายจะยืนรอขึ้นรถบัสเพื่อให้ขับไปส่งฟรีตามเส้นทางต่างๆ ถ้าเราพักใกล้จุดหลักๆ ตรงไหนก็ต้องถาม จนท.เขาอีก ดูวุ่นวายดีแท้ ผมพักโรงแรมทิวลิป ก็บอกเขา Tulip One แล้วรีบไปขึ้นรถตามที่เขาชี้ รถขับจากหอนาฬิกาขึ้นไปบนเนินตรงบันไดใหญ่ก็ลงได้ Google Map ช่วยได้เยอะครับ เดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว


6. โรงแรม Tulip ตีห้ากว่าๆ ผลักประตูเข้าไปได้นะครับ พนง.ก็นอนคลุมโปงอยู่ที่เตียงหน้าเคาน์เตอร์นั่นแหละ ไม่ต้องไปปลุกเขา แต่พยายามอย่าส่งเสียงดัง ผมเอากระเป๋าเข้าไปวาง ล็อคกระเป๋าไว้ เข้าห้องน้ำ แล้วเอาของมีค่าติดตัวออกไปเดินตลาดยามเช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลสาบ อากาศสดชื่น เย็นสบาย ทิวทัศน์งดงาม มีความสุขมากครับ ดอกไม้ออกดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมด รถรายังไม่มาก ท้องฟ้ากำลังเริ่มสว่าง ขอบอกว่าอย่าพลาดด้วยประการทั้งปวง นี่แหละครับคือรักแรกพบที่ดาลัท ผมเดินรอบทะเลสาบหนึ่งรอบ ไม่เหนื่อยนักเพราะเดินไปก็ถ่ายรูปไป กลับมาถึงโรงแรม พนง.เอากระเป๋าไปวางรวมไว้ให้เป็นอย่างดีครับ แต่ยัง Check in ไม่ได้นะครับเพราะยังไม่ถึงเวลา เดินข้ามฝั่งไปร้านอาหาร Lien Hoa มีขนมน่ากินมากมาย รวมทั้งโยเกิร์ตที่อร่อยมากครับ ส่วนอาหารหลักสำหรับผมว่ายังไม่ผ่าน สั่งโจ๊กกระดูกหมูกับเฝอซีฟู้ดมาก็เฉยๆ แค่พอทานได้ ออกไปหาร้านตามตรอกซอกซอยดีกว่าครับ ราคาไม่แพงนัก ขนมปังกรอบยัดไส้ (Bun Mi) ก็เป็นอาหารที่หาทานได้ทั่วไป อร่อย และไม่แพงเช่นกัน

7. เช่ามอเตอร์ไซค์ดีกว่า ไม่มีตำรวจคอยตรวจ 5555 ผมเองขับไม่เก่งมาก (แต่มีใบขับขี่ไทยนะครับ) ยังขับได้สนุกเลย ค่ารถออโต้ 6 $ เติมน้ำมัน 50,000 vnd (70 บาท) ดูท่าน้ำมันเหลือเต็มเลยครับ มองไม่ออกเพราะตัววัดระดับน้ำมันพัง เหมือนจงใจ ไม่ให้รู้ว่าน้ำมันใกล้หมดหรือเปล่า จะได้เติมเรื่อยๆ เพราะที่จะไปแต่ละที่ก็ไม่ไกลกันมาก ผมขับไป Lang Biang , สถานีรถไฟดาลัท , XQ (ปิด) , Crazy House , Big C ครับ เน้นที่ไม่ได้ไปกับทัวร์ครับ ผมจอง Da Lat City Tour 1 วัน ไว้กับทาง รร.ทิวลิป ค่าทัวร์ 170,000 vnd (255 บาท) ไม่รวมค่าเข้า Valley of Love 100,000 vnd (150 บาท), ค่า Cable Car 60,000 vnd (90 บาท), ค่า Roller Coaster 60,000 vnd (90 บาท) และค่าข้าวเที่ยงครับ ที่ดาลัทนี่ผมไม่เห็นไฟเขียวไฟแดงนะครับ เจอแต่วงเวียน ขับหลงก็ขับเข้าไปวนในวงเวียนนั่นหละครับ 555 หาทางออกเอาเอง ก็ใช้ Google Map อีกนั่นแหละ จะไปไหนก็ mark ไว้ กฎหลักๆ ของการขับรถที่นี่คงมีข้อเดียวคือ "อย่าขับชนกัน" คือจะขับยังไงก็ได้ แต่อย่าขับชนกัน รถยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ขับทางขวาตามๆ กันไป อาจดูมั่วๆ งงๆ แต่ก็ปลอดภัยดี เป็นประสบการณ์ขับรถมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในต่างประเทศของผมเลยก็ว่าได้

8. Lang Biang อย่าไปเที่ยงครับ ร้อนไม่พอ เสียค่าที่จอดมอเตอร์ไซค์ ค่าเข้า แถมต้องจ่ายค่ารถจี๊ปพาเข้าไปข้างในอีก เห็นเขาบอกว่าประมาณ 6 กิโล ที่พูดมานี่ผมไม่ได้เข้าไปหรอกครับ แค่ไปถ่ายรูปหน้าประตูแล้วก็กลับ เพราะอากาศร้อนมาก ส่วน Crazy House ก็แปลกประหลาดสมชื่อครับ ไปปีนหลังคาบ้านกัน ช่วงเย็นๆ อากาศดี เล่นเอาขาสั่นเหมือนกัน คนไทยเยอะครับที่ดาลัท เหมาะเป็นที่หนีร้อนเดือนเมษามากครับ ข้างทะเลสาบ มีตึกรูปทรงดอกไม้ตูม ดอกไม้บาน มีห้างใต้ตึก ด้านนอกเป็นลานกว้าง เป็นการจัดสรรพื้นที่พักผ่อนให้กับคนในเมืองได้ดีครับ มีรถเด็กซิ่งให้เช่า แปลกดี ฝึกขี่กันตั้งแต่เด็ก 5555 พ่อค้าแม่ค้ามาขายพิซซ่าเวียดนาม 20,000 vnd (30 บาท) ส่วนน้ำเต้าหู้ สตรอเบอรี่คลุกบ๊วย ซุปปู และอาหารปิ้งย่างเสียบไม้ ราคา 10,000 vnd (15 บาท) มีหลายเจ้ามาก เลือกชิมดูครับ สำหรับผมท้องไม่เสียก็เป็นอันว่ารสชาติใช้ได้ครับ ตรงบันไดใหญ่ รอบตลาดสด และถนนหน้าวงเวียนเห็ด (รูปปั้นคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ครับ แต่ผมมองเป็นเห็ดยักษ์) ก็มีของในท้องถิ่นมาวางขายมากมายครับ ราคารับได้ ของฝากผมก็ซื้อจากร้าน L'ANGFARM มีหลายสาขาราคาไม่แพง มีของหลายอย่าง เดินดูเดินสอบถามราคาให้ทั่วๆ ก่อนก็ดีครับ ที่อยากแนะนำคือร้านขายน้ำเต้าหู้กับขนมครับ คนขายผู้หญิงอวบๆ หน้าคล้ายแขก ใส่แว่น พูดภาษาไทยได้ โอเคครับ อยากกินอะไรหยิบใส่จานไปนั่งกินได้เลย น้ำข้าวโพดกับน้ำถั่วเขียวก็รสชาติดีครับ มีโยเกิร์ตและคัสตาร์ดถ้วยเล็กๆ วางไว้ หยิบมากินได้เลย คิดเงินออกมาราคาไม่แรงครับ พอๆ กับบ้านเรา อุ่นท้องดีครับ ส่วนหอยนี่ขอบายครับ รอบตลาดมีอยู่ร้านเดียวจานละ 70,000 vnd (105 บาท) ถ้าในซอยแถวด้านบนเห็นมีอีกร้านจานละ 50,000 vnd (75 บาท) ใครชอบหอยก็ลองหากินดูครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่