ทริปนี้เป็นการเดินทางไปยุโรป!!!!
เราเที่ยวป่าเที่ยวเขา ตามล่าธรรมชาติกันมามากแล้วใน2-3 ปีที่ผ่านมา
ปีนี้เราจะเปลี่ยนมาเน้นเที่ยวเมืองกันบ้าง ..
โดยทริปนี้เราจะไปเช็คอินกันทั้งหมด 7 ประเทศ ภายในเวลา 15 วัน ..
1. London, United Kingdom
2. Paris / Strasbourg, France
3. Amsterdam, Netherlands
4. Brussel, Belgium
5. HallStatt, Austria
6. Munich / Neuschwanstein Castle, Germany
7. Lucern/ Lauterbrunnen/ Murren / Zermatt, Switzerland
ก่อนอื่น .. เอเลี่ยนอย่างเราก็ต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าก่อน เริ่มที่ UK Visa ก่อน รอบนี้รวดเร็วทันใจมาก
ที่แอลเอไม่มีสถานฑูตอังกฤษ เราจึงต้องกรอกเอกสารออนไลน์
จากนั้นก็เตรียมเอกสารให้ครบตามที่สถานฑูตกำหนด จ่ายเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ
ไปถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือให้เรียบร้อย จากนั้นก็จัดส่งเอกสารทุกอย่างลงกล่องแพ็คให้เรียบร้อย
ส่งไปรษณีย์ Express ไป นิวหยวก เลยจ้าา วีคต่อมาก็ได้คืนแล้ว รวดเร็วทันใจดีจริงๆ
เมื่อเราได้เล่มพาสปอร์ตคืนมาแล้ว ถัดไปก็ เชงเก้น วีซ่า
รอบนี้เราเลือกอยู่ปารีสนานสุด เราเลยต้องไปยื่นเรื่องขอเชงเก้นที่ทำการของฝรั่งเศส
ประทับใจมาก 1 วัน ได้คืนเลย ฮ่าา ฮ่าา ดี๊ดี //🤣😍
- London -
ทริปนี้เริ่มต้นเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Los Angeles หรือ LAX. ของเรานั่นเอง
โดยใช้เวลาเดินทางจากLA. ถึง London ประมาณ 9 ชั่วโมง
สายการบินของเราในทริปนี้ก็คือ Norwegian Airline เราอยู่ที่ลอนดอนกัน 2 คืน
ในลอนดอนนี่ก็เน้นตะลุยกิน กิน กิน แล้วก็ช้อปปิ้งค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าทัวร์ตัวแตกหรือทัวร์ตัวเบาดี
แต่ก็ถูกใจคุณผู้ชายที่บ้านมาก หอบ Fred Perry กลับมาแอลเอแบบ กระหน่ำสะใจ มากกก ..
ส่วนเราช้อปปิ้งมานิดหน่อยเพราะลงเครื่องปุ้บก็โดนนาฬิกาไป 1 เรือน ได้แท็ครีฟันคืนมา 17%
ถือโอกาสแจ้งให้ขาช็อปทราบว่าที่อังกฤษส่วนใหญ่ตอนนี้จะได้ 17% เกือบทุกอย่างเลยค่ะ
.. นอกจากนี้แล้วก็กินอย่างเดียวเลยค่ะ ..
Four Season, Burger & Lobster, ASSA,
Coppa Club, Sketch, Duck and Waffle เก็บเรียบค่ะ 😋🤣🤣
Coppa Club อาหารอร่อย วิวดี ราคาไม่โหด
[img]

[/img]
Sketch Afternoon Tea Course อาฟเตอร์นูน ที แบบเป้นคอร์ส อร่อยดี ราคาโหด ใช้เวลานาน
ใครจะไปทานนี่คือช่วงบ่ายต้องว่างนะคะ ไม่ต้องรับนัดที่ไหนเลย ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง
กินกันให้เบาหวานขึ้นเลยค่ะ ใครทานเก่งก็คุ้มค่ะ เติมได้ตลอดทั้งชาแล้วก็ขนมค่ะ
Duck and Waffle วิวสวย ราคาไม่โหด เปิด 24 ชม. ค่ะ
- P a r i s -
เมื่อเราอิ่มเอมจากลอนดอนกันแล้ว วันรุ่งขึ้นก็นั่ง EUROSTAR ไปปารีสกัน
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษก็ถึงปารีสค่ะ..กระเป๋าโดรนถูกรื้อ
ตรวจอย่างละเอียด เนื่องจาก Under Ground ของพี่ปารีสเพิ่งจะโดนวางระเบิดไปหมาดๆ
เสียเวลาไปพักใหญ่ ..
.. ถึงปารีสแล้วก็ไปรับรถที่เราจองกันเอาไว้ค่ะ ..
พาหนะคู่ใจในทริปนี้ก็คือ เจ้านี่เลย Mercedes ดูแลเราตลอดทริป..
ถ้าหากใครต้องขับรถบนถนนหรือขึ้นเขาที่มีหิมะตก หรือ มีหิมะปกคลุมบนถนน แนะนำให้เช่ารถในประเทศที่มีหิมะตก อย่างเช่นเยอรมันหรือสวิสเซอร์แลนด์นะคะ เพราะจะได้ล้อแบบวินเทอร์ ซีซั่น จะลุยหิมะได้ปลอดภัยกว่า เราดันไปเช่าจากปารีส เพราะคิดว่าจะขอล้อวินเทอร์ได้ ปรากฎว่าเค้าไม่มีออปชั่นล้อให้เลือกเลย เป็นล้อแบบออลซีซั่น เข้าสวิสปุ้บ งานเข้าเลยค่ะ ลื่นปรื้ดดปร้าดด ต้องค่อยๆขับย่องไป หัวใจจะวาย ขนาดเป็นโฟวิลไดร์ฟยังเอาไม่อยู่ค่ะ.. น่ากลัวมาก หรือไม่ก็เตรียมโซ่ใส่ล้อมาด้วยก็ดีค่ะ ทางบริษัทเช่ารถไม่มีให้ยืมค่ะ ต้องไปซื้อเพิ่มเอาเอง ก่อนซื้อก็เช็ครุ่นด้วยนะคะ ว่าโซ่กับล้อใส่ด้วยกันได้รึเปล่า
การขับรถในยุโรป ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนะคะ ถ้าไม่นับเรื่องพวงมาลัยรถที่อยู่ด้านซ้าย กับกรณีที่มีหิมะ
นอกนั่นก็สะดวกสบายดีค่ะ ถนนหนทางก็ดีค่ะ .. แต่เรื่องจ่ายค่าทางด่วน โดใช้บัตรเครดิต บางใบนางดีไคล
เพราะฉะนั้นเตรียมบัตรไปซัก 2-3 ใบ ..
ยกเว้นที่ปารีสค่ะคนขับรถกันเละเทะมาก ถนนก็แคบมากค่ะ โดนทิกเก็ตไป 1 ใบ
จาก ไฮเวย์ปารีส เรื่องสปีดรีมิทค่ะ
..สำหรับปารีส ถ้าใครไม่อยากขับรถ ก็มีใต้ดินไปถึงตามสถานที่เที่ยวแลนด์มาร์คต่างๆ
สามารถนั่งใต้ดินได้ ก็สะดวกสบายดีค่ะ แต่เราได้ยินกิตติศัพท์มามากเกี่ยวกับแกงค์ยิปซีล้วงกระเป๋า
อีกทั้งเพิ่งมีข่าววางระเบิดไป แล้วที่สำคัญเราต้องข้ามไปประเทศอื่นก่อน ดังนั้น!! แม่ไม่สะดวกค่ะ !! 555
.. ขอขับรถดีฝ่า ถึงแม้ว่าค่าที่จอดรถจะแสนแพง 😢
แต่ก็ไม่ต้องลากกระเป๋าเดินไปมา ขึ้นลงรถไฟให้เหนื่อยหอบค่ะ..
(แค่ลากขึ้นลงทูบที่ลอนดอนมา 2 วัน ก็เหนื่อยแล้ว .. แฮ่//)
ที่ปารีสเราทำภาระกิจเก็บแลนด์มาร์คแล้วก็กินกันค่ะ ไม่ได้ไปช็อปปิ้งเลย เพราะเราจะบินกลับแอลเอกันจากลอนดอน
เลยไม่ชัวร์เรื่องแท็ครีฟัน เลยรอช้อปที่ลอนดอนอย่างเดียว
(หากใครรู้เรื่องการรีฟันแท็ค กรณีซื้อของที่ฝรั่งเศสหรือประเทศอื่นๆในยุโรป แล้วไปทำแท็ครีฟันที่ลอนดอนได้ไม๊ ยังไง รบกวนขอความรู้ด้วยนะก๊ะ)
ในปารีสร้านอาหารที่เราจองเอาไว้มี 2 ร้าน แต่ร้านที่สองเรากลับมาจากสวิสไม่ทัน
รถติดมากเวอร์ เลยต้องโทรไปแคนเซิลเลย เสียใจมาก
แต่ก็ไม่เป็นไรรอบหน้าแก้ตัวใหม่ ..?เลยได้ไปทานมาแค่ที่ Le Cinq ที่เดียวค่ะ ..
⭐️⭐️⭐️
Le Cinq, the 3 Michelin star by Chef Christian Le Squer. The restaurant regained its third Michelin star in 2016. Also in 2016, Le Squer was voted chef of the year.
เลอแซง ตั้งอยู่ในโรงแรม Four Seasons Hotel George V ซึ่งเป็นหนึ่งใน Palace Hotels 6 ดาว เพียงไม่กี่แห่งในปารีส ตั้งอยู่ห่างจากถนน Champs Elysee เพียงไม่กี่นาที ..
เลอแซง การันตีความอร่อยโดย ⭐️⭐️⭐️ จาก Michelin Guide ซึ่งสูงสุดเท่าที่ร้านอาหารในโลกนี้จะได้รับ โดยในปารีสมีเพียง 10 ร้านเท่านั้นนอกจากนี้ ร้านนี้ยังอยู่ลิสท์ใน World’s Top 100 ของ La Liste อีกด้วยยยย..
จบจากปารีส เราก็ขับรถไปต่อกันที่ Amsterdam ประเทศ Netherland
เมื่อถึงที่พักเก็บเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดิน Red Light District ตลอด 2 ข้างทาง มีแต่กลิ่นแคนนาบิส แถมมีผู้หญิงนุ่งน้อย ห่มน้อย อยู่ในตู้เต็มเลย โฮ๊ะ โฮ๊ะ 😝 ตื่นเต้นน // เดินที่เรามาทิวลิปยังไม่บานน่าเสียดายจุง
จากอัมสเตอร์ดัมขับรถมาพักกันที่ บรัสเซล ประเทศ เบลเยี่ยม ..
คืนนี้เราพักกันที่ Hilton จากการพูดคุย สอบถามจากพนักงาน เมื่อก่อนที่นี่โจรเยอะมากๆเราจะเห็นป้ายเตือนให้ระวังเต็มไปหมด ขนาดรูมเซอร์วิทในห้องพักยังต้องให้พนักงานทางโรงแรมโทรมาคอนเฟิร์มก่อน ว่าตะมีรูมเซอร์วิทมาที่ห้อง ไม่อย่างนั้นห้ามเปิดให้ใครเข้ามาเด็ดขาด (สงสัยมีเคสเยอะแน่ๆ)
แต่ตอนนี้ลดลงแล้ว หลังจากที่มีเหตุวางระเบิด ก็มีทหารมายืนตามจุดต่างๆเต็มไปหมด ก็เลยทำให้เมืองปลอดภัยขึ้นจ้าาา..
เดินไปเดินมาได้นาฬิกามาอีก 1เรือน ของคุณป๋า..
เนื่องจากเราตามหามา 6 ประเทศแล้ว ไม่มีเลย ไปกี่ช็อบ ก็ ช็อบ ก็ “เซย์ โนว “ใส่เราอย่างเดียวเลย เวทติ้งลิสเลยยูวงิ
พอมาเจอที่นี่ก็เลย ปักธงไปแล้วว่า แกต้องกลับบ้านไปกับชั้น พอคิดได้ดังนั้นก็เลยโทรถามคุณป๋าว่าเอาไม๊ล่ะ
บุพเพสันนิวาส ให้เรามาเจอกัน มีอยู่เรือนเดียวนะฮะโทรไปปุ้บ คุณป๋าก็เซย์ เยสอย่างรวดเร็ว 555
เรียบร้อย กลับบ้านไปด้วยกันนะ สำหรับที่นี่ได้แท็ครีฟันคืนมา 20% จ้าาา ( แต่นางเป็นยูโรนะ € )
เมื่อเสียตัวเสียตังค์ตัวเบาหวิว กันแล้วไปต่อกันที่ ออสเตรีย ..
ขับรถตัดเยอรมัน ไปเลยจ้า คนขับเราโหดสุดดด
คุณสมีนางชอบขับรถไปเรื่อยๆชมวิว เลยเข้าทางเราเลย ขับชิลไม่มีบ่น กิกิ 😋
ออสเตรียหนาวมากก .. ฮอลสแตท สวยงาม เงียบสงบ ชิลลมากก
หน้าร้อนขอมาใหม่ ตอนนี้หนาววไป๊ !!
ออกจากฮอลสแตทมาต่อกันที่ มิวนิค เก็บแลนด์มาร์ค เข้าโบสถ์ เดินเล่นในเมือง
หิมะตก กินขาหมูเยอรมัน จิบเบียร์ ตามหานาฬิกาต่อ ไม่มี ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ!! 🤣🤣
ไปปราสาท Neuschwanstein Castle หิมะตกอีก !!
.. หนีไปสวิสดีฝ่า ..
เข้าสวิส หิมะก็ตก ถนนลื่น ใจคอไม่ดีเลย เคยไปหมุนที่ฟินแลนด์มา เข็ดมากเวอร์ ไม่ขับรถเร่งรีบ บนถนนลื่นๆอีกต่อไป
มาถึงที่พัก วิวสวยมากกก หน้าหนาวมันก็ไม่ค่อยเขียวๆเลย มีแต่หญ้าแห้งสีน้ำตาล ตายไปหมดแล้วมั้ง
รอบหน้าจะมาแถบนี้ตอนหน้าร้อนบ้าง ..
Murren หมู่บ้านกลางหุบเขา
Schilthorn 007
ขึ้นไปดู Matterhorn มีเมฆมาก มองไม่เห็นยอด ร้องไห้แพร้พพ..
.. แวะดูปลาเทราส์กันดีกว่าค่ะ ..
:: B l a u s e e ::
สถานที่แห่งนี้คือ ทะเลสาบเบลาเซ เป็นทะเลสาปสีฟ้าสดใส ที่เกิดจากน้ำธรรมชาติใต้ดิน
เป็นของเอกชนที่ใช้เลี้ยงปลาเทร้าออแกนิคซึ่งมีรูปปั้นหญิงสาวอยู่กลางสระ ..
เบลาเซ มีเรื่องเล่า ว่ารูปปั้นนี้ เป็นหญิงสาวอกหักตรอมใจตาย
จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ Blausee หรือ blau ในภาษาเยอรมัน และ Blue ในภาษาอังกฤษ
ที่หมายความว่าความเหงา อ้างว้าง เดียวดาย 😢 🧜🏻♀️

[/c
[CR] EUROPE 15 วัน 7 ประเทศ ทำไมจะไม่ได้!!
เราเที่ยวป่าเที่ยวเขา ตามล่าธรรมชาติกันมามากแล้วใน2-3 ปีที่ผ่านมา
ปีนี้เราจะเปลี่ยนมาเน้นเที่ยวเมืองกันบ้าง ..
โดยทริปนี้เราจะไปเช็คอินกันทั้งหมด 7 ประเทศ ภายในเวลา 15 วัน ..
2. Paris / Strasbourg, France
3. Amsterdam, Netherlands
4. Brussel, Belgium
5. HallStatt, Austria
6. Munich / Neuschwanstein Castle, Germany
7. Lucern/ Lauterbrunnen/ Murren / Zermatt, Switzerland
ก่อนอื่น .. เอเลี่ยนอย่างเราก็ต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าก่อน เริ่มที่ UK Visa ก่อน รอบนี้รวดเร็วทันใจมาก
ที่แอลเอไม่มีสถานฑูตอังกฤษ เราจึงต้องกรอกเอกสารออนไลน์
จากนั้นก็เตรียมเอกสารให้ครบตามที่สถานฑูตกำหนด จ่ายเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ
ไปถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือให้เรียบร้อย จากนั้นก็จัดส่งเอกสารทุกอย่างลงกล่องแพ็คให้เรียบร้อย
ส่งไปรษณีย์ Express ไป นิวหยวก เลยจ้าา วีคต่อมาก็ได้คืนแล้ว รวดเร็วทันใจดีจริงๆ
เมื่อเราได้เล่มพาสปอร์ตคืนมาแล้ว ถัดไปก็ เชงเก้น วีซ่า
รอบนี้เราเลือกอยู่ปารีสนานสุด เราเลยต้องไปยื่นเรื่องขอเชงเก้นที่ทำการของฝรั่งเศส
ประทับใจมาก 1 วัน ได้คืนเลย ฮ่าา ฮ่าา ดี๊ดี //🤣😍
ทริปนี้เริ่มต้นเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Los Angeles หรือ LAX. ของเรานั่นเอง
โดยใช้เวลาเดินทางจากLA. ถึง London ประมาณ 9 ชั่วโมง
สายการบินของเราในทริปนี้ก็คือ Norwegian Airline เราอยู่ที่ลอนดอนกัน 2 คืน
ในลอนดอนนี่ก็เน้นตะลุยกิน กิน กิน แล้วก็ช้อปปิ้งค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าทัวร์ตัวแตกหรือทัวร์ตัวเบาดี
แต่ก็ถูกใจคุณผู้ชายที่บ้านมาก หอบ Fred Perry กลับมาแอลเอแบบ กระหน่ำสะใจ มากกก ..
ส่วนเราช้อปปิ้งมานิดหน่อยเพราะลงเครื่องปุ้บก็โดนนาฬิกาไป 1 เรือน ได้แท็ครีฟันคืนมา 17%
ถือโอกาสแจ้งให้ขาช็อปทราบว่าที่อังกฤษส่วนใหญ่ตอนนี้จะได้ 17% เกือบทุกอย่างเลยค่ะ
.. นอกจากนี้แล้วก็กินอย่างเดียวเลยค่ะ ..
Four Season, Burger & Lobster, ASSA,
Coppa Club, Sketch, Duck and Waffle เก็บเรียบค่ะ 😋🤣🤣
[img]
ใครจะไปทานนี่คือช่วงบ่ายต้องว่างนะคะ ไม่ต้องรับนัดที่ไหนเลย ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง
กินกันให้เบาหวานขึ้นเลยค่ะ ใครทานเก่งก็คุ้มค่ะ เติมได้ตลอดทั้งชาแล้วก็ขนมค่ะ
เมื่อเราอิ่มเอมจากลอนดอนกันแล้ว วันรุ่งขึ้นก็นั่ง EUROSTAR ไปปารีสกัน
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษก็ถึงปารีสค่ะ..กระเป๋าโดรนถูกรื้อ
ตรวจอย่างละเอียด เนื่องจาก Under Ground ของพี่ปารีสเพิ่งจะโดนวางระเบิดไปหมาดๆ
เสียเวลาไปพักใหญ่ ..
.. ถึงปารีสแล้วก็ไปรับรถที่เราจองกันเอาไว้ค่ะ ..
พาหนะคู่ใจในทริปนี้ก็คือ เจ้านี่เลย Mercedes ดูแลเราตลอดทริป..
ถ้าหากใครต้องขับรถบนถนนหรือขึ้นเขาที่มีหิมะตก หรือ มีหิมะปกคลุมบนถนน แนะนำให้เช่ารถในประเทศที่มีหิมะตก อย่างเช่นเยอรมันหรือสวิสเซอร์แลนด์นะคะ เพราะจะได้ล้อแบบวินเทอร์ ซีซั่น จะลุยหิมะได้ปลอดภัยกว่า เราดันไปเช่าจากปารีส เพราะคิดว่าจะขอล้อวินเทอร์ได้ ปรากฎว่าเค้าไม่มีออปชั่นล้อให้เลือกเลย เป็นล้อแบบออลซีซั่น เข้าสวิสปุ้บ งานเข้าเลยค่ะ ลื่นปรื้ดดปร้าดด ต้องค่อยๆขับย่องไป หัวใจจะวาย ขนาดเป็นโฟวิลไดร์ฟยังเอาไม่อยู่ค่ะ.. น่ากลัวมาก หรือไม่ก็เตรียมโซ่ใส่ล้อมาด้วยก็ดีค่ะ ทางบริษัทเช่ารถไม่มีให้ยืมค่ะ ต้องไปซื้อเพิ่มเอาเอง ก่อนซื้อก็เช็ครุ่นด้วยนะคะ ว่าโซ่กับล้อใส่ด้วยกันได้รึเปล่า
การขับรถในยุโรป ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนะคะ ถ้าไม่นับเรื่องพวงมาลัยรถที่อยู่ด้านซ้าย กับกรณีที่มีหิมะ
นอกนั่นก็สะดวกสบายดีค่ะ ถนนหนทางก็ดีค่ะ .. แต่เรื่องจ่ายค่าทางด่วน โดใช้บัตรเครดิต บางใบนางดีไคล
เพราะฉะนั้นเตรียมบัตรไปซัก 2-3 ใบ ..
ยกเว้นที่ปารีสค่ะคนขับรถกันเละเทะมาก ถนนก็แคบมากค่ะ โดนทิกเก็ตไป 1 ใบ
จาก ไฮเวย์ปารีส เรื่องสปีดรีมิทค่ะ
..สำหรับปารีส ถ้าใครไม่อยากขับรถ ก็มีใต้ดินไปถึงตามสถานที่เที่ยวแลนด์มาร์คต่างๆ
สามารถนั่งใต้ดินได้ ก็สะดวกสบายดีค่ะ แต่เราได้ยินกิตติศัพท์มามากเกี่ยวกับแกงค์ยิปซีล้วงกระเป๋า
อีกทั้งเพิ่งมีข่าววางระเบิดไป แล้วที่สำคัญเราต้องข้ามไปประเทศอื่นก่อน ดังนั้น!! แม่ไม่สะดวกค่ะ !! 555
.. ขอขับรถดีฝ่า ถึงแม้ว่าค่าที่จอดรถจะแสนแพง 😢
แต่ก็ไม่ต้องลากกระเป๋าเดินไปมา ขึ้นลงรถไฟให้เหนื่อยหอบค่ะ..
(แค่ลากขึ้นลงทูบที่ลอนดอนมา 2 วัน ก็เหนื่อยแล้ว .. แฮ่//)
ที่ปารีสเราทำภาระกิจเก็บแลนด์มาร์คแล้วก็กินกันค่ะ ไม่ได้ไปช็อปปิ้งเลย เพราะเราจะบินกลับแอลเอกันจากลอนดอน
เลยไม่ชัวร์เรื่องแท็ครีฟัน เลยรอช้อปที่ลอนดอนอย่างเดียว
(หากใครรู้เรื่องการรีฟันแท็ค กรณีซื้อของที่ฝรั่งเศสหรือประเทศอื่นๆในยุโรป แล้วไปทำแท็ครีฟันที่ลอนดอนได้ไม๊ ยังไง รบกวนขอความรู้ด้วยนะก๊ะ)
ในปารีสร้านอาหารที่เราจองเอาไว้มี 2 ร้าน แต่ร้านที่สองเรากลับมาจากสวิสไม่ทัน
รถติดมากเวอร์ เลยต้องโทรไปแคนเซิลเลย เสียใจมาก
แต่ก็ไม่เป็นไรรอบหน้าแก้ตัวใหม่ ..?เลยได้ไปทานมาแค่ที่ Le Cinq ที่เดียวค่ะ ..
⭐️⭐️⭐️
Le Cinq, the 3 Michelin star by Chef Christian Le Squer. The restaurant regained its third Michelin star in 2016. Also in 2016, Le Squer was voted chef of the year.
เลอแซง ตั้งอยู่ในโรงแรม Four Seasons Hotel George V ซึ่งเป็นหนึ่งใน Palace Hotels 6 ดาว เพียงไม่กี่แห่งในปารีส ตั้งอยู่ห่างจากถนน Champs Elysee เพียงไม่กี่นาที ..
เลอแซง การันตีความอร่อยโดย ⭐️⭐️⭐️ จาก Michelin Guide ซึ่งสูงสุดเท่าที่ร้านอาหารในโลกนี้จะได้รับ โดยในปารีสมีเพียง 10 ร้านเท่านั้นนอกจากนี้ ร้านนี้ยังอยู่ลิสท์ใน World’s Top 100 ของ La Liste อีกด้วยยยย..
จบจากปารีส เราก็ขับรถไปต่อกันที่ Amsterdam ประเทศ Netherland
เมื่อถึงที่พักเก็บเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดิน Red Light District ตลอด 2 ข้างทาง มีแต่กลิ่นแคนนาบิส แถมมีผู้หญิงนุ่งน้อย ห่มน้อย อยู่ในตู้เต็มเลย โฮ๊ะ โฮ๊ะ 😝 ตื่นเต้นน // เดินที่เรามาทิวลิปยังไม่บานน่าเสียดายจุง
จากอัมสเตอร์ดัมขับรถมาพักกันที่ บรัสเซล ประเทศ เบลเยี่ยม ..
คืนนี้เราพักกันที่ Hilton จากการพูดคุย สอบถามจากพนักงาน เมื่อก่อนที่นี่โจรเยอะมากๆเราจะเห็นป้ายเตือนให้ระวังเต็มไปหมด ขนาดรูมเซอร์วิทในห้องพักยังต้องให้พนักงานทางโรงแรมโทรมาคอนเฟิร์มก่อน ว่าตะมีรูมเซอร์วิทมาที่ห้อง ไม่อย่างนั้นห้ามเปิดให้ใครเข้ามาเด็ดขาด (สงสัยมีเคสเยอะแน่ๆ)
แต่ตอนนี้ลดลงแล้ว หลังจากที่มีเหตุวางระเบิด ก็มีทหารมายืนตามจุดต่างๆเต็มไปหมด ก็เลยทำให้เมืองปลอดภัยขึ้นจ้าาา..
เดินไปเดินมาได้นาฬิกามาอีก 1เรือน ของคุณป๋า..
เนื่องจากเราตามหามา 6 ประเทศแล้ว ไม่มีเลย ไปกี่ช็อบ ก็ ช็อบ ก็ “เซย์ โนว “ใส่เราอย่างเดียวเลย เวทติ้งลิสเลยยูวงิ
พอมาเจอที่นี่ก็เลย ปักธงไปแล้วว่า แกต้องกลับบ้านไปกับชั้น พอคิดได้ดังนั้นก็เลยโทรถามคุณป๋าว่าเอาไม๊ล่ะ
บุพเพสันนิวาส ให้เรามาเจอกัน มีอยู่เรือนเดียวนะฮะโทรไปปุ้บ คุณป๋าก็เซย์ เยสอย่างรวดเร็ว 555
เรียบร้อย กลับบ้านไปด้วยกันนะ สำหรับที่นี่ได้แท็ครีฟันคืนมา 20% จ้าาา ( แต่นางเป็นยูโรนะ € )
เมื่อเสียตัวเสียตังค์ตัวเบาหวิว กันแล้วไปต่อกันที่ ออสเตรีย ..
ขับรถตัดเยอรมัน ไปเลยจ้า คนขับเราโหดสุดดด
คุณสมีนางชอบขับรถไปเรื่อยๆชมวิว เลยเข้าทางเราเลย ขับชิลไม่มีบ่น กิกิ 😋
ออสเตรียหนาวมากก .. ฮอลสแตท สวยงาม เงียบสงบ ชิลลมากก
หน้าร้อนขอมาใหม่ ตอนนี้หนาววไป๊ !!
ออกจากฮอลสแตทมาต่อกันที่ มิวนิค เก็บแลนด์มาร์ค เข้าโบสถ์ เดินเล่นในเมือง
หิมะตก กินขาหมูเยอรมัน จิบเบียร์ ตามหานาฬิกาต่อ ไม่มี ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ!! 🤣🤣
ไปปราสาท Neuschwanstein Castle หิมะตกอีก !!
.. หนีไปสวิสดีฝ่า ..
เข้าสวิส หิมะก็ตก ถนนลื่น ใจคอไม่ดีเลย เคยไปหมุนที่ฟินแลนด์มา เข็ดมากเวอร์ ไม่ขับรถเร่งรีบ บนถนนลื่นๆอีกต่อไป
มาถึงที่พัก วิวสวยมากกก หน้าหนาวมันก็ไม่ค่อยเขียวๆเลย มีแต่หญ้าแห้งสีน้ำตาล ตายไปหมดแล้วมั้ง
รอบหน้าจะมาแถบนี้ตอนหน้าร้อนบ้าง ..
ขึ้นไปดู Matterhorn มีเมฆมาก มองไม่เห็นยอด ร้องไห้แพร้พพ..
:: B l a u s e e ::
สถานที่แห่งนี้คือ ทะเลสาบเบลาเซ เป็นทะเลสาปสีฟ้าสดใส ที่เกิดจากน้ำธรรมชาติใต้ดิน
เป็นของเอกชนที่ใช้เลี้ยงปลาเทร้าออแกนิคซึ่งมีรูปปั้นหญิงสาวอยู่กลางสระ ..
เบลาเซ มีเรื่องเล่า ว่ารูปปั้นนี้ เป็นหญิงสาวอกหักตรอมใจตาย
จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ Blausee หรือ blau ในภาษาเยอรมัน และ Blue ในภาษาอังกฤษ
ที่หมายความว่าความเหงา อ้างว้าง เดียวดาย 😢 🧜🏻♀️
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น