เดิมทีเข้าใจมาโดยตลอดว่าการที่วัดต่างๆ จัดให้มีการบรรพชาสามเณรในช่วงปิดเทอมนั้น เป็นไปเพื่อการอบรมขัดเกลาธรรมะและวินัยศีล แต่เท่าที่ทราบมีวัดหนึ่งที่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ให้ครูในโรงเรียนใกล้วัดมาสอนวิชาการต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วนไปผลัดกัน โดยเณรก็เรียนแต่วิชาการเหล่านี้ทั้งภาคเช้าและบ่ายทุกวัน
ข้อสงสัยคือ วัดทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ แล้วเช่นนี้การบรรพชาสามเณร จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงได้อย่างไร เพราะสิ่งที่ครูเขาเวียนกันมาสอน เป็นความรู้ทางโลก แต่สิ่งที่เณรต้องศึกษาขณะอยูในสมณะเพศคือความรู้ทางธรรมมิใช่หรือ หรือถ้าจะสอนคละกันก็ไม่ว่า แต่นี่โยนไปให้ครูที่นั่นสอนทั้งเช้าสายบ่ายเย็น ทั้งที่ตามความคิดเรานี่ไม่ใช่หน้าที่ครู แต่เป็นหน้าที่สงฆ์ที่ต้องจัดการบริหารมิใช่หรือ เห็นแล้วเสื่อมศรัทธาจริงๆ หากสงฆ์สอนเณรที่จัดบรรพชาเข้ามาไม่ได้ แล้วทำไมต้องบรรพชาให้เดือดร้อนวุ่นวายครู และผิดจุดประสงค์ในการบวชเรียนธรรมะอีกด้วย
วัดจัดให้มีการบรรพชาสามเณรฤดูร้อน แต่ให้ครูไปสอนแทน ได้ด้วยเหรอ?
ข้อสงสัยคือ วัดทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ แล้วเช่นนี้การบรรพชาสามเณร จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงได้อย่างไร เพราะสิ่งที่ครูเขาเวียนกันมาสอน เป็นความรู้ทางโลก แต่สิ่งที่เณรต้องศึกษาขณะอยูในสมณะเพศคือความรู้ทางธรรมมิใช่หรือ หรือถ้าจะสอนคละกันก็ไม่ว่า แต่นี่โยนไปให้ครูที่นั่นสอนทั้งเช้าสายบ่ายเย็น ทั้งที่ตามความคิดเรานี่ไม่ใช่หน้าที่ครู แต่เป็นหน้าที่สงฆ์ที่ต้องจัดการบริหารมิใช่หรือ เห็นแล้วเสื่อมศรัทธาจริงๆ หากสงฆ์สอนเณรที่จัดบรรพชาเข้ามาไม่ได้ แล้วทำไมต้องบรรพชาให้เดือดร้อนวุ่นวายครู และผิดจุดประสงค์ในการบวชเรียนธรรมะอีกด้วย