
เค้าบอกว่า คนไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก งั้นรอบนี้ผมหนีร้อนละกันนะ เพราะเดือนเมษาฯปีนี้ ร้อนจนแทบไขมันละลาย นึกถึงสงกรานต์ที่ผ่านมาจะเห็นวัยรุ่นทั้งหลายออกมาบิดมอไซต์เล่นน้ำยามเย็น แทนแต่ก่อนที่จะออกมาสายๆ เป็นตัวการันตีความร้อน
ใจอยากไปทะเลเป็นทุนเดิม ประกอบกับได้รางวัล จากร้านหนังสือนายอินทร์มา ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการอ่านเยอะซื้อเยอะราวๆเดือนละ 800-1,000 ตอนเค้าโทรมาบอกว่าเป็นผู้โชคดีจะพาไปเที่ยวฟรีดีใจมากอ่ะ แต่บอกตรงๆพอรู้ว่าเป็นรถไฟนะ ก็แอบกระมิดกระเมี้ยนนิดนึง แหม...ใครๆก็รู้นิว่ารถไฟไทยน่ะมีคําเล่าลือว่า "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง"

เอารถไฟไทยมาให้ดูเห็นว่าหัวดีเซลนี่ใช้มานานมากแล้ว 555 แต่ความอยากเที่ยวมีพลังมากกว่าความกลัวใดๆ รีบตอบปลายสายกลับไปราวกับนักเรียนตอบครูหน้าชั้น "ไปครับ" การผจญภัยกับรถไฟไทยครั้งแรกในชีวิตจึงเริ่มขึ้น
ตามตารางนัดหมาย จะมี3ที่ให้ขึ้นรถ คือ สถานีหัวลำโพง ตอน 6.00น. / สถานีบางซื่อตอน 6.30น. กับอีกสถานีคือ สถานีบางบำหรุ ปรากฏว่าเกือบตกรถครับ เพราะรถแท็กซี่ที่นัดไว้มาช้าไป 30นาที จนต้องรีบโทรไปเปลี่ยนสถานี จากหัวลำโพงเป็นบางซื่อแทน (ขอโทษน้องๆทีมงานจากร้านนายอินทร์ด้วยนะครับ แหะๆ)

มาถึงทันได้เก็บรูปสวยๆจากสถานีบางซื่อยามเช้าตรู่

รถไฟมาตามเวลาเปะเลยครับ ออกจากหัวลำโพง ถึงบางซื่อ เวลา 6.50น.
พอขึ้นรถไฟแล้วก็ต้องบอกเลยว่าดีกว่าที่คาดไว้ แอร์เย็นสบาย น้องๆทีมงานแจกเสบียงใหทันทีราวกับรู้ว่าผมกำลังหิว😝

อร่อยดีทีเดียว
ยังไม่พอความประทับใจตามมาทันที กระเป๋าผ้า หนังสือ(ชอบมากกก ไว้อ่านบนรถไฟ) ขวดน้ำ และพัดคลายร้อน บอกเลยว่าแค่ของที่ได้มานี่คุ้มแล้วนะทริปนี่ 555(มีความงกซ่อนอยู่)


ชอบมากๆ ถูกใจทุกชิ้นเลย 555
พอรับคนที่บางบำหรุแล้ว รถไฟก็ยิงตรงทันที ไม่รู้ว่าเพราะหนังสือในมือหรือความไวของรถไฟไทย แปปเดียวเท่านั้นถึงพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมแล้ว

แชะ ภาพเป็นที่ระลึกหน่อย
พอลงรถไฟแล้วจะมีเวลาประมาณ 1ชม. ให้เราได้เดินเล่น หรือจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์ก็ได้ แอบบอกนิดนึงร้านข้าวเหนียวหมูตรงเซเว่นมีคนบอกว่าอร่อยมาก เสียดายคิวยาวเลยไม่ได้ลองชิม

ระหว่างทางเดินไปพระแฐมเจดีย์จะมีร้านขายของเต็มสองข้างทางแวะชิมแวะซื้อได้ แต่แนะนำว่าบนรถไฟก็มีขายของฝากค่อยซื้อก็ได้ ตอนนี้อยากให้ระวังรถที่สวนไปมากับคนเดินถนนก่อนเพราะขวักไขว่เหลือเกิน

ผมไม่ได้มานครปฐมนานแล้ว ยังงดงามเหมือนเดิม คงถูกใจสายบุญไม่น้อย
1ชม.ผ่านไปไวมาก รีบวิ่งกลับมาที่สถานีรถไฟมาจอดพอดี รถไฟออกสักพักนายตรวจจะเริ่ม PR ของฝากยาวเหยียดจนอดคิดไม่ได้ว่าโฆษณาชวนเชื่อนี้จะอร่อยจริงป่ะเนี่ย แอบเสียดายพอขากลับลองชิมแล้วอร่อยจริงๆ ถ้าให้แนะนำก็ ข้าวหลาม น้ำตาลสด ลูกตาลสด ก๋วยเตี๋ยว ประมาณนี้
อ่านหนังสือไปอ่านหนังสือมายังไม่ทันกี่หน้าสลับกับชมวิวสองข้างทางถึงแล้วสถานีหัวหิน ใครจะลงตรงนี้ก็ได้ แต่ผมยังไม่เคยไปชายหาดสวนสนฯไปที่โน่นดีกว่า เลยมาอีกสถานี 11โมงพอดี ทางนายอินทร์มีเลี้ยงอาหารไทยเป็นบุฟเฟ่ง่ายๆ แต่อร่อยดีทีเดียว


ทานเสร็จก็ตัวใครตัวมัน เจอกันอีกที 15.30น. ที่สถานี จะบอกว่าชายหาสวนสนฯมีความความร่มรื่นของต้นสนสมดังชื่อ ลมทะเลพัดตลอดไม่ร้อนเลย


ถ้าเรามองไปทางซ้ายจะเห็นเขาตะเกียบที่กั้นไว้ระหว่างชายหาดหัวหินกับสวนสนฯเส้นกันบางๆ แต่สร้างความแตกต่างพอสมควร รู้สึกได้ว่าชายหาดสวนสนฯ จะคนน้อยกว่า ค่าครองชีพถูกกว่า เก้าอี้ชายหาด 20บาทเองไม่มีคนมาคอยเดินขายอาหาร หรือจูงม้าไปมาเลย

ด้านขวาเป็นเขาเต่า กั้นระหว่างชายหาดสวนสนฯกับชายหาดน้อย ที่เพิ่งมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกฉลามกัด การมีฉลามในอ่าวไทยย่อมหมายถึงธรรมชาติที่สมบูรณ์ หวังว่าเร็วๆนี้หน่วยงานและชาวบ้านคงหาวิธีที่จะช่วยให้คนกับฉลามยังอยู่ด้วยกันได้อย่างปลอดภัยทั้งสองฝ่าย

นั่งเปล ฟังเสียงคลื่น เสียงนก ลมเย็นๆใต้ต้นสน มันฟินมาก จนรู้สึกแปปเดียว จะถึงเวลากลับแล้ว ไวจัง รอบหน้านายอินทร์จัด 2วัน 1คืนได้ไหม 555
พอขึ้นรถไฟซึ่งมาตรงเวลามาก จะมีคนนำของที่สั่งไว้มาให้ตามที่สั่ง ซึ่งผมว่าสะดวกดี ราคาไม่แพง ไม่ต้องเดินหิ้วมาขึ้นรถ ชิมนู่นนี่ ดูวิวไปมา...แปปเดียวเองจะถึง กทม.แล้ว เป็นเวลาที่ไวมากๆ และก็ประทับใจมากๆ ขอบคุณร้านหนังสือนายอินทร์และรถไฟไทยที่สร้างวันดีๆให้อีกหนึ่งวัน

สรุป
-รถไฟไทยไม่ช้าอย่างที่คิด ตรงเวลามาก ระวังตกรถ
-รถไฟนำเที่ยวมีทุกสัปดาห์ลองจองตั๋วไปเที่ยวกันได้มีหลายที่ สบายดี ห้องน้ำสะอาด ขับนิ่มขนาดว่าอ่านหนังสือได้ไม่เมารถ
-ถ้าเป็นหนอนหนังสือเหมือนกันรอกิจกรรมดีๆจากนายอินทร์ก็ได้ 555 เห็นว่าเดือนหน้ามีบัตรสวนน้ำราคาถูก ผมไม่พลาดแน่นอน
-ประเทศไทยเรามีที่เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้หลายที่ ดังนั้นผมอยากให้คุณลองสักครั้งแล้วจะติดใจ
ไปเที่ยวสวนสนฯกัน : อ่านหนังสือ นั่งรถไฟ ไปทะเล สุดSlow life กับรถไฟไทย ไปเช้าเย็นกลับ
เค้าบอกว่า คนไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก งั้นรอบนี้ผมหนีร้อนละกันนะ เพราะเดือนเมษาฯปีนี้ ร้อนจนแทบไขมันละลาย นึกถึงสงกรานต์ที่ผ่านมาจะเห็นวัยรุ่นทั้งหลายออกมาบิดมอไซต์เล่นน้ำยามเย็น แทนแต่ก่อนที่จะออกมาสายๆ เป็นตัวการันตีความร้อน
ใจอยากไปทะเลเป็นทุนเดิม ประกอบกับได้รางวัล จากร้านหนังสือนายอินทร์มา ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการอ่านเยอะซื้อเยอะราวๆเดือนละ 800-1,000 ตอนเค้าโทรมาบอกว่าเป็นผู้โชคดีจะพาไปเที่ยวฟรีดีใจมากอ่ะ แต่บอกตรงๆพอรู้ว่าเป็นรถไฟนะ ก็แอบกระมิดกระเมี้ยนนิดนึง แหม...ใครๆก็รู้นิว่ารถไฟไทยน่ะมีคําเล่าลือว่า "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง"
เอารถไฟไทยมาให้ดูเห็นว่าหัวดีเซลนี่ใช้มานานมากแล้ว 555 แต่ความอยากเที่ยวมีพลังมากกว่าความกลัวใดๆ รีบตอบปลายสายกลับไปราวกับนักเรียนตอบครูหน้าชั้น "ไปครับ" การผจญภัยกับรถไฟไทยครั้งแรกในชีวิตจึงเริ่มขึ้น
ตามตารางนัดหมาย จะมี3ที่ให้ขึ้นรถ คือ สถานีหัวลำโพง ตอน 6.00น. / สถานีบางซื่อตอน 6.30น. กับอีกสถานีคือ สถานีบางบำหรุ ปรากฏว่าเกือบตกรถครับ เพราะรถแท็กซี่ที่นัดไว้มาช้าไป 30นาที จนต้องรีบโทรไปเปลี่ยนสถานี จากหัวลำโพงเป็นบางซื่อแทน (ขอโทษน้องๆทีมงานจากร้านนายอินทร์ด้วยนะครับ แหะๆ)
มาถึงทันได้เก็บรูปสวยๆจากสถานีบางซื่อยามเช้าตรู่
รถไฟมาตามเวลาเปะเลยครับ ออกจากหัวลำโพง ถึงบางซื่อ เวลา 6.50น.
พอขึ้นรถไฟแล้วก็ต้องบอกเลยว่าดีกว่าที่คาดไว้ แอร์เย็นสบาย น้องๆทีมงานแจกเสบียงใหทันทีราวกับรู้ว่าผมกำลังหิว😝
อร่อยดีทีเดียว
ยังไม่พอความประทับใจตามมาทันที กระเป๋าผ้า หนังสือ(ชอบมากกก ไว้อ่านบนรถไฟ) ขวดน้ำ และพัดคลายร้อน บอกเลยว่าแค่ของที่ได้มานี่คุ้มแล้วนะทริปนี่ 555(มีความงกซ่อนอยู่)
ชอบมากๆ ถูกใจทุกชิ้นเลย 555
พอรับคนที่บางบำหรุแล้ว รถไฟก็ยิงตรงทันที ไม่รู้ว่าเพราะหนังสือในมือหรือความไวของรถไฟไทย แปปเดียวเท่านั้นถึงพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมแล้ว
แชะ ภาพเป็นที่ระลึกหน่อย
พอลงรถไฟแล้วจะมีเวลาประมาณ 1ชม. ให้เราได้เดินเล่น หรือจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์ก็ได้ แอบบอกนิดนึงร้านข้าวเหนียวหมูตรงเซเว่นมีคนบอกว่าอร่อยมาก เสียดายคิวยาวเลยไม่ได้ลองชิม
ระหว่างทางเดินไปพระแฐมเจดีย์จะมีร้านขายของเต็มสองข้างทางแวะชิมแวะซื้อได้ แต่แนะนำว่าบนรถไฟก็มีขายของฝากค่อยซื้อก็ได้ ตอนนี้อยากให้ระวังรถที่สวนไปมากับคนเดินถนนก่อนเพราะขวักไขว่เหลือเกิน
ผมไม่ได้มานครปฐมนานแล้ว ยังงดงามเหมือนเดิม คงถูกใจสายบุญไม่น้อย
1ชม.ผ่านไปไวมาก รีบวิ่งกลับมาที่สถานีรถไฟมาจอดพอดี รถไฟออกสักพักนายตรวจจะเริ่ม PR ของฝากยาวเหยียดจนอดคิดไม่ได้ว่าโฆษณาชวนเชื่อนี้จะอร่อยจริงป่ะเนี่ย แอบเสียดายพอขากลับลองชิมแล้วอร่อยจริงๆ ถ้าให้แนะนำก็ ข้าวหลาม น้ำตาลสด ลูกตาลสด ก๋วยเตี๋ยว ประมาณนี้
อ่านหนังสือไปอ่านหนังสือมายังไม่ทันกี่หน้าสลับกับชมวิวสองข้างทางถึงแล้วสถานีหัวหิน ใครจะลงตรงนี้ก็ได้ แต่ผมยังไม่เคยไปชายหาดสวนสนฯไปที่โน่นดีกว่า เลยมาอีกสถานี 11โมงพอดี ทางนายอินทร์มีเลี้ยงอาหารไทยเป็นบุฟเฟ่ง่ายๆ แต่อร่อยดีทีเดียว
ทานเสร็จก็ตัวใครตัวมัน เจอกันอีกที 15.30น. ที่สถานี จะบอกว่าชายหาสวนสนฯมีความความร่มรื่นของต้นสนสมดังชื่อ ลมทะเลพัดตลอดไม่ร้อนเลย
ถ้าเรามองไปทางซ้ายจะเห็นเขาตะเกียบที่กั้นไว้ระหว่างชายหาดหัวหินกับสวนสนฯเส้นกันบางๆ แต่สร้างความแตกต่างพอสมควร รู้สึกได้ว่าชายหาดสวนสนฯ จะคนน้อยกว่า ค่าครองชีพถูกกว่า เก้าอี้ชายหาด 20บาทเองไม่มีคนมาคอยเดินขายอาหาร หรือจูงม้าไปมาเลย
ด้านขวาเป็นเขาเต่า กั้นระหว่างชายหาดสวนสนฯกับชายหาดน้อย ที่เพิ่งมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกฉลามกัด การมีฉลามในอ่าวไทยย่อมหมายถึงธรรมชาติที่สมบูรณ์ หวังว่าเร็วๆนี้หน่วยงานและชาวบ้านคงหาวิธีที่จะช่วยให้คนกับฉลามยังอยู่ด้วยกันได้อย่างปลอดภัยทั้งสองฝ่าย
นั่งเปล ฟังเสียงคลื่น เสียงนก ลมเย็นๆใต้ต้นสน มันฟินมาก จนรู้สึกแปปเดียว จะถึงเวลากลับแล้ว ไวจัง รอบหน้านายอินทร์จัด 2วัน 1คืนได้ไหม 555
พอขึ้นรถไฟซึ่งมาตรงเวลามาก จะมีคนนำของที่สั่งไว้มาให้ตามที่สั่ง ซึ่งผมว่าสะดวกดี ราคาไม่แพง ไม่ต้องเดินหิ้วมาขึ้นรถ ชิมนู่นนี่ ดูวิวไปมา...แปปเดียวเองจะถึง กทม.แล้ว เป็นเวลาที่ไวมากๆ และก็ประทับใจมากๆ ขอบคุณร้านหนังสือนายอินทร์และรถไฟไทยที่สร้างวันดีๆให้อีกหนึ่งวัน
สรุป
-รถไฟไทยไม่ช้าอย่างที่คิด ตรงเวลามาก ระวังตกรถ
-รถไฟนำเที่ยวมีทุกสัปดาห์ลองจองตั๋วไปเที่ยวกันได้มีหลายที่ สบายดี ห้องน้ำสะอาด ขับนิ่มขนาดว่าอ่านหนังสือได้ไม่เมารถ
-ถ้าเป็นหนอนหนังสือเหมือนกันรอกิจกรรมดีๆจากนายอินทร์ก็ได้ 555 เห็นว่าเดือนหน้ามีบัตรสวนน้ำราคาถูก ผมไม่พลาดแน่นอน
-ประเทศไทยเรามีที่เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้หลายที่ ดังนั้นผมอยากให้คุณลองสักครั้งแล้วจะติดใจ