หลังจากนั่งพักอยู่ที่นางรอง บัดเจท แอนด์ บูทิค โฮเทล หรือ โรงแรมนางรอง จนสามโมงกว่า ๆ แล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทาง ไปยังปราสาทเมืองต่ำ ที่ซึ่งค่ำคืนนี้ จะมีการบวงสรวง และการแสดงแสง - สี - เสียง ที่บริเวณโบราณสถานแห่งนี้ เราไปถึงค่อนข้างเย็นออกไปทางย่ำค่ำ แสงเกือบหมดแล้ว IPhone 6 ของฉันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่งานบวงสรวจจะเริ่ม ก่อนที่เวทีการแสดงจะตระการตา ลองไปเดินดูโบราณสถานแห่งนี้กันเสียหน่อยว่า มีความโอฬารตระการตาอย่างไรบ้าง
พื้นที่ของงานพิธีกรรมที่ยังไม่ได้เริ่มขึ้น
ที่บอกว่า ปราสาทเมืองต่ำแห่งนี้ เป็นเทวาลัย ไร้ที่มา นั้นก็เพราะว่า จนถึงปัจจุบันเรายังคงไม่ทราบชัดว่า สร้างขึ้นเมื่อใด หรือใครเป็นผู้สร้าง แต่จากหลักฐานทางโบราณคดี ทำให้เชื่อได้ว่า ก่อนจะมีการสร้างปราสาทเมืองต่ำปรากฏหลักฐานการเข้ามาอยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายราว 2,000 มาแล้ว ปราสาทเมืองต่ำนั้น เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะขอมแบบบาปวนและแบบคลัง ซึ่งมีอายุอยู่ในราว พุทธศตวรรษที่ 16 จากนั้น ก็ถูกทิ้งร้างลงในราวพุทธศตวรรษที่ 18 จนเมื่อราวปี พ.ศ. 2490 จึงเริ่มมีการอพยพเข้ามาของชาวบ้าน มาตั้งถิ่นฐานรอบบริเวณนี้อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยพื้นที่ ๆ เป็นที่ราบต่ำ และอยู่ห่างจากประสาทหินพนมรุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร ชาวบ้านจึงเรียกโบราณสถานแห่งนี้คำว่า เมืองต่ำ เนื่องจากเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในที่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งสร้างอยู่บนยอดเขาสูง จึงเรียกกันว่า "ปราสาทเมืองต่ำ" เป็นต้นมา
[img]httpiH5Y-o.jpg[/img]
ซุ้มประตูทางเข้าโคปุระชั้นนอกด้านทิศตะวันออก
ซุ้มประตูทางเข้าโคปุระชั้นนอกด้านทิศตะวันออก
มีเอกสารโดยการบันทึกของ นายเอเตียน เอมอนิเยร์ ชาวฝรั่งเศส ตีพิมพ์เป็นบทความใน พ.ศ. 2444 ได้กล่าวถึงปราสาทเมื่องต่ำแห่งนี้ จึงถือเป็นการปรากฏตัวในหน้าประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรก และในปี พ.ศ. 2472 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จมาประทับที่ปราสาทเมืองต่ำ คราวเสด็จมณฑลอีสาน ด้วยเช่นกัน
ปราสาทเมืองต่ำ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 พร้อมกับปราสาทพนมรุ้ง และในปี 2539 กรมศิลปากร ได้ดำเนินการสำรวจปราสาทเมืองต่ำจนแล้วเสร็จ จึงเปิดให้เป็นกลุ่มปราสาทที่อยู่ใน อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เมื่อวันที่ 10 พฤษจิกายน พ.ศ. 2540 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน เนื่องในมหามงคลสมัยแห่งปีกาญจนาภิเษกฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
รูปแบบงานศิลปกรรมส่วนใหญ่ที่พบจัดอยู่ในศิลปะแบบบาปวน หรือ ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 แผนผังของปราสาทอยู่ในผังรูปสี่เหลี่ยม มีระเบียงคดล้อมรอบ 2 ชั้น ถัดจากระเบียงคดชั้นนอกเข้าไปมีสระน้ำขนาดใหญ่ 4 สระ รูปตัว L สระน้ำนี้ล้อมรอบระเบียงคดชั้นใน ภายในระเบียงคดชั้นในเป็นที่ตั้งของกลุ่มปราสาทประธาน 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานไพทีเดียวกัน
ปราสาทเมืองต่ำนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ทับหลังแบบคลังที่พบคู่กับทับหลังแบบบาปวน รวมทั้งทับหลังแบบบาปวนที่นำลักษณะบางประการของทับหลังแบบคลังมาใช้ด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อที่น่าสังเกตว่าช่างที่มาสลักทับหลังอาจจะมีด้วยกัน 2 กลุ่ม เนื่องจากลักษณะทับหลังที่กลุ่มปราสาทประธานกับทับหลังที่ระเบียงคดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ซุ้มประตู สระน้ำรูปตัวแอล ล้อมรอบระเบียงคดชั้นใน
ปราสาทเมืองต่ำแสดงสัญลักษณ์ตามคติเขาพระสุเมรุได่อย่างชัดเจนและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาปราสาทหินแบบเขมร ปราสาท 5 ยอดเปรียบได้กับ ยอดเขา 5 ยอด คือ สุทัศนกูฏ จิตรกูฏ กาลกูฏ ไกรลาส (ที่สถิตของพระอิศวร) และ คันธมาทกูฏ มีมหาทวีปทั้ง 4 ล้อมรอบ คือ ชมพูทวีป อมรโคยาน ปุพพวิเทห และ อุตรกุระ สระน้ำทั้ง 4 เปรียบได้กับ มหาสมุทรทั้ง 4 ทิศล้อมรอบ คือ ปิตสาคร ผลิกสาคร ขีรสาคร น้ำสีขาว (ทะเลน้ำนมเกษียรสมุทรที่สถิตย์ของพระนารายณ์) และนิลสาคร อีกทั้งมีพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวนพเคราะห์น้อยใหญ่ หมุนเวียนล้อมรอบ
สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ภาพสลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งสร้างถวายพระอิศวรหรือพระศิวะ ตามคติภูมิจักรวาล ปราสาทเมืองต่ำมีความโดดเด่นในเรื่องคติภูมิจักรวาลเนื่องจากมีสระน้ำ 4 สระ ล้อมรอบ ปราสาท 5 ยอด จากคำภีร์ศิวะปุราณะกล่าวว่า พระอิศวรทรงน้ำด้วยพระเสโท สร้างแผ่นดินด้วยเมโท ใช้จุฑามณีปักลงที่ใจกลางของพื้นภพเป็นเขาพระสุเมรุให้เป็นแกนหลักของโลก และจักรวาล นำพระสังวาลมาสร้างเป็นทิวเขาสวมรอบเขาพระสุเมรุอีก 7 ทิว เรียกว่า สัตบริภัณฑคีรีเป็นที่สถิตของเทวดา
ปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเหมือนกับปราสาทพนมรุ้ง แต่สร้างบนที่ราบ มีการยกฐานสูง และมีน้ำล้อมรอบ (สันนิฐานจากบารายของปราสาท หรือ ทะเลเมืองต่ำ) เช่นเดียวกับปราสาทแม่บุญตะวันตก (อยู่ที่เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา) แผนผังปราสาทสมดุลทุกทิศทาง มีขนาดใหญ่และสวยงาม เช่นเดียวกับ ปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทหินพิมาย จึงสามารถสันนิฐานได้ว่า อาจจะเป็นปราสาประจำราชกาล หรือ ประจำชุมชน






ใกล้กับปราสาทมีอ่างเก็บน้ำโคกเมือง เป็นบารายขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าทะเลเมืองต่ำ เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นมาในสมัยที่สร้างปราสาท อยู่ห่างจากตัวปราสาทเมืองต่ำไปทางทิศเหนือราว 200 เมตร สร้างขึ้นเพื่อการอุปโภค การชลประทานของชุมชน มีขนาดกว้างประมาณ 510 เมตร ยาวประมาณ 1,090 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร ก่อขอบสระด้วยศิลาแลง 3 ชั้น บนขอบสระด้านยาว คือ ด้านทิศเหนือและทิศใต้มีท่าน้ำเป็นชานกว้าง ขนาดกว้างประมาณ 6.90 เมตร ยาว 17 เมตร ปูพื้นด้วยศิลาแลงลาดลงไปยังฝั่งน้ำ ซึ่งก่อบันไดท่าน้ำเป็นทางลงสระรวม 5 ขั้น ท่าน้ำทั้ง 2 ฟากนี้อยู่ในแนวตรงกันประมาณกึ่งกลางของขอบสระ บารายแห่งนี้น่าจะมีทางรับน้ำด้านทิศตะวันตกจากเขาปลายนัด (ไปรนัด) และเขาพนมรุ้ง ตรงบริเวณที่เรียกว่า สะพานขอม และระบายน้ำออกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งยังคงความสำคัญต่อชุมชนในทุกวันนี้

ซุ้มประตู สระน้ำรูปตัวแอล ล้อมรอบระเบียงคดชั้นใน
สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม :: ซุ้มประตู ก่อด้วยอิฐ มีซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ก่อด้วยหินทราย ระเบียงคดนี้ลักษณะเป็นห้องแบบระเบียงคดทั่วไป หลังคาเป็นหินทรายทำเป็นรูปประทุนเรือ มีประตู 3 ด้านพื้นของซุ้มประตูยกสูงขึ้นจากพื้นลานโดยรอบ ประตูกลางซึ่งเป็นประตูหลัก ด้านข้างของซุ้มประตูทำเป็นช่องหน้าต่างทึบด้านละ 2 ช่อง ด้านนอกติดลูกกรงลูกมะหวด
ที่หน้าบันซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกด้านนอกจำหลักภาพเทวะนั่งชันเข่า อยู่เหนือเศียรเกียรติมุข เหนือขึ้นไปเป็นนาค 5 เศียรครอบ 2 ชั้น ทั้ง 2 ข้าง ทับหลังหินทรายจำหลักภาพเกียรติมุขคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้ง 2 ข้าง
[CR] ทริป บุรีรัมย์ 3 วัน 2 คืน ตอน :: เทวาลัย ไร้ที่มา ......ปราสาทเมืองต่ำ
ที่หน้าบันซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกด้านนอกจำหลักภาพเทวะนั่งชันเข่า อยู่เหนือเศียรเกียรติมุข เหนือขึ้นไปเป็นนาค 5 เศียรครอบ 2 ชั้น ทั้ง 2 ข้าง ทับหลังหินทรายจำหลักภาพเกียรติมุขคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้ง 2 ข้าง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น