เมื่อวานดูLondon Has Fallenปี2016ช่องMono 29ผมว่านะดีแค่ฉากLong Take ช่วงสุดท้ายแต่ก็ยังสนุกสู้ภาค1 ปี2013ไม่ได้เลยครับ

อันที่จริงหนังภาค 1 อย่าง Olympus Has Fallen ในปี 2013 ที่กำกับโดย    Antoine Fuqua โดนใจ ผมมากกว่ามากๆๆๆๆ ครับ ขนาดนั้น เอาเข้าจริงตัวหนังภาค 1 เรียกได้ว่าเกิดเหตุการณ์ในสถานที่ปิดล้อมอย่างทำเนียบขาว การกลายเป็น “คู่หู” แบบจำเป็นระหว่าง ไมค์ เบนนิ่ง(เจอราด บัตเลอร์) และประธานาธิบดีเบนจามิน (แอรอน แอ็คฮาร์ท) จึงทำให้คนดูลุ้นเอาใจช่วยว่าทั้งสองจะรอดชีวิตและอยู่รอดปลอดภัยจนกระทั่งหนังจบเรื่อง เพราะไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่า “ใครสักคน” จะโดนสังหารหรือไม่

แม้ว่า Olympus Has Fallen จะเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จแนวคู่หูเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันแต่ลีลาและประสบการณ์การกำกับของ Antoine Fuqua ที่ทำหนังแอ็คชั่นตำรวจมา อย่างเรื่อง Training Day  ปี 2001 เค้ารู้จังหวะจะโคนในการเร้าอารมณ์ผู้ชมอย่างค่อยๆไต่ระดับได้อย่างน่าสนใจมากกว่า
ผู้กำกับ Babak Najafi แต่ทว่า  LONDON HAS FALLEN นำเสนอเรื่องราวที่ว่าด้วยเหตุการณ์ให้หลังหนังภาค1 ถึง 2 ปีและมีกลุ่มตัวร้ายเป็นชาวตะวันออกกลางที่พยายามจะล้างแค้นเหล่าประเทศโลกที่ 1 ที่เคยไปทิ้งบอมบ์สังหารวายร้ายหมายเลข 1 แต่ดันพลาดกลายเป็นการสังหารผู้บริสุทธิ์ไปแทน ยามถึงเวลาพวกเขาจึงหวนกลับมาล้างแค้นด้วยการสร้างแผนลวงในการแฝงตัวเข้าไปเป็นตำรวจที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยในงานศพของผู้นำประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีบรรดาเหล่าผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกเดินทางมาร่วมงาน

แน่นอนว่าตัวเอกจะต้องไม่ทราบถึงกลลวงดังกล่าวและเข้ามาติดในวงล้อม เพื่อเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาของมันอยู่ที่บทหนังอันแสนหลวมโพรกและไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดว่าบรรดาผู้นำของหลายๆประเทศนั้น เดินทางมางานศพราวกับมาพักร้อนต่างแดน บ้างก็อ้อยอิ่งก็อยู่บนวิหารดูวิวทิวทัศน์, ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็นั่งเรือเช็คงานอย่างดูสบายอารมณ์, นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพร้อมคนขับรถ(ที่คล้ายโชเฟอร์แท็กซี่) ก็ยิ่งทำให้เรามองเห็นความไม่สมฐานะและไม่สมเหตุสมผลในการเดินทางเข้าร่วมงานอย่างร้ายแรง

แต่ฉากแอ็คชั่นของ LONDON HAS FALLEN ไม่ใช่ข้อด้อย ฉากเหล่านี้ยังเรียกได้ว่าสนุกและบันเทิงอยู่ บ้าง  
อารมณ์ขันอันแห้งเหือดของหนัง ก็ยังมีให้เห็นประปราย และโผล่ขึ้นมาในช่วงหลังจากกลางเรื่องไปแล้ว อย่างไรก็ตาม LONDON HAS FALLEN ภาค 2 นี้เป็นหนังภาคต่อที่ไม่มีอะไรใหม่ และความไม่ใหม่ครั้งนี้ก็ไม่บันเทิงเท่า กับหนังภาค1 เลยครับ แต่ถ้าละทิ้ง ความสมเหตุสมผลของหนังทิ้งไปก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ค่อย “สนุก” เท่าภาค 1 อยู่ดีนะครับ แล้วทุกท่านละคิดว่าอย่างไรขอบคุณมากๆๆๆๆๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่