สบายสบายวันเสาร์ ว่างบ้างได้โอกาสเข้ามาห้องราชดำเนินก็เลยอยากจะคุยกับเพื่อนๆบ้าง
ตัวตน และ ศักดิ์ศรี เป็นสิ่งที่ถ้าใครแบกไว้จนหนักเกินไปก็จะเป็นทุกข์มาก
แต่ก็มีบางท่านค้านว่า มีศักดิ์ศรีมาก ก็มีความสุขมากนะ นั่นก็แล้วแต่ท่านนะครับ
ผมเพียงพูดไปตามที่ได้รับการสั่งสอนมาจากอุปัชฌาย์อาจารย์และประสบการณ์ประสบพบเจอเท่านั้น
เล่าเรื่องพระบางรูปให้ฟังครับ ท่านพยายามฉันภัตตาหาร โดยไม่ให้ติดในรสชาติทั้งหลาย ความอร่อยหรืออื่นๆ
เวลาท่านฉัน ถ้ารู้สึกว่าอร่อย ท่านจะเขกหัวตัวเองทีนึงแล้ว ทำนองกล่าวกับตัวเองว่า นี่แนะอร่อยอะไรกัน
ตัวตนทั้งนั้น เราจะมีตัวตนไม่ได้ อร่อยคือยังมีตัวตน ต้องฉันอาหาร ให้เป็นเพียงอาหารเพื่อการดำรงอยู่ได้ของร่างกายนี้เท่านั้น
นั่นคือท่านพยายามอย่างยิ่งทุกวิถีทางเพื่อลดความเป็นตัวตนในตัวท่านเอง
หลายปีผ่านมาแล้วผมได้มีโอกาสบวชที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ หลวงพ่อปัญญาเป็นพระอุปัชฌาย์ พวกพระบวชใหม่ ท่านบอกว่า
พวกนี้ยังดีที่ได้มาบวช แล้วก็ต้องสึกกลับไปทำงาน เวลาน้อย ท่านให้พระใหม่พวกนี้เรียนอย่างเดียว ท่านและพระทั้งหลายจะสอน
ธรรมะที่เป็นแก่นของพุทธศาสนา ทุกวัน ตอนเช้ามืดก็หัดนั่งกรรมฐานก่อนแล้วทำวัตรเช้า เสร็จจึงออกไปบิณฑบาต กลับมาฉันเช้าแล้ว
ทำธุระส่วนตัว ล้างบาตซักจีวร ทำความสะอาดกุฎิ พอถึงเวลาเพลก็ฉันเพล แล้วบ่ายก็ไปเรียนธรรมะ ไม่ให้พระใหม่รับนิมนต์ใดใดทั้งสิ้น
บทสวดก็สอนสวดเฉพาะสัพพีที่ให้ศีลให้พรญาติโยม ปลงอาบัติ เข้าพรรษา หลวงพ่อบอกเวลาน้อยอย่าเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นที่ประโยชน์น้อย
ให้เรียนรู้ตัวตนของตนเอง ให้รู้ว่าแก่นพุทธศาสนาคืออะไรอยู่ตรงไหน และพระธรรมคำสั่งสอนมีคุณค่ามีประโยชน์อย่างไร
ไม่ให้ยึดติดในวัตถุ ไม่ให้หลงในตัวตนลาภยศสรรเสริญ หากได้รับ ก็ให้รับแบบระลึกได้ ระลึกรู้ รับรู้แบบไม่หลงติดยึดไปกับสิ่งลวงตา
ให้อยู่กับปัจจุบัน อนาคตยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันดี อนาคตย่อมดีแน่ อดีตเป็นสิ่งที่ให้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ควรอาลัยอาวรณ์
ตอนบวชผมกับพระใหม่เพื่อนกันยังล้อกันเลย เวลาใครฉันแล้วขอน้ำปลามาเติม ก็บอกว่านั่นเติ่มตัวตนเหรอ ก็ขำขำกันไป
พระมีบทสวดประมาณตน ในเรื่องการฉัน การห่มจีวร การอยู่ในเสนาสนะ ฯลฯ ถ้าพิจารณาอาหาร ก็ ปะฏิสังขา โยนิโส ปิณฑปาตัง
พิจารณาเครื่องนุ่งหุ่ม ก็ ปะฎิสังขา โยนิโส จีวะรัง เพื่อการฉันอาหารฉันเพื่อการอยู่ได้แห่งกายนี้ หุ่งห่มเพื่อบำบัดป้องกันความร้อนหนาว
ปฏิสังขาโย ทำให้ประมาณตนในเรื่องต่างๆทุกเรื่อง เข้าใจว่า ฉันอาหารเพื่ออะไร ห่มจีวรเพื่ออะไร อยู่ในกุฏิที่พอประมาณเพื่อการอยู่อาศัย
ตัวตน ศักดิ์ศรี มีมาก ก็ลำบากในการต้องใส่ใจดูแลรักษา แต่ถ้ามีมากแล้วรู้จักดีว่าควรทำอย่างไรกับ ตัวตนและศักดิ์ศรีที่มี
ก็จะอยู่อย่างมีทุกข์น้อย หรือรู้เท่าทันตัวตนกับศักดิ์ศรีที่ได้รับมา
หลายสิบปีแล้วสมัยเป็นเด็กๆเรียนชั้นประถมต้น เวลาเพื่อนๆมีเรื่องจะชกกัน ก็นัดกันไปหลังโรงเรียน จรดจดจ้องจ้องกัน เองต่อยก่อนซิ
เองก่อนซิ เพื่อนที่เป็นตัวเสี้ยมอยากดูเพื่อนต่อยกัน ก็จัดแจงเอาถ่านมาเขียนหัวคนข้างขาทั้งสอง แล้วบอกนั่นหัวเองนั่นหัวเอง
และเอาเท้าเพื่อนไปเหยียบรูปที่วาด แค่นี้อีกฝ่ายไม่คิดอะไรก็เข้าไปต่อยเลย ด้วยคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเหยียบหัวตนเอง(คิดแบบเด็กๆ)
เป็นที่สมใจขาเสี้ยมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าขาเสี้ยมไม่วาดไม่ยุส่ง เพื่อนๆอาจไม่ต้องได้ลงมือชกกันก็ได้
เรื่องบางเรื่อง ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน และควบคุมสติของเราเองได้ เราก็อาจหลงไปกับตัวตนศักดิ์ศรีของตัวเราเอง
ขาเสี้ยมนี่ตัวสำคัญตัวร้ายเลยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ คู่ต่อสู้ทั้งสองเวลาจะเริ่มต่อย น่าจะเปลี่ยนมาเป็นต่อยขาเสี้ยมแทน ดูจะเหมาะสมดีนะครับ
ตัวตน และศักดิ์ศรี เป็นสิ่งที่ดี หากได้เข้าใจจริงและรู้เท่าทัน ใช้ในแนวทางที่ดีที่ถูกต้อง ก็จะยังประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเองและสังคมคนรอบข้างได้
แต่หากยึดติดยึดมั่นถือมั่น (แบบที่หลวงพ่อพุทธทาส ท่านบอกคือ มีตัวกรูของกรู) ไม่เข้าใจ ตัวตนและศักดิ์ศรี ที่มีอยู่และเกิดขึ้นกับตัวแล้ว
จะเป็นสิ่งที่แบกหนักเป็นภาระติดตัวที่เป็นตัวถ่วง ในสิ่งต่างๆทั้งทางโลกย์และทางธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ผมไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก ไม่ค่อยจะรู้ความเป็นไปต่อเนื่องทั้งหลายในห้องราชดำเนิน แต่เข้ามาทีไร อ่านแล้วก็มีความรู้สึกหนักๆ
แต่ก็มีรู้สึกว่า เพื่อนๆกันทั้งนั้น น่าจะพอคุยกันได้นะครับ หนักนิดเบาหน่อย อภัยกันได้ก็อภัยกัน ขอโทษกันได้ก็ขอโทษกัน
เพื่อนๆผมทุกท่านครับ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก ปล่อยวางสิ่งที่ไร้สาระ อย่าเอาสิ่งที่ไร้สาระมาเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตเลย เสียเวลาเปล่าครับ
ขอให้รู้เท่าทัน ตัวตน และ ศักดิ์ศรี ทุกๆท่านครับ
ด้วยความปรารถนาดีและระลึกถึงเพื่อนๆทุกๆท่านครับ
ปล 1 ขออนุญาตคุยกับเพื่อนๆห้องราชดำเนินนะครับท่าน WM จึงแท๊กมาที่ราชดำเนิน
2 สบายสบายวันเสาร์ มีเวลาก็มาคุยกับเพื่อนๆ ก่อนจะพาครอบครัวออกไปเที่ยวครับ
อ้อ พูดผิดไป ลูกๆเขาพาพ่อแม่ไปเที่ยว ซะมากกว่า กาลเวลาผันผ่านชีวิตกลับข้าง
แต่ก่อนเราพาลูกๆเที่ยว เดี๋ยวนี้ ลูกพาพ่อแม่เที่ยว แต่เราก็ยังมีตัวตนอยู่พูดให้เท่
พาครอบครับไปเที่ยว ตัวตนผมยังเยอะอยู่ครับ อิ อิ
ตัวตน ศักดิ์ศรี
ตัวตน และ ศักดิ์ศรี เป็นสิ่งที่ถ้าใครแบกไว้จนหนักเกินไปก็จะเป็นทุกข์มาก
แต่ก็มีบางท่านค้านว่า มีศักดิ์ศรีมาก ก็มีความสุขมากนะ นั่นก็แล้วแต่ท่านนะครับ
ผมเพียงพูดไปตามที่ได้รับการสั่งสอนมาจากอุปัชฌาย์อาจารย์และประสบการณ์ประสบพบเจอเท่านั้น
เล่าเรื่องพระบางรูปให้ฟังครับ ท่านพยายามฉันภัตตาหาร โดยไม่ให้ติดในรสชาติทั้งหลาย ความอร่อยหรืออื่นๆ
เวลาท่านฉัน ถ้ารู้สึกว่าอร่อย ท่านจะเขกหัวตัวเองทีนึงแล้ว ทำนองกล่าวกับตัวเองว่า นี่แนะอร่อยอะไรกัน
ตัวตนทั้งนั้น เราจะมีตัวตนไม่ได้ อร่อยคือยังมีตัวตน ต้องฉันอาหาร ให้เป็นเพียงอาหารเพื่อการดำรงอยู่ได้ของร่างกายนี้เท่านั้น
นั่นคือท่านพยายามอย่างยิ่งทุกวิถีทางเพื่อลดความเป็นตัวตนในตัวท่านเอง
หลายปีผ่านมาแล้วผมได้มีโอกาสบวชที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ หลวงพ่อปัญญาเป็นพระอุปัชฌาย์ พวกพระบวชใหม่ ท่านบอกว่า
พวกนี้ยังดีที่ได้มาบวช แล้วก็ต้องสึกกลับไปทำงาน เวลาน้อย ท่านให้พระใหม่พวกนี้เรียนอย่างเดียว ท่านและพระทั้งหลายจะสอน
ธรรมะที่เป็นแก่นของพุทธศาสนา ทุกวัน ตอนเช้ามืดก็หัดนั่งกรรมฐานก่อนแล้วทำวัตรเช้า เสร็จจึงออกไปบิณฑบาต กลับมาฉันเช้าแล้ว
ทำธุระส่วนตัว ล้างบาตซักจีวร ทำความสะอาดกุฎิ พอถึงเวลาเพลก็ฉันเพล แล้วบ่ายก็ไปเรียนธรรมะ ไม่ให้พระใหม่รับนิมนต์ใดใดทั้งสิ้น
บทสวดก็สอนสวดเฉพาะสัพพีที่ให้ศีลให้พรญาติโยม ปลงอาบัติ เข้าพรรษา หลวงพ่อบอกเวลาน้อยอย่าเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นที่ประโยชน์น้อย
ให้เรียนรู้ตัวตนของตนเอง ให้รู้ว่าแก่นพุทธศาสนาคืออะไรอยู่ตรงไหน และพระธรรมคำสั่งสอนมีคุณค่ามีประโยชน์อย่างไร
ไม่ให้ยึดติดในวัตถุ ไม่ให้หลงในตัวตนลาภยศสรรเสริญ หากได้รับ ก็ให้รับแบบระลึกได้ ระลึกรู้ รับรู้แบบไม่หลงติดยึดไปกับสิ่งลวงตา
ให้อยู่กับปัจจุบัน อนาคตยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันดี อนาคตย่อมดีแน่ อดีตเป็นสิ่งที่ให้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ควรอาลัยอาวรณ์
ตอนบวชผมกับพระใหม่เพื่อนกันยังล้อกันเลย เวลาใครฉันแล้วขอน้ำปลามาเติม ก็บอกว่านั่นเติ่มตัวตนเหรอ ก็ขำขำกันไป
พระมีบทสวดประมาณตน ในเรื่องการฉัน การห่มจีวร การอยู่ในเสนาสนะ ฯลฯ ถ้าพิจารณาอาหาร ก็ ปะฏิสังขา โยนิโส ปิณฑปาตัง
พิจารณาเครื่องนุ่งหุ่ม ก็ ปะฎิสังขา โยนิโส จีวะรัง เพื่อการฉันอาหารฉันเพื่อการอยู่ได้แห่งกายนี้ หุ่งห่มเพื่อบำบัดป้องกันความร้อนหนาว
ปฏิสังขาโย ทำให้ประมาณตนในเรื่องต่างๆทุกเรื่อง เข้าใจว่า ฉันอาหารเพื่ออะไร ห่มจีวรเพื่ออะไร อยู่ในกุฏิที่พอประมาณเพื่อการอยู่อาศัย
ตัวตน ศักดิ์ศรี มีมาก ก็ลำบากในการต้องใส่ใจดูแลรักษา แต่ถ้ามีมากแล้วรู้จักดีว่าควรทำอย่างไรกับ ตัวตนและศักดิ์ศรีที่มี
ก็จะอยู่อย่างมีทุกข์น้อย หรือรู้เท่าทันตัวตนกับศักดิ์ศรีที่ได้รับมา
หลายสิบปีแล้วสมัยเป็นเด็กๆเรียนชั้นประถมต้น เวลาเพื่อนๆมีเรื่องจะชกกัน ก็นัดกันไปหลังโรงเรียน จรดจดจ้องจ้องกัน เองต่อยก่อนซิ
เองก่อนซิ เพื่อนที่เป็นตัวเสี้ยมอยากดูเพื่อนต่อยกัน ก็จัดแจงเอาถ่านมาเขียนหัวคนข้างขาทั้งสอง แล้วบอกนั่นหัวเองนั่นหัวเอง
และเอาเท้าเพื่อนไปเหยียบรูปที่วาด แค่นี้อีกฝ่ายไม่คิดอะไรก็เข้าไปต่อยเลย ด้วยคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเหยียบหัวตนเอง(คิดแบบเด็กๆ)
เป็นที่สมใจขาเสี้ยมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าขาเสี้ยมไม่วาดไม่ยุส่ง เพื่อนๆอาจไม่ต้องได้ลงมือชกกันก็ได้
เรื่องบางเรื่อง ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน และควบคุมสติของเราเองได้ เราก็อาจหลงไปกับตัวตนศักดิ์ศรีของตัวเราเอง
ขาเสี้ยมนี่ตัวสำคัญตัวร้ายเลยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ คู่ต่อสู้ทั้งสองเวลาจะเริ่มต่อย น่าจะเปลี่ยนมาเป็นต่อยขาเสี้ยมแทน ดูจะเหมาะสมดีนะครับ
ตัวตน และศักดิ์ศรี เป็นสิ่งที่ดี หากได้เข้าใจจริงและรู้เท่าทัน ใช้ในแนวทางที่ดีที่ถูกต้อง ก็จะยังประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเองและสังคมคนรอบข้างได้
แต่หากยึดติดยึดมั่นถือมั่น (แบบที่หลวงพ่อพุทธทาส ท่านบอกคือ มีตัวกรูของกรู) ไม่เข้าใจ ตัวตนและศักดิ์ศรี ที่มีอยู่และเกิดขึ้นกับตัวแล้ว
จะเป็นสิ่งที่แบกหนักเป็นภาระติดตัวที่เป็นตัวถ่วง ในสิ่งต่างๆทั้งทางโลกย์และทางธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ผมไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก ไม่ค่อยจะรู้ความเป็นไปต่อเนื่องทั้งหลายในห้องราชดำเนิน แต่เข้ามาทีไร อ่านแล้วก็มีความรู้สึกหนักๆ
แต่ก็มีรู้สึกว่า เพื่อนๆกันทั้งนั้น น่าจะพอคุยกันได้นะครับ หนักนิดเบาหน่อย อภัยกันได้ก็อภัยกัน ขอโทษกันได้ก็ขอโทษกัน
เพื่อนๆผมทุกท่านครับ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก ปล่อยวางสิ่งที่ไร้สาระ อย่าเอาสิ่งที่ไร้สาระมาเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตเลย เสียเวลาเปล่าครับ
ขอให้รู้เท่าทัน ตัวตน และ ศักดิ์ศรี ทุกๆท่านครับ
ด้วยความปรารถนาดีและระลึกถึงเพื่อนๆทุกๆท่านครับ
ปล 1 ขออนุญาตคุยกับเพื่อนๆห้องราชดำเนินนะครับท่าน WM จึงแท๊กมาที่ราชดำเนิน
2 สบายสบายวันเสาร์ มีเวลาก็มาคุยกับเพื่อนๆ ก่อนจะพาครอบครัวออกไปเที่ยวครับ
อ้อ พูดผิดไป ลูกๆเขาพาพ่อแม่ไปเที่ยว ซะมากกว่า กาลเวลาผันผ่านชีวิตกลับข้าง
แต่ก่อนเราพาลูกๆเที่ยว เดี๋ยวนี้ ลูกพาพ่อแม่เที่ยว แต่เราก็ยังมีตัวตนอยู่พูดให้เท่
พาครอบครับไปเที่ยว ตัวตนผมยังเยอะอยู่ครับ อิ อิ