ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร โลกแห่งความจริงที่เจ็บปวด

เศร้าเศร้าเศร้าก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมขอใช้ชื่อแทนตัวผมเองว่า นิรนาม นะครับ ผมอายุ32 ปี ปัจจุบันเป็น พนักงานราชการครู เป็นมาได้6 ปีแล้วครับ ผมเรียนจบระดับปริญาโท สาขาการบริหารการศึกษา ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันชีวิตผมมันเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ผมเรียนจบ ปริญญาตรี หลังจากที่เรียนจบมาแล้วก็ได้บวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ก่อน หลังจากบวชได้19วันผมก็ศึกออกมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตการทำงานครั้งแรก ได้ทำงานโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี ผมได้สัมผัสกับกับการทำงานจริงจังครั้งแรกมันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย ผมทำได้เพียง1เดือนเศษ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หลังจากออกจากโรงเรียนเอกชนแล้วได้มาสมัครเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนรัฐบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ทุกอย่างเหมือนจะได้ได้ดีแต่เวลาผ่านไปเพียงปีกว่าๆ ผมได้เข้าคัดเลือกทหาร ผมจับได้ใบแดง(ทบ.2)ตอนนั้นคิดในใจว่า"ก็ดีท้าทายดีครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้ชาย"แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิดอีกผมได้เข้ากรมทหารฝึกในค่ายเป็นพลทหารอยู่90วันในระหว่างฝึกก็มีเหตุการทั้งดีทั้งร้ายเกิดขึ้น ผมอยู่ในค่ายจนครบ90วันได้กลับมาอยู่ที่บ้านเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ(กระเพาะรั่ว)หลักจากเวลาผ่านไป1ปีผมก็ปลดประจำการแล้วผมก็ได้เริ่มสอบเพื่อเป็นครูอีกครั้ง สอบได้พนักงานราชการและได้ทำมาจนถึงปัจจุบันผมคิดเสมอว่าผมต้องสร้างเด็กๆที่ผมสอนออกมาให้ดีที่สุด ผมได้สอนโรงเรียนมัธยมประจำตำบลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่แถบชายแดนและก็ไกล้บผมเพียง10กว่ากิโล ผมคิดว่าชีวิตต่อจากนี้คือชีวิตที่แห้จริงของผม ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้สงสานเห็นใจและเกรงใจผู้อื่นเสมอโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าชีวิตต่อไปนี้มันจะโอเครหรือไม่โอเค สำหรับใครหลายๆคนเมื่ออายุ 27 ปีแล้วนิเนอะคงต้องมีอะไรดีๆในชีวิตเหมือนกันผมก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น แต่ความเป็ยจริงมันไม่ใช่เลยครับ ระหว่าการทำงานของผม ปัญหาอุปสรรค์มาเยอะมาก จนบางที่ผมก็คิดว่าทำไมชีวิตผมถึงมีอุปสรรค์เยอะจังทำอะไรไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิตเลย ผมมี รถ มีบ้าน มีเงินเดือน พร้อมทุกอย่าง แต่มันก็มาพร้อมๆกับหนี้สินแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรก็คิดว่าเป็นหนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองแต่แล้วเรื่องร้ายๆก็กำลังจะเดินทางมาถึง 6 ปีที่เป็นครูที่นี้มาจนมาถึงปัจจุบันมีข่าวเข้ามาว่าทางโรงเรียนกำลังจะต้องลดอัตราครูผู้สอนลงโดดยเริ่มแรกจะลดพนักงานราชการก่อนซึ่งใช่เลยครับ ผมคือกลุ่มเป้าหมายแรกเพราะผมไม่มีเส้นสายในวงการราชการ (หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่สอบบรรจุ เพราะว่าเมื่อ2ปีก่อนพ่อผมล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำใส้ ถ้าผมสอบผมต้องได้ไปอยู่ที่อื่นซึ่นไกลบ้านแน่ๆผมจึงตัดสินใจไม่สอบบรรจุเลือกที่จะอยู่ดูแลครอบครัวช่วยพ่อ)เข้าเรื่องต่อนะครับแน่นอนผมคือกลุ่มเป้าหมายแรกตอนนี้ยังมึนไปทุกอย่างเลยเพราะถ้าต้องปลดพนักงานจริงๆแล้วผมจะต้องย้ายที่ทำงานใหม่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหนสักแห่งในประเทศไทย มีเพื่อนๆคนไหนเคยเจอปัญหาแบบผมหรือป่าวครับ ตอนนี้ผมเริ่มท้อกับชีวิตแล้วจนบางครั้งคิดว่าอยากจะหลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ทำไมชีวิตผมต้องเจอแต่เรื่องราวปัญหาบ้าบอพวกนี้ด้วยเหมือนว่ามีใครสักคนคอยกลั่นแกล้งผมอยู่เลย ชีวิตผมต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่