((Spoil)) ตีบางประเด็นจากเรื่อง ColdSkin ศีลธรรม ตัวตน บนเกาะที่ห่างไกล

Cold Skin  


เกริ่นก่อนว่า "เราไม่มีความอยากดูเรื่องนี้เลยตั้งแต่แรก"
เพราะอะไร = มันไม่ใช่หนังแนวที่ชอบ เราเกลียดหนังสัตว์ประหลาด และหน้าหนังมันดูโคตรเกรดบี คะแนนวิจารณ์ก็ไม่สู้ดีนัก

..... พอดีว่าง เลยไปดู

แต่พอดูจบ "ชอบหนังเรื่องนี้ซะงั้น"


ขอรีวิวแบบไม่สปอยก่อน

----> หน้าหนังเหมือนหนังแอ็คชั่นไซไฟสู้กับสัตว์ประหลาด แต่จริงๆซีนสัตว์ประหลาดมันไม่ได้เยอะอัดแน่นมากนัก และที่สำคัญ มันไม่ใช่หนังแอ็คชั่น (นี่แหละคือประเด็นที่ทำให้เราชอบ เพราะเราไม่ชอบหนังที่เอะอะยิงๆ เบื่อมาก นี่ก็ยิงเยอะ แต่ไม่ได้ตูมตามจนเกินรับ)

มันคือหนังย้อนยุคที่เล่าเรื่องของศีลธรรมในจิตใจมนุษย์เมื่อถึงคราวที่จะต้องเอาตัวรอด ในที่นี้คือทั้งจากสัตว์ประหลาดและจากการใช้ชีวิตบนเกาะที่สุดจะห่างไกล

โดยมีศูนย์กลางเรื่องที่พระเอกของเราซึ่งเดินทางมายังเกาะนี้เพื่อทำหน้าที่บันทึกทิศทางลมและกระแสน้ำแทนคนเก่าที่เสียชีวิต ได้มาพบกับกรูเนอร์ ผู้ดูแลประภาคารที่ใช้ชีวิตบนเกาะนี้มานานจนเป็นบ้านของเขา และการมาเยือนของสัตว์ประหลาดสะเทินน้ำสะเทินบกที่มุ่งหวังจะเอาชีวิตของทั้งคู่เมื่อถึงเวลาค่ำคืนของทุกวัน


--------------------------------------------------

หนังสนุกมั้ย ??

>>> พูดตรงๆมันไม่ได้สนุกสุดมันส์แบบนั้น

มันคือหนังยุโรปจ๋าๆ โทนหนังแบบเทาๆ ถ้าคนคุ้นเคยหนังยุโรปจะชินกับสไตล์แบบนี้แน่นอน ส่วนคนที่คุ้นเคยหนังฮอลลิวู้ดอาจจะมองว่ามันอืดแปลกๆไปบ้าง และหนังใช้การเล่าเรื่องแบบบรรยายผสมกับการเดินเรื่องปกติ ซึ่งกลับเป็นจุดบอดสำคัญที่ทำให้หนังมีการเล่าเรื่องที่พลาดไปอย่างน่าเสียดาย เพราะตัวหนังมี Meterials ที่ดีในมือแต่ผู้กำกับไม่เก่งเท่าไหร่ ทำให้มีความติดขัดในการเล่าทั้งเรื่อง การตัดต่อก็ขาดๆเกินๆหลายฉาก

แต่สิ่งที่ตรึงเราได้คือ ความเป็นหนังสไตล์ยุโรปที่บอกไปตอนแรก หนังยุโรปจะชอบเล่าผ่านพวกสิ่งของหรือการกระทำมากกว่าใช้บทพูด  ทำให้เราได้ดูไปคิดไปและตีความไปว่าสิ่งที่คนนี้ทำคืออะไร

ดังนั้นกรอบความคิดของเรามันจะไม่ถูกลิมิตแบบที่หนังส่วนมากกำหนดให้ เหมือนเราอ่านนิยายแล้วต้องใช้จินตนาการเพิ่มเองอะ
ส่วนใครจะจินตนาการได้เพิ่มมากน้อยมันก็แล้วแต่พื้นฐานและคลังข้อมูลในสมองของแต่ละคน

ด้านงานภาพและเสียงอยู่ในระดับคุณภาพ ไม่กิ๊กก๊อกนะ ไม่เกรดบีด้วย ภาพสวยฟุ้งแบบหนังยุโรป ย้อมสีออกเทาๆทั้งเรื่อง (ชอบด้วยจริตส่วนตัว) CG พรายน้ำเนียนดีเลยแหละ

จะขอสรุปรีวิวแบบไม่สปอยไว้ตรงนี้ก่อนว่า หนังมีเนื้อเรื่องดีแต่ด้อยในด้านการตัดต่อ และใครอยากดูแอ็คชั่นไซไฟยิงสัตว์ประหลาดขอให้ทำใจไว้ก่อน คือมันก็มียิงกันมีเลือดสาดอยู่พอประมาน แต่แก่นหนังไม่ใช่แนวนั้นเลยค่ะ

--------------------------------------------------

ด้านล่างลงไปสปอยแน่ๆ 100%


ด้วยความอยากเขียนถึงประเด็นที่เราพอจะจับๆจากหนังได้ (อาจจะไม่ใช่เป็นแบบที่เราคิดก็ได้ เราไม่ได้อ่านนิยายมาก่อน ว่าจะไปหาอ่านเหมือนกัน)



1. สาเหตุการมาอยู่เกาะของพระเอกและกรูเนอร์ผู้ดูแลประภาคาร



>>>หนังไม่ได้บอกแบบตรงๆว่าพระเอกเป็นใครและผู้ดูแลเป็นใคร แต่สองคนนี้มีบางสิ่งที่เหมือนกันคือ ต้องการตัดขาดจากโลกภายนอก โดยสาเหตุมาจากการสูญเสียบางอย่างไป จึงเลือกที่จะมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง


ในกรณีของพระเอก เราเห็นเพียงแค่สิ่งที่หนัง Hint มาเบาๆคือ พระเอกอาจจะเป็นคนมีการศึกษาแต่ขี้ขลาด ไม่กล้าสู้ใคร และในขณะนั้นคือเวลาที่ยุโรปกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่1 (จากภาพในหนังสือพิมพ์ตอนต้นเรื่องพาดหัวกรณีอาร์ชดยุคฟรานซิส เฟอร์ดินานด์แห่งซาราเยโวถูกลอบสังหาร ซึ่งเป็นชนวน WW1 ) โดยชายฉกรรจ์จะถูก Recruit ไปเป็นทหาร การหนีมาเกาะนี้พร้อมกองหนังสือจำนวนมากจึงพอจะตอบข้อสงสัยได้ว่าพระเอกหนีสงครามมาทำงานกับนั่งอ่านหนังสือเงียบๆบนเกาะไกลปืนเที่ยงนี่เอง ช่วงแรกๆจะเห็นว่าพระเอกดูเงอะงะ ไม่กล้ายิงด้วย

ส่วนกรณีของกรูเนอร์ผู้แลประภาคาร หนังไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องราวของเขาในตอนแรก แต่มาเฉลยนิดๆตอนหลัง (เดี๋ยวเขียนในข้อสอง) กรูเนอร์น่าจะเป็นชายที่สูญเสียทุกอย่างในโลกบนแผ่นดินใหญ่และอาจจะถูกทรยศหักหลังหรือเห็นความโหดร้ายของมนุษย์มามากพอที่จะทำให้เขาอยากมาใช้ชีวิตเพียงคนเดียวที่เกาะนี้


--------------------------------------------------

2. ตัวตนของ "กรูเนอร์" ผู้ดูแลประภาคาร


>>>ทันที่ที่เราดูจบ ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเราคือ
"กรูเนอร์ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คน"
เอ้ยยยย นี่ก็บ้าจะเล่น!!! 5555

เอาใหม่ๆ กรูเนอร์คือ

"ตัวตนคนที่ดูแลประภาคารและเกาะนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม"



ดังนั้นหนังได้เฉลยตอนท้ายแล้วว่า ทั้งพระเอกและผู้ดูแลประภาคารต่างก็เป็นกรูเนอร์
โดยกรูเนอร์คนที่เราเจอตลอดเรื่อง คือชายคนที่พระเอกจะต้องมาทำงานแทน ซึ่งพระเอกเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่จริงๆเขาได้ละทิ้งตัวตนนั้นไปและกลายเป็นคนใหม่ที่ชื่อกรูเนอร์อย่างสมบูรณ์ จนในตอนท้ายกรูเนอร์คนนี้ได้ตายไป พระเอกของเราได้กลายเป็นกรูเนอร์แทนและใช้ชีวิตที่เกาะอย่างสมัครใจ

หากมองต่อจากฉากจบเลยไปอีกก็จะเห็นว่า ทุกอย่างกำลังเข้าสู่ loop เดิม คนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนพระเอก ก็จะทำแบบพระเอกและเมื่อพระเอกตายก็อาจจะกลายเป็นกรูเนอร์แทนพระเอกได้เช่นกัน

การเป็นกรูเนอร์น่าจะหมายถึงเราได้ทิ้งศีลธรรม ทิ้งจิตใจ และตัวตนเดิมของเราไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงผู้ครอบครอง เหมือนเป็นหัวหน้าอาณานิคมที่มีอำนาจเหนือสรรพสิ่งในบริเวณนั้น ที่อยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจอยากทำ


--------------------------------------------------

3. สัตว์ประหลาดพรายน้ำ


>>>เอาจริงๆหนังไม่มีที่มาที่ไปของอีตัวนี้เลยสักนิด แต่เราเดาว่าหนังเหมือนพยายามสื่อว่าเจ้าตัวนี้มันเป็นเจ้าของเกาะมาอยู่แล้วแต่แรก แต่มนุษย์ต่างหากที่มารุกรานและฆ่าพวกมัน มันจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายมนุษย์ที่อาศัยบนเกาะ ณ ที่นี้ก็มีเพียงแค่ 1-2 คนบนประภาคาร พอดูไปสักพักจนช่วงท้ายๆเราก็จะเห็นได้ว่าเมื่อพระเอกกับกรูเนอร์มีอาวุธที่ร้ายแรงขึ้น พวกพรายกลับอยากเลือกที่จะสงบศึกเพราะแม้แต่สัตว์ก็มีหัวใจและความนึกคิดที่ไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้


ซึ่งกรณีนี้ยังเห็นได้จากการที่กรูเนอร์จับอาเนริส พรายตัวเมียไว้เป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครองและมีเซ็กส์กับเธอไม่ต่างจากหมูจากหมา กับฉากที่กรูเนอร์บังคับให้เธอร้องเรียกพวกของเธอมาที่ประภาคารเพื่อให้ติดกับโดยรู้ทั้งรู้ว่ากรูเนอร์ได้วางระเบิดไว้เตรียมฆ่าพรายทั้งหมด ทำให้เราเห็นปฏิกิริยาของเธอเวลาที่เธอถูกพันธนาการและเห็นแววตาแห่งความเจ็บช้ำของเธอที่แสดงถึงความรู้สึกนึกคิดและความเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ็บได้ร้องไห้เป็นเช่นกัน


--------------------------------------------------

4. ทำไมต้องประภาคาร



>>>อันนี้เรามองว่ามันคือเรื่องของการครอบครองและความรู้สึกปลอดภัย คือ ประภาคารเป็นจุดเดียวบนเกาะที่มีมนุษย์อยู่ ในสายตาของพราย หากล้มจุดนั้นได้ เกาะก็จะเป็นของพวกมัน  (เห็นจากฉากที่พระเอกวางหินเรียงๆไว้เป็นวงกลมและวางเรือตรงกลาง พรายเด็กมาหยิบเรือตรงกลางออก กลายเป็นวงกลมสมบูรณ์ เหมือนสภาพสังคมพรายถูกหล่อหลอมมาแบบนั้น ทำยังไงก็ได้เพื่อพิชิตจุดที่แตกต่างและโดดเด่นออกมา)


ในขณะที่สายตาของมนุษย์ ประภาคารคือป้อมประการป้องกันตัวเอง ในเรื่องคือป้องกันจากพวกพราย และในความจริงประภาคารก็เหมือนแสงสว่างของนักเดินเรือที่สร้างความอุ่นใจไปพร้อมกัน


--------------------------------------------------


ประเด็นหลักๆที่พอจับได้มีสี่อย่างนี้เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยอ่านหนังสือ และหนังมีการเล่าเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ สิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ถูกตามที่เจ้าของเรื่องอยากนำเสนอ แต่มันทำให้เราได้มโนอย่างสนุกสนานดีจริงๆ

ชอบเรื่องนี้อย่างคาดไม่ถึงเลยเชียวค่ะ  

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ นานๆมาเขียนที ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้า ^^


--------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่