พบกับผม vittayakom เมื่อไร ต้องมีรีวิวแน่นอนครับผม สำหรับวันนี้จะนำหูฟัง IRON EA2 มาลองเล่นและเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันครับผม
ปัจจุบัน หูฟังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ใครๆ ก็นิยมฟังเพลงผ่านมือถือ หูฟังก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนนิยมเพราะมีราคาไม่แพง ให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีและไม่รบกวนใคร โดยเฉพาะบนรถไฟฟ้า รถเมล์ช่วงเช้าหรือเย็นที่ใครๆ ก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวทั้งนั้น ดังนั้นหูฟังปัจจุบันจึงขายดีและมีรุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับหูฟัง IRON EA2 ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีจุดดีและเด่นๆ อย่างไร
จริงๆ แล้วผมมักใช้หูฟังที่แถมมากับมือถือเสมอ เพราะสะดวกและหูฟังที่แถมมาส่วนใหญ่เสียงก็ไม่แย่ แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกเบื่อหูฟังเดิมๆ อาจจะเป็นเพราะว่าฟังเสียงมันทุกวัน ประกอบกับหูฟังใหม่ๆ ก็มีมากมายในท้องตลาด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเริ่มมองหาหูฟังใหม่ ซึ่งผมก็ได้ไปหาตามห้างสรรพสินค้า (ผมไม่ซื้อหูฟังทางเน็ตเพราะต้องการลองฟังเสียงก่อน) ก็เจอตัวนี้ IRON EA2 เอาจริงๆ ผมเห็นรุ่นนี้ขายในเน็ตเยอะ เพียงแต่อยากลองฟังเบื้องต้นก่อนในตอนนั้น ซึ่งผมชอบดีไซน์เพราะสายเป็นลายถัก ตรงหูฟังเป็นสีเงินดูสวยงาม คือเรื่องดีไซน์นี่สำหรับผมกินขาด อีกทั้งกล่องเป็นสีดำซึ่งสวย (ผมชอบสินค้าสีโทนเข้มๆ) ตรงนี้จึงสอบผ่านสำหรับผม จากนั้นผมขอพนักงานลองฟัง ซึ่งตอนแรกที่ฟัง ผมลองเปิดเพลงฟังสบายๆ ช้าๆ โอ้โหใช่เลยสำหรับผม เพราะให้เสียงที่นุ่มใช้ได้ ซึ่งจริงๆ ผมใช้หูฟังก็หลายรุ่นมักพบว่าเสียงจะไม่นุ่มเท่านี้ เพราะผมฟังเพลงอย่าง Carpenters, Bee Gees ซึ่งหูฟังตัวนี้เหมาะกับผมมากจริงๆ
ตัวนี้ผมได้มาอาทิตย์กว่าๆ เกือบ 2 อาทิตย์ ใช้งานทุกวันตอนไปทำงานช่วงเช้ากับเย็น จึงเห็นรายละเอียดพอสมควรและคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหาหูฟังสักตัวมาใช้ครับ ยังไงอยากให้ลองดูรีวิวของผมเผื่อเป็นอีกทางเลือกของหูฟังสำหรับคุณครับ

สำหรับหูฟังรุ่นนี้เป็นแบบ in-ear ซึ่งหลายคนนิยมเพราะสามารถเก็บเสียงรบกวนภายนอกได้ดี และยังให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าหูฟัง on-ear ในราคาที่เท่ากัน ไว้ผมจะเล่าไปเรื่อยๆ ครับ

สำหรับตัวหูฟังเป็น in-ear โดยในกล่องจะมีจุกมาให้ขนาดเดียว ซึ่งใจจริงอยากให้มีหลายขนาดเพราะแต่ละคนมีขนาดใบหูที่ต่างกัน

โดยตัวหูฟังจะใช้สายหุ้มพลาสติก ทำลายของสายให้เหมือนสายถักซึ่งสวยดีครับ ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหูฟังราคาแพงเลย สายดูคุณภาพดี และมีตัวควบคุมปรับระดับเสียงที่หูฟังด้วย นอกจากนี้ ตัวสายจะไม่พันกัน น่าจะเป็นเพราะสายที่มีลักษณะลื่นกว่าตัวอื่น จึงทำให้สายไม่ติดไม่พันกัน เพราะปกติผมเก็บหูฟังในกระเป๋าโดยไม่ได้มัดให้เรียบร้อย ฟังเสร็จก็เก็บเข้ากระเป๋าเลยโดยที่ไม่ได้มัด พอนำออกมาจากกระเป๋าก็เห็นว่าสายไม่พันกัน สามารถสลัดสายให้ใช้งานได้ค่อนข้างง่ายครับ อันนี้หลายๆ รุ่นที่ราคาแพงกว่านี้ยังสายพันกันเลยนะครับ

ตัวควบคุมหูฟังจะมีปุ่มที่สำหรับเล่นเพลง หรือหยุดเพลง (ขึ้นกับแอปพลิเคชั่นและระบบปฏิบัติการ) สำหรับ Android ผมใช้ LG G6 ลองเล่นเพลงจากเครื่องและกดใน Youtube ตัวปุ่มทำงาน สามารถกด Play และ Pause เพลงได้ครับ และตัวเบ้าหูฟังมีสีส้มข้างใน ซึ่งส่วนตัวผมชอบ สวยดีครับ
ในด้านการสวมใส่ ผมให้คะแนนด้านนี้ดีครับ คือใส่สบาย ตัวหูฟังเมื่อเข้าไปในหูแล้วรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด (บางรุ่นแน่นเกินจนอึดอัด) และตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีมาก ผมใส่หูฟังนั่งทำงานทั้งวันยังสบายหูเลยครับ แต่สิ่งที่อาจจะไม่ชินสำหรับผมเล็กน้อยคือสายหูฟังช่วงบน (ก่อนถึงปุ่มควบคุม) ยาวมากไปนิดจนทำให้ตัวควบคุมปุ่มอยู่ไกลปาก เพราะไมโครโฟนสำหรับการสนทนาอยู่ตรงนั้น ทำให้บางจังหวะอีกฝั่งจะได้ยินเสียงสนทนาไม่ชัด ต้องยกตัวควบคุมมาให้อยู่ใกล้ปากมากขึ้น ตรงนี้อาจแก้ได้โดยทำให้สายสั้นลงเล็กน้อยก็จะดีเลยครับ หรืออาจจะปรับสายได้ก็เจ๋ง

ในเรื่องการต่อหูฟังเข้ากับมือถือ iPad ตัวแจ็คแน่นหนาดีครับ ไม่หลวมไม่แน่นเกินไป ใส่ได้ง่ายและแข็งแรง การถอดก็ไม่ต้องออกแรงมาก ตรงนี้ทำได้ดีครับ
มาถึงเรื่องเสียงกันดีกว่า ผมลองใช้กับทั้ง LG G6 ซึ่งมีโหมด Quad Hi-Fi ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น และลองใน iPhone 7 Plus, iPad Pro พบว่าทั้งสามรุ่นให้เสียงที่เหมือนกันครับ โดยสำหรับเสียงหูฟังนั้นผมรู้สึกว่าจะออกไปในโทนเสียงนุ่ม ฟังสบาย เหมาะสำหรับการฟังเพลงสบายๆ Pop Jazz เพลงแนวฟังสบายๆ ที่ไม่ใช้เครื่องดนตรีที่หนักมาก หูฟังตัวนี้จะเหมาะมากครับ
สำหรับเสียงเบสผมมองว่าขับพลังเบสออกมาได้ปานกลาง เสียงเบสที่ออกมามีพลังอยู่บ้างแต่ไม่ได้โดดเด่น หากเป็นเพลงแนวฟังสบายๆ ผมว่าเพียงพอเพราะให้เบสที่พอได้และเสียงที่นุ่ม แต่หากเพลงร็อค หรือเพลงหนักๆ ที่ต้องมีเบสมากๆ ตัวนี้จะยังไม่ตอบโจทย์ครับ
ในเรื่องการเก็บรายละเอียดเสียง ตัวนี้ทำได้ดีในระดับปานกลางครับ ความดีของมันคือเสียงนุ่มทำให้ฟังสบาย แต่ทำให้ขาดรายละเอียดเครื่องดนตรีบางชิ้นไปบ้าง ซึ่งผมเองค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้เพราะชอบเก็บรายละเอียดเครื่องดนตรีในแต่ละเพลง ก็อาจจะขัดใจไปบ้าง เพลงที่เครื่องดนตรีเยอะๆ เช่นเพลง Hotel California (
https://www.youtube.com/watch?v=EqPtz5qN7HM) แนวนี้อาจจะเก็บได้ไม่หมด แต่หากเป็นเพลง Pop ทั่วไปที่เครื่องดนตรีไม่ได้หลากหลายมาก ตัวนี้สอบผ่านครับ
เพราะฉะนั้นโดยหูฟังนี้จะเหมาะกับเพลงฟังสบายๆ นุ่มๆ ที่ไม่หนักหน่วงแบบเพลงร็อค และรายละเอียดเครื่องดนตรีที่ไม่มากชิ้นจะทำได้ดีครับ ตัวนี้จะให้เสียงต่ำและเสียงกลางที่โอเคครับ น่าจะเหมาะกับเพลงฟังสบายๆ เพลง Pop หรือ Jazz นุ่มๆ โดยเฉพาะเสียงเปียโน อันนี้ชอบมากครับ ปกติผมมักฟังเพลง Jazz ช่วงระหว่างทำงานผ่านหูฟัง ตัวนี้ทำให้ผมทำงานได้อย่างมีความสุขดีครับ ฟังสบาย บางทีกลับบ้านไปอยากฟังเพลงก่อนนอนก็ได้หูฟังนี้แหละครับ ฟังเพลงสบายๆ ก่อนนอน ฝันดีเลยทีเดียว
ทีนี้หากไม่ใช่เพลง เป็นการฟังคลิปหรือข่าว ทีวีจากหูฟังตัวนี้ ก็ให้เสียงที่โอเคครับ สำหรับเสียงพูดจะออกไปในทางนุ่ม ซึ่งผมมองว่าฟังสบายดีครับ เสียงนุ่มฟังสบายดี ตรงนี้สอบผ่านครับ

มาถึงในส่วนการสนทนากันบ้างครับ ตัวนี้ก็จะคล้ายกับตอนฟังคลิปต่างๆ ก็ให้เสียงที่ชัดเจน ฟังสบายดี และเสียงสนทนาอันนี้ขอชมว่าเสียงดังดีมากครับ คือฟังชัดเจน คู่สนทนาก็ได้ยินเสียงเราชัดเจน แต่จะมีปัญหาบ้างเหมือนที่กล่าวไปตอนแรกว่าสายหูฟังยาวเกินไปนิดจนต้องยกตรงปุ่มควบคุมมาไว้ใกล้ปากให้ได้ยินเสียง เพราะสายยาวเกินไปจนตัวควบคุมไปอยู่ตรงอก เสียงสนทนาตรงนั้นอาจจะเบาไปบ้าง แต่หากอยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ได้ยินชัดเจนครับ เวลาสนทนานานๆ ผมมักหยิบหูฟังตัวนี้มาสนทนาเสมอเพราะสวมใส่สบาย ดีกว่าการถือโทรศัพท์นานๆ (งานของผม คุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงเป็นประจำ)
โดยส่วนตัวผมมองว่าหูฟังตัวนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ในการเล่นเกม ฟังเพลงสบายๆ และคุยสนทนา ซึ่งอาจไม่ได้เด่นเรื่องเสียงมากที่สุด แต่สิ่งที่ผมชอบโดยรวมคือดีไซน์ การสวมใส่ที่สบาย และเสียงที่นุ่มไพเราะ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับวัยทำงาน เลยวัยรุ่นมาหน่อยนึง และชอบฟังเพลงสบายๆ ผมว่าวัยทำงานนี่แหละตอบโจทย์ที่สุดแล้วครับ แถมยังราคาไม่ได้แพงมาก ตรงนี้แหละที่จะได้ใจมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายครับ
จากทั้งหมดนี้ ผมมองว่าตัวนี้ทำหน้าที่ได้ดีใช้ได้ครับ เก็บเสียงภายนอกได้ดี สนทนาก็โอเค ฟังเพลงนุ่มๆ สบายๆ ได้ดี อาจจะไม่เด่นเรื่องเสียงหนักหน่วงอย่างเพลงร็อค เพลงเครื่องดนตรีจัดอาจจะไม่ดีนัก เพราะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ แต่อย่างผมเองเป็นคอเพลงสบายๆ Jazz เพลง Pop อันนี้แจ๋วครับ
มาดูข้อดี ข้อสังเกตกันดีกว่าครับ
ข้อดี
- หาซื้อง่ายมากๆ ทั้งในเน็ต และตามห้างสรรพสินค้า
- ดีไซน์โดดเด่นมากๆ ดูเป็นหูฟังราคาแพง โดยเฉพาะตัวสาย
- สายไม่พันกันไม่ว่าจะเก็บหูฟังยังไง อันนี้ผมชอบมาก
- เก็บเสียงรบกวนภายนอกได้ดี
- เพลงนุ่มๆ จะเหมาะมาก ฟังสบายและให้เสียงที่ละมุนหู
- เสียงสนทนาชัดเจน
- การสวมใส่สบาย ไม่อึดอัดหูเลย แม้จะใส่เป็นระยะเวลานานๆ ก็ตาม
ข้อสังเกต
- ถ้าเป็นเพลงร็อค เครื่องดนตรีจัดอาจไม่เหมาะ เพราะจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ
- เสียงที่นุ่มอาจทำให้บางคนฟังไม่ชินหู
- วัสดุเป็นพลาสติก ต้องดูการใช้งานระยะยาว
ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้บ้างครับ ความจริงหูฟังมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ อยากให้ไปลองฟังครับ แต่ละหูฟังก็เหมาะกับแต่ละคนแต่ละสไตล์ สำหรับรุ่นนี้ก็เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงนุ่มๆ สบายๆ เผื่อจะเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจและลองดูครับ
[SR] มาลองเล่นหูฟัง IRON EA2 กันดีกว่า
ปัจจุบัน หูฟังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ใครๆ ก็นิยมฟังเพลงผ่านมือถือ หูฟังก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนนิยมเพราะมีราคาไม่แพง ให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีและไม่รบกวนใคร โดยเฉพาะบนรถไฟฟ้า รถเมล์ช่วงเช้าหรือเย็นที่ใครๆ ก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวทั้งนั้น ดังนั้นหูฟังปัจจุบันจึงขายดีและมีรุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับหูฟัง IRON EA2 ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีจุดดีและเด่นๆ อย่างไร
จริงๆ แล้วผมมักใช้หูฟังที่แถมมากับมือถือเสมอ เพราะสะดวกและหูฟังที่แถมมาส่วนใหญ่เสียงก็ไม่แย่ แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกเบื่อหูฟังเดิมๆ อาจจะเป็นเพราะว่าฟังเสียงมันทุกวัน ประกอบกับหูฟังใหม่ๆ ก็มีมากมายในท้องตลาด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเริ่มมองหาหูฟังใหม่ ซึ่งผมก็ได้ไปหาตามห้างสรรพสินค้า (ผมไม่ซื้อหูฟังทางเน็ตเพราะต้องการลองฟังเสียงก่อน) ก็เจอตัวนี้ IRON EA2 เอาจริงๆ ผมเห็นรุ่นนี้ขายในเน็ตเยอะ เพียงแต่อยากลองฟังเบื้องต้นก่อนในตอนนั้น ซึ่งผมชอบดีไซน์เพราะสายเป็นลายถัก ตรงหูฟังเป็นสีเงินดูสวยงาม คือเรื่องดีไซน์นี่สำหรับผมกินขาด อีกทั้งกล่องเป็นสีดำซึ่งสวย (ผมชอบสินค้าสีโทนเข้มๆ) ตรงนี้จึงสอบผ่านสำหรับผม จากนั้นผมขอพนักงานลองฟัง ซึ่งตอนแรกที่ฟัง ผมลองเปิดเพลงฟังสบายๆ ช้าๆ โอ้โหใช่เลยสำหรับผม เพราะให้เสียงที่นุ่มใช้ได้ ซึ่งจริงๆ ผมใช้หูฟังก็หลายรุ่นมักพบว่าเสียงจะไม่นุ่มเท่านี้ เพราะผมฟังเพลงอย่าง Carpenters, Bee Gees ซึ่งหูฟังตัวนี้เหมาะกับผมมากจริงๆ
ตัวนี้ผมได้มาอาทิตย์กว่าๆ เกือบ 2 อาทิตย์ ใช้งานทุกวันตอนไปทำงานช่วงเช้ากับเย็น จึงเห็นรายละเอียดพอสมควรและคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหาหูฟังสักตัวมาใช้ครับ ยังไงอยากให้ลองดูรีวิวของผมเผื่อเป็นอีกทางเลือกของหูฟังสำหรับคุณครับ
ในด้านการสวมใส่ ผมให้คะแนนด้านนี้ดีครับ คือใส่สบาย ตัวหูฟังเมื่อเข้าไปในหูแล้วรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด (บางรุ่นแน่นเกินจนอึดอัด) และตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีมาก ผมใส่หูฟังนั่งทำงานทั้งวันยังสบายหูเลยครับ แต่สิ่งที่อาจจะไม่ชินสำหรับผมเล็กน้อยคือสายหูฟังช่วงบน (ก่อนถึงปุ่มควบคุม) ยาวมากไปนิดจนทำให้ตัวควบคุมปุ่มอยู่ไกลปาก เพราะไมโครโฟนสำหรับการสนทนาอยู่ตรงนั้น ทำให้บางจังหวะอีกฝั่งจะได้ยินเสียงสนทนาไม่ชัด ต้องยกตัวควบคุมมาให้อยู่ใกล้ปากมากขึ้น ตรงนี้อาจแก้ได้โดยทำให้สายสั้นลงเล็กน้อยก็จะดีเลยครับ หรืออาจจะปรับสายได้ก็เจ๋ง
มาถึงเรื่องเสียงกันดีกว่า ผมลองใช้กับทั้ง LG G6 ซึ่งมีโหมด Quad Hi-Fi ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น และลองใน iPhone 7 Plus, iPad Pro พบว่าทั้งสามรุ่นให้เสียงที่เหมือนกันครับ โดยสำหรับเสียงหูฟังนั้นผมรู้สึกว่าจะออกไปในโทนเสียงนุ่ม ฟังสบาย เหมาะสำหรับการฟังเพลงสบายๆ Pop Jazz เพลงแนวฟังสบายๆ ที่ไม่ใช้เครื่องดนตรีที่หนักมาก หูฟังตัวนี้จะเหมาะมากครับ
สำหรับเสียงเบสผมมองว่าขับพลังเบสออกมาได้ปานกลาง เสียงเบสที่ออกมามีพลังอยู่บ้างแต่ไม่ได้โดดเด่น หากเป็นเพลงแนวฟังสบายๆ ผมว่าเพียงพอเพราะให้เบสที่พอได้และเสียงที่นุ่ม แต่หากเพลงร็อค หรือเพลงหนักๆ ที่ต้องมีเบสมากๆ ตัวนี้จะยังไม่ตอบโจทย์ครับ
ในเรื่องการเก็บรายละเอียดเสียง ตัวนี้ทำได้ดีในระดับปานกลางครับ ความดีของมันคือเสียงนุ่มทำให้ฟังสบาย แต่ทำให้ขาดรายละเอียดเครื่องดนตรีบางชิ้นไปบ้าง ซึ่งผมเองค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้เพราะชอบเก็บรายละเอียดเครื่องดนตรีในแต่ละเพลง ก็อาจจะขัดใจไปบ้าง เพลงที่เครื่องดนตรีเยอะๆ เช่นเพลง Hotel California (https://www.youtube.com/watch?v=EqPtz5qN7HM) แนวนี้อาจจะเก็บได้ไม่หมด แต่หากเป็นเพลง Pop ทั่วไปที่เครื่องดนตรีไม่ได้หลากหลายมาก ตัวนี้สอบผ่านครับ
เพราะฉะนั้นโดยหูฟังนี้จะเหมาะกับเพลงฟังสบายๆ นุ่มๆ ที่ไม่หนักหน่วงแบบเพลงร็อค และรายละเอียดเครื่องดนตรีที่ไม่มากชิ้นจะทำได้ดีครับ ตัวนี้จะให้เสียงต่ำและเสียงกลางที่โอเคครับ น่าจะเหมาะกับเพลงฟังสบายๆ เพลง Pop หรือ Jazz นุ่มๆ โดยเฉพาะเสียงเปียโน อันนี้ชอบมากครับ ปกติผมมักฟังเพลง Jazz ช่วงระหว่างทำงานผ่านหูฟัง ตัวนี้ทำให้ผมทำงานได้อย่างมีความสุขดีครับ ฟังสบาย บางทีกลับบ้านไปอยากฟังเพลงก่อนนอนก็ได้หูฟังนี้แหละครับ ฟังเพลงสบายๆ ก่อนนอน ฝันดีเลยทีเดียว
ทีนี้หากไม่ใช่เพลง เป็นการฟังคลิปหรือข่าว ทีวีจากหูฟังตัวนี้ ก็ให้เสียงที่โอเคครับ สำหรับเสียงพูดจะออกไปในทางนุ่ม ซึ่งผมมองว่าฟังสบายดีครับ เสียงนุ่มฟังสบายดี ตรงนี้สอบผ่านครับ
โดยส่วนตัวผมมองว่าหูฟังตัวนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ในการเล่นเกม ฟังเพลงสบายๆ และคุยสนทนา ซึ่งอาจไม่ได้เด่นเรื่องเสียงมากที่สุด แต่สิ่งที่ผมชอบโดยรวมคือดีไซน์ การสวมใส่ที่สบาย และเสียงที่นุ่มไพเราะ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับวัยทำงาน เลยวัยรุ่นมาหน่อยนึง และชอบฟังเพลงสบายๆ ผมว่าวัยทำงานนี่แหละตอบโจทย์ที่สุดแล้วครับ แถมยังราคาไม่ได้แพงมาก ตรงนี้แหละที่จะได้ใจมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายครับ
จากทั้งหมดนี้ ผมมองว่าตัวนี้ทำหน้าที่ได้ดีใช้ได้ครับ เก็บเสียงภายนอกได้ดี สนทนาก็โอเค ฟังเพลงนุ่มๆ สบายๆ ได้ดี อาจจะไม่เด่นเรื่องเสียงหนักหน่วงอย่างเพลงร็อค เพลงเครื่องดนตรีจัดอาจจะไม่ดีนัก เพราะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ แต่อย่างผมเองเป็นคอเพลงสบายๆ Jazz เพลง Pop อันนี้แจ๋วครับ
มาดูข้อดี ข้อสังเกตกันดีกว่าครับ
ข้อดี
- หาซื้อง่ายมากๆ ทั้งในเน็ต และตามห้างสรรพสินค้า
- ดีไซน์โดดเด่นมากๆ ดูเป็นหูฟังราคาแพง โดยเฉพาะตัวสาย
- สายไม่พันกันไม่ว่าจะเก็บหูฟังยังไง อันนี้ผมชอบมาก
- เก็บเสียงรบกวนภายนอกได้ดี
- เพลงนุ่มๆ จะเหมาะมาก ฟังสบายและให้เสียงที่ละมุนหู
- เสียงสนทนาชัดเจน
- การสวมใส่สบาย ไม่อึดอัดหูเลย แม้จะใส่เป็นระยะเวลานานๆ ก็ตาม
ข้อสังเกต
- ถ้าเป็นเพลงร็อค เครื่องดนตรีจัดอาจไม่เหมาะ เพราะจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ
- เสียงที่นุ่มอาจทำให้บางคนฟังไม่ชินหู
- วัสดุเป็นพลาสติก ต้องดูการใช้งานระยะยาว
ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้บ้างครับ ความจริงหูฟังมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ อยากให้ไปลองฟังครับ แต่ละหูฟังก็เหมาะกับแต่ละคนแต่ละสไตล์ สำหรับรุ่นนี้ก็เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงนุ่มๆ สบายๆ เผื่อจะเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจและลองดูครับ