เครียด!!! จนจินตนาการการตายของตัวเอง

ขอเกริ่นนำก่อนนะคะว่า สาเหตุที่เราตั้งกระตู้นี้ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการที่เรียกร้องความสนใจใดๆทั้งสิ้นค่ะ เราแค่ต้องการระบายความในใจ  
ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ ออกมาเท่านั้นเองค่ะ....
.
เรารู้สึกว่าเราจมอยู่กับความเครียดมานานมากๆค่ะ ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาตกงาน เพราะออกจากงานเก่าที่ทำมา3ปี สาเหตุที่ลาออก เพราะเราอยากเรียนต่อค่ะ
เนื่องจากงานที่เราทำมา3ปี ไม่มีช่องว่างให้เราได้เรียนต่อเลย สาเหตุที่เราเรียนไม่จบ ไม่ใช่เพราะเกเรนะคะ เนื่องจากปัญหาการเงินทางบ้านตอนนั้น ทำให้เราต้องดิ้นรนออกมาทำงานตั้งแต่อายุ15 ที่เราคิดไว้คือ อยากทำงานไปด้วย ส่งตัวเองเรียนไปด้วยค่ะ
แต่หลังจากที่เราออกจากงานมา งานที่เราจะไปเริ่มเค้ากลับแจ้งว่ารับคนอื่นไปแล้ว ตอนนั้นเคว้งมากค่ะ แถมเครียดนิดๆ คิดว่าต้องรีบหาที่ใหม่ให้ได้เร็วที่สุด
แล้วโชคก็เข้าข้างเราค่ะ มีบริษัทหนึ่งติดต่อนัดเราไปสัมภาษณ์ค่ะ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเป็นที่แรกที่เราจะเริ่มงานใหม่ที่ไม่เคยทำด้านนี้มาก่อน
เราลืมบอก...สายงานที่เราอยากมาเริ่มต้นคือ ธุระการค่ะ มีเพื่อนๆเราหลายคนแนะนำเรา ให้เริ่มจากสายนี้ เพื่อให้เราหาเวลาเรียนต่อ จากวันหยุดไม่เสาร์ก็อาทิตย์
ตอนนั้นทุกอย่างโอเคค่ะ งานทุกอย่างที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยทำ พี่เค้าสอนหมดค่ะ ตอนนั้นจำได้เลย ว่าพี่เค้าสอนอะไร จดหมด จำหมด ไม่ว่าจะใช้ในสายงานนี้หรือไม่ รู้แค่ว่าเราต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด
แต่แล้วความโชคร้ายเริ่มมาเยือนค่ะ งานที่เราไปทำไกลบ้านพอสมควรค่ะ แต่เราขี่รถจักรยานยนต์ไปค่ะ เพราะเราต้องใฃ้รถ เพื่อวิ่งไปที่ต่างๆ ในงานที่ทำด้วย ไปส่งของไปรษณีย์ ไปรับเช็คใกล้ๆ คือเราขี่ไปหมด มีวันนึง เราขี่รถมาทำงานปกติตอนเช้า มีคุณลุงวินรับจ้าง ขับตัดหน้าเรา ตอนนั้นแย่มากๆค่ะ แขนขวาเราเข้าเฝือก ทำอะไรไม่ได้เลย แถมเรื่องค่าเสียหายลุงวินแกรับปฃผิดชอบเราได้แค่ 1,200บาท บแกเราว่าลุงมีแค่นี้ ไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ ตอนนั้นทำก็ทำอะไรไม่ได้ สงสารตัวเองก็สงสาร สงสารลุงวินก็สงสาร แต่ดีตรงที่บริษัทที่เราทำ เค้าทำประกันอุบัติเหตุไว้ให้ค่ะ ทำให้เราไม่ต้องเสียค่ารักษาอะไร
แต่ตรงพักฟื้นนี่สิคะ ตอนนั้น1เดือนครึ่งผ่านไปเรายังไม่ดีขึ้น ที่ทำงานเราเค้าก็ขอคุยตรงๆ ว่าถ้านาขนาดนี้เค้าคงรอไม่ได้ เราก็เข้าใจค่ะ เลยตัดสินใจลาออก จำได้เลยว่าตอนนั้นนานมากๆค่ะ กว่าแขนเราจะกลับมาใช้งานได้ เป็นช่วงเวลาที่ทรมานสุดๆ จนแขนแขนเราหายเราจึงเริ่มหางานใหม่
แต่ครั้งนี้มันไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้วค่ะ เราตะเวน ตะลอนๆหางาน อยู่3เดือน ตอนนั้นคือเป็นจุดที่ความเครียดเริ่มสะสมขึ้นเรื่อยๆ
เราเหมือนคนเป็นบ้า กลางคืนนอนไม่หลับ เหมือนคนไร้ชีวิตชีวา ไม่คุยกับใคร ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน เพราะเราคิดเราเครียดอยู่ในหัว ไหนจะแม่ ไหนจะภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา แฟนเราแบกรับภาระไว้คนเดียว มันเครียด มันคิดมากไปหมด กลัวเค้าเหนื่อย กลัวเค้าทนไม่ไหว เป็นอะไรที่ ที่สุดในชีวิตจริงๆที่รู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังแบบนั้น  

และอันนี้คือในส่วนของความเครียด ที่เรารู้สึกว่า ถึงขีดจำกัดของเราแล้วจริงๆคือ เมื่อประมาณปลายๆเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เราสมัครงานไว้ในเว็บสมัครงานไว้ที่นึง มีบริษัทนึงโทรติดต่อเรามาค่ะ ให้เราไปสัมภาษณ์ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยบัญชี" เราก็ตงลงนัดสัมภาษณ์เค้าไป แต่ในวันที่พี่เค้านัดเรา เราก็ไปสัมภาษณ์อีกที่นึงด้วยช่วงเช้า เป็นตำแหน่ง "ธุระการ" ค่ะ เป็นบริษัทอยู่ใกล้บ้าน แต่เราไปสัมภาษณ์เค้าก็บอกแค่ว่า อย่าเพิ้งตอบรับใครนะ เดี๊ยวพี่รีบตอบกลับ ขอปรึกษาแฟนพี่ อารมณ์แบบธุระกิจครอบครัวค่ะ ในความรู้สึกคือ 90%คือพี่เเค้ารับเราแน่ๆ เราเลยตัดสินใจ ส่งEmail ไปแจ้งอีกบริษัทนึง ว่า เราขอยกเลิกนัดสัมภาษณ์ เพราะเราได้งานทำแล้ว    แต่สุดท้ายพี่ที่นัดเราไป สัมภาษณ์ในตำแหน่ง "ผู้ช้วยบัญชี" ที่เราขอยกเลิกนัดไป โทรกลับมาหาเราค่ะ
ถามว่าได้งานแล้วหรอ ไม่ลองเข้ามาคุยกับพี่หน่อยหรอ เค้าให้เท่าไหร่ พี่ให้มากกว่า 3,xxx เลยนะ เค้าทำงานวันไหนถึงวันไหน พี่หยุดเสาร์เว้นเสาร์นะ ไม่ต้องกลัวพี่สอนงานให้หมด บลาๆๆ เราเลยตัดสินใจลองไปสัมภาษณ์ดูค่ะ ต้องบอกก่อนนะว่า ที่เรามาเพราะเราเกรงใจพี่เค้า อุตส่าโทรมาตามเรา เราลองเข้าไปคุยดู แล้วพอสัมภาษณ์เสร็จ เราไปสัมภาษณ์วันเสาร์ พี่เค้าให้เราเริ่มงานวันจันทร์เลย แต่ที่แรก วันอาทิตย์ตอนเย็นยังไม่ติดต่อมาเลย เราเลยเลือกที่จะไปทำที่ที่สองค่ะ
ที่ที่สอง ที่เราลังเลตอนแรกคือ ไกลบ้านค่ะ ถ้าเราไปทำ เราต้องขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานทุกวัน แล้วเรากังวลค่ะ เพราะตั้งแต่รถชน เวลาเราขี่รถ เราจะพวง และผวาตลอด และอย่างถัดมาคือ เรากลัวเพราะเราไม่เคยทำหรือเรียนบัญชีมา จะทำได้ไหม แต่พี่เค้าบอกเราว่า มีคนสอนงานให้...หรอ!!
.
.
พอเรามาทำจริงๆ ผลสรุปคือ พี่คนที่จะออก จะส่งต่องานให้เรา ในระยะเวลา 5วัน เพราะพี่เค้าลาออกแล้ว ทำงานอีก5วัน ในระยะเวลา5วัน เค้าพยายามยัดทุกอย่างตลอดเวลา3ปีที่เค้าทำจนชิน มาให้เรา ที่ไม่เคยสัมผัสกับงานด้านบัญชีมาก่อนเลย สมุด1เล่ม เกือบหมดค่ะ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง จดไปงงไปบ้าง
เพราะพี่เค้าสอนเรา ไม่ใช่ที่ละอย่างนะคะ งานไหนมาอ่ะสอน อันนี้ยังไม่ทันจบ งานอื่นมา อ่ะสอน จดสิๆ บลาๆ พี่หัวหน้าก็บอกเรา ไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆฝึกไป เราก็ฮึดเอาวะ ถ้าทำได้ คือจะเป็นความรู้ติดตัวเรา แต่.....หลังจากพี่เค้าลาออกไป พี่หัวหน้าก็งานยุ่ง เราถามอะไร พี่ยุ่ง ไม่มีเวลา ให้เราทำอะไร เราไม่แน่ใจ พอถาม ก็บอกแต่ว่า อ้าว พี่เค้าไม่ได้สอนหรอ ลืมหรอ จำไม่ได้หรอ นี่แค่10เปอร์เซ็นเองนะที่พี่ให้ทำ ระยะหลังมานี้ เราโดนดุตลอด ทำไมช้าจัง งานพี่ดีเลนะ คือนับรวมๆจากปลายเดือนที่แล้ว เรายังทำงานไม่ถึง1เดือนเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เราเป็นตกนรกทั้งเป็น เครียดมากค่ะ พักกลางวันนั่งเหม่อเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก งานโดนกดดันว่าเครียดแล้ว ที่เครียดไปอีกคือ เราทำงานมาได้ซักพัก เราก็ไม่มีเงินค่ะ เพราะด้วยที่เราตกงานมาหลายเดือน แฟนก็พลอยอดไปด้วย เพราะรับค่าใฃ้จ่ายคนเดียวไม่ไหว บางวันเราไม่มีเงิน เราก็ต้องไปหาที่นั่งแอบ ให้หมดเวลาพัก ค่อยกลับเข้างาน บางวันหาเงินไม่ได้จริงๆ เราถึงขั้นต้องขอลางาน เพราะไม่มีเงิน ไม่มีน้ำมันรถไปทำงาน เราก็บอกพี่เค้าไปตรงๆนะคะ ว่าเราไม่มีเงินไปทำงานค่ะ เค้าไม่พูดอะไร แล้วก็วางสายเรา
พอวันต่อมา เราก็หาเงินมาทำงานปกติ เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรนะคะ แต่นิ่งใส่เรา เรารู้สึกกดดันมากๆค่ะ ทำงานไม่มีความสุขเลย วันๆจมอยู่กับความเครียด กลับบ้านมาก็ต้องดิ้นรน หาเงินเพื่อที่จะให้เราผ่านพ้นไป พรุ้งนี้เรายังเครียดอยู่เลยค่ะ เพราะพรุ้งนี้เราก็ไม่มีทั้งเงิน ทั้งน้ำมันรถไปทำงาน เพราะเงินที่หยิบยืมมาได้ หมดไปแล้ว  หาหนทางที่ไหนไม่ได้เลยค่ะ วันนี้เรานั่งคิดทั้งวัน ว่าจะทำไงดี เรื่องแฃปัญหาชีวิตบวกกับงานอีก วันนี้เรานั่งเหม่อ.....
...แล้วจินตนาการตัวเองตาย... คุณคิดว่าเราอยู่ในจุดไหนคะ เราเหนื่อยมากๆ ท้อมากๆ ทุกๆอย่างดูแย่ไปหมด เรารู้สึกสมเพชชีวิตตัวเองมากๆค่ะ  มันจุกจนพูดไม่ออก ร้องจนไม่มีน้ำตา เราควรทำยังไงต่อไปดี..................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่