สวัสดีครับ กระทู้นี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์จริงในชีวิตสมัยมัธยมต้น
คือผมเป็นคนเรียนไม่เก่งเลยครับ เป็นคนที่เรียนโง่มากด้วยซ้ำโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ทุกครั้งที่สอบรายจุด ผมจะเป็นคนเดียวในห้องที่ต้องไปแก้เพราะสอบตกทุกครั้ง ทั้งชีวิตเคยได้เกรด 4 วิชาคณิตแค่ตอน ม.1 เข้าเรื่องต่อครับ
สอบกลางภาค ปลายภาค รายจุด ข้อกา ข้อเขียน ผมตกหมดครับ นั่นคือความโชคร้ายที่ผมเจอ ไม่ใช่ว่าผมไม่ศึกษาค้นคว้าหรือไม่ตั้งใจเรียน ผมตั้งใจเรียนมากโดยเฉพาะวิชานี้ แต่สิ่งที่ผมได้ก็คือ ยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้ มันเป็นความโชคร้ายในชีวิตครับ ทรมานเหมือนกันนะที่คนอื่นสอบผ่านหมดแต่ตัวเองสอบตก แต่ผมคิดว่าในช่วง ม.ต้น สิ่งที่ผมโชคดีมากที่สุดก็คือ ผมมีเพื่อนครับ มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่สนิทกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อนเหล่านั้นเป็นคนพาผมไปสอบแก้ทุกครั้งที่ผมตก เป็นคนไปนั่งรอผมอยู่หน้าห้องหมวด เป็นคนช่วยผมคิดแก้โจทย์ที่ครูให้มา นั่นดีมากแล้วครับที่ผมมี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไม่อยากรบกวนเพื่อน ตัดสินใจไปแก้คนเดียว ขอครูไปทำที่บ้านแต่ครูให้ทำในห้องเลย ผมก็เลยจนปัญญา นั่งคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก ทำไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นคือ กลั้นเอาไว้นะ อย่าไหลนะ ถ้าน้ำตาไหลต่อหน้าครูจะเป็นอะไรที่เฟลมาก จนในที่สุดครูพาผมแก้โจทย์จนเสร็จ ผมขอบคุณครูแล้วรีบวิ่งลงมา มองหาห้องน้ำแล้วเข้าไป ขังตัวเองอยู่ในนั้นเลยครับ ตอนนั้นคือร้องไห้หนักมาก น้ำตาไหลแบบสุด ๆ เรื่องนี้เพื่อนผมไม่เคยรู้ครับ ก็ยืนร้องไห้ในห้องน้ำจนคนกลับบ้านเกือบหมดถึงออกมา ความรู้สึกคือ อยากเลิกเรียน เพราะยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ แล้วก็เดินออกจากโรงเรียนแบบตาแดง ๆ เลย
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งครับที่ทำให้ผมแทบน้ำตาไหล วันที่สอบเสร็จหมดแล้ว แต่ครูเรียกผมไปพบเพราะคะแนนเก็บผมน้อยมาก ครูเลยให้ผมทำข้อสอบใหม่ กลุ่มเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายก็ไม่เคยทิ้งผมครับ จนกระทั่งผมทำจนเสร็จและไปส่งครูในตอนบ่าย คิวยาวมาก คนต่อแถวรอส่งงานเกือบยี่สิบคน ผมเลยต้องนั่งรอนานเกือบครึ่ง ชม. สักพักครูก็ถามว่า นักเรียนห้องสองมานั่งทำอะไรตรงนั้น จะไปไหนกันคะ ผมเลยรีบหันไปดู เพื่อนผู้หญิงผู้ชายนั่งรอผมหน้าห้องหมวดสิบกว่าคน พวกเขาบอกครูว่ามานั่งรอเพื่อน แล้วก็ชี้มาที่ผม ครูเขาก็เลยตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนเรียนโง่อยากผมจะมีเพื่อนคบ ครูก็เลยตัดสินใจให้ผมลัดแถวส่งงานก่อน จนส่งเสร็จก็เดินออกมา น้ำตาแทบไหล ในใจคือกรีดร้องอยากบอกว่า ขอบคุณพวกแกมาก ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน นั่นทำให้ผมรู้ว่า ความโชคร้ายของผมคือ ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งศึกษายิ่งไม่รู้ ยิ่งตั้งใจยิ่งไม่เข้าใจ แต่ในความโชคร้ายกลับแฝงความโชคดีไว้นั่นคือ "ผมมีเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งผม" อยากจะบอกผ่านทุกคนตรงนี้ว่า อย่าท้อแท้กับอะไรนะ ถึงแม้เราเก่ง เราฉลาด เรารวย แต่ถ้าเราขาดสิ่งที่เรียกว่า 'เพื่อน' ไป เราอาจจะกลายเป็นคนที่โชคร้ายไปเลย เพราะเพื่อน คืออีกกำลัง ที่ทำให้เราสามารถยิ้มได้ และอยู่ข้างเราในทุกยามที่เราสุขและยามที่เราทุกข์ ถ้ามีเพื่อนที่ดีแล้ว ขอแค่ไม่ทิ้งกัน แค่นั้นพอครับ...
อ้อ ตอนนี้ผมพ้นสภาพการเป็นนักเรียนแล้วนะครับ ผมได้เข้าศึกษาในมหา'ลัย ที่ผมชอบ และได้ศึกษาในคณะสาขาที่รัก อีกสิ่งที่ทำให้ผมไม่ท้อ นั่นคือการที่ผมมีจุดมุ่งหมายในชีวิต จุดมุ่งหมายนั่นแหละ ที่ตรึงผมไว้ให้ผมสู้ จนกระทั่งเรียนจบ ได้เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ในคณะที่รัก
สุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่า อย่าท้อนะครับ ในเรื่องร้าย มันย่อมแฝงเรื่องดีไว้เสมอ
ปล.ถ้าเขียนตกคำไหน ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ปัญหาแบบนี้ในวัยเรียน มันทำให้ท้อ และอยากเลิกเรียนไปเลย แต่มันยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมผ่านช่วงเลวร้ายมาได้...
คือผมเป็นคนเรียนไม่เก่งเลยครับ เป็นคนที่เรียนโง่มากด้วยซ้ำโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ทุกครั้งที่สอบรายจุด ผมจะเป็นคนเดียวในห้องที่ต้องไปแก้เพราะสอบตกทุกครั้ง ทั้งชีวิตเคยได้เกรด 4 วิชาคณิตแค่ตอน ม.1 เข้าเรื่องต่อครับ
สอบกลางภาค ปลายภาค รายจุด ข้อกา ข้อเขียน ผมตกหมดครับ นั่นคือความโชคร้ายที่ผมเจอ ไม่ใช่ว่าผมไม่ศึกษาค้นคว้าหรือไม่ตั้งใจเรียน ผมตั้งใจเรียนมากโดยเฉพาะวิชานี้ แต่สิ่งที่ผมได้ก็คือ ยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้ มันเป็นความโชคร้ายในชีวิตครับ ทรมานเหมือนกันนะที่คนอื่นสอบผ่านหมดแต่ตัวเองสอบตก แต่ผมคิดว่าในช่วง ม.ต้น สิ่งที่ผมโชคดีมากที่สุดก็คือ ผมมีเพื่อนครับ มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่สนิทกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อนเหล่านั้นเป็นคนพาผมไปสอบแก้ทุกครั้งที่ผมตก เป็นคนไปนั่งรอผมอยู่หน้าห้องหมวด เป็นคนช่วยผมคิดแก้โจทย์ที่ครูให้มา นั่นดีมากแล้วครับที่ผมมี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไม่อยากรบกวนเพื่อน ตัดสินใจไปแก้คนเดียว ขอครูไปทำที่บ้านแต่ครูให้ทำในห้องเลย ผมก็เลยจนปัญญา นั่งคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก ทำไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นคือ กลั้นเอาไว้นะ อย่าไหลนะ ถ้าน้ำตาไหลต่อหน้าครูจะเป็นอะไรที่เฟลมาก จนในที่สุดครูพาผมแก้โจทย์จนเสร็จ ผมขอบคุณครูแล้วรีบวิ่งลงมา มองหาห้องน้ำแล้วเข้าไป ขังตัวเองอยู่ในนั้นเลยครับ ตอนนั้นคือร้องไห้หนักมาก น้ำตาไหลแบบสุด ๆ เรื่องนี้เพื่อนผมไม่เคยรู้ครับ ก็ยืนร้องไห้ในห้องน้ำจนคนกลับบ้านเกือบหมดถึงออกมา ความรู้สึกคือ อยากเลิกเรียน เพราะยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ แล้วก็เดินออกจากโรงเรียนแบบตาแดง ๆ เลย
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งครับที่ทำให้ผมแทบน้ำตาไหล วันที่สอบเสร็จหมดแล้ว แต่ครูเรียกผมไปพบเพราะคะแนนเก็บผมน้อยมาก ครูเลยให้ผมทำข้อสอบใหม่ กลุ่มเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายก็ไม่เคยทิ้งผมครับ จนกระทั่งผมทำจนเสร็จและไปส่งครูในตอนบ่าย คิวยาวมาก คนต่อแถวรอส่งงานเกือบยี่สิบคน ผมเลยต้องนั่งรอนานเกือบครึ่ง ชม. สักพักครูก็ถามว่า นักเรียนห้องสองมานั่งทำอะไรตรงนั้น จะไปไหนกันคะ ผมเลยรีบหันไปดู เพื่อนผู้หญิงผู้ชายนั่งรอผมหน้าห้องหมวดสิบกว่าคน พวกเขาบอกครูว่ามานั่งรอเพื่อน แล้วก็ชี้มาที่ผม ครูเขาก็เลยตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนเรียนโง่อยากผมจะมีเพื่อนคบ ครูก็เลยตัดสินใจให้ผมลัดแถวส่งงานก่อน จนส่งเสร็จก็เดินออกมา น้ำตาแทบไหล ในใจคือกรีดร้องอยากบอกว่า ขอบคุณพวกแกมาก ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน นั่นทำให้ผมรู้ว่า ความโชคร้ายของผมคือ ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งศึกษายิ่งไม่รู้ ยิ่งตั้งใจยิ่งไม่เข้าใจ แต่ในความโชคร้ายกลับแฝงความโชคดีไว้นั่นคือ "ผมมีเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งผม" อยากจะบอกผ่านทุกคนตรงนี้ว่า อย่าท้อแท้กับอะไรนะ ถึงแม้เราเก่ง เราฉลาด เรารวย แต่ถ้าเราขาดสิ่งที่เรียกว่า 'เพื่อน' ไป เราอาจจะกลายเป็นคนที่โชคร้ายไปเลย เพราะเพื่อน คืออีกกำลัง ที่ทำให้เราสามารถยิ้มได้ และอยู่ข้างเราในทุกยามที่เราสุขและยามที่เราทุกข์ ถ้ามีเพื่อนที่ดีแล้ว ขอแค่ไม่ทิ้งกัน แค่นั้นพอครับ...
อ้อ ตอนนี้ผมพ้นสภาพการเป็นนักเรียนแล้วนะครับ ผมได้เข้าศึกษาในมหา'ลัย ที่ผมชอบ และได้ศึกษาในคณะสาขาที่รัก อีกสิ่งที่ทำให้ผมไม่ท้อ นั่นคือการที่ผมมีจุดมุ่งหมายในชีวิต จุดมุ่งหมายนั่นแหละ ที่ตรึงผมไว้ให้ผมสู้ จนกระทั่งเรียนจบ ได้เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ในคณะที่รัก
สุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่า อย่าท้อนะครับ ในเรื่องร้าย มันย่อมแฝงเรื่องดีไว้เสมอ
ปล.ถ้าเขียนตกคำไหน ขออภัยไว้ด้วยนะครับ