สวัสดีชาวร็อค (ยืม User คนอื่นมาตั้งนะ)
มีประสบการแปลกๆ กับคนรอบข้างในที่เรียน จะเล่าความเป็นมาตั้งแต่ต้นนะ ตอนนี้เราอายุ 26 ย่าง 27 ปี
เราเป็นคนขี้เกียจเรียนมาก ตั้งแต่ ม.ต้น แล้ว แต่เราชอบทำกิจกรรม ชอบอาสา เป็นเด็กกิจกรรมมากกว่า เวลาโรงเรียนมีงานอะไรก็แล้วแต่ เราจะเป็นคนแรกๆที่ครูเรียกไปถามเลย ว่าจะลงไหม ก็โอเคลง เราชอบอะ จะรออะไร จะได้ไม่ต้องเรียนๆจดๆ
พอจบม.ต้น เราก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะมีปัญหากับที่บ้าน หมายถึง ที่บ้านมีปัญหาเรื่องการเงินนั่นแหละ เราต้องออกมาช่วย ที่บ้านทำงาน คือขายของที่ตลาดสดแล้วให้น้องเรียนแทน พออายุ 18 - 19 ปี ก็ไปสมัครงานร้านป้าย เป็นพนักงานทั่วไป ก็เรียนรู้งานไปเรื่อยๆ พอถึงวันนึง เห็นพี่ๆพนักงาน graphic desing ออกแบบงาน เราก็เออ ไหนลองไปดูดิ ปกติเราก็ชอบเล่นคอมอยู่แล้ว ก็โอเค ลองมาหัดทำ ดูโปรแกรม ไปซื้อหนังสือ มาเรียนรู้พื้นฐาน แล้วลองขอพี่ๆเขาทำงานจริง เวลาว่างๆก็จะมาลองทำ ทำไปสักพัก ก็ได้ว่ะ ก็ขอทาง ผจก ลองเปลี่ยนตำแหน่ง ผจก ก็บอกว่าลองออกแบบงานให้เขาดูถ้าผ่านก็ให้ทำ สรุปก็ผ่าน เขาก็ให้โอกาส ตอนนั้นไม่สนใจเรื่องเงินเดือนนะ เพราะมันก็ไม่ได้น้อยหรือมากไปกว่าคนอื่น เราอยู่ได้ ก็ทำๆไป และไปเรียนรู้งานอื่นๆ งานผลิตด้วย คุยกับลูกค้าด้วย จนถึงปีที่4 ที่ทำงานอยู่ เราก็พอมีลูกค้าที่สนิทๆ เขาก็เริ่มติดต่องานฟรีแลนซ์ให้ เราก็รับจ๊อปบ้าง หาลูกค้าเองบ้าง ทำแบบนี้อยู่ประจำ
คนที่ทำงานสายสื่อสิ่งพิมพ์จะเข้าใจงานตรงนี้ดี ว่าโอกาสที่จะเจอคน ค่อนข้างเยอะ รายได้ดีเลยแหละ ลูกค้าบางคนไม่เชื่อว่าผมอายุ 23-24
จุดเปลี่ยน.......บริษัทปิด !!! เหตุผลที่ปิดตัวลง เพราะเกิดปัญหาภายใน
เราก็ไม่รุ้จะทำยังไง ก็ทำงานฟรีแลนซ์ของเราต่อไปสักพักนึง เก็บเงินได้ก้อนนึง เราก็เปิดร้านเล็กๆของเรา ทำไปได้สักพักนึง ก็ไปเจอบริษัทหนึ่งที่เขารับส่ง งานป้ายเป็นล็อต ทำตัวหนังสือโลหะ ขนาดต่างๆ ขายตามห้างร้านทั่วประเทศ บอกเลยว่าจุดนี้แหละผลิกชีวิตไปเลย ร้านเราตัดราคาได้ รับงานชุดแรกมา จากกำไรที่ได้มาเราพอตั้งตัวได้เลย เราขยายร้าน จ้างคนเพิ่ม งานก็เข้ามาเรื่อยๆ ทุกอย่างค่อนข้างโอเค มีปัญหาบ้างไรบ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร
จนถึงเดือนสิงหาปีที่แล้ว เราก็เกิดความคิดอะไรก็ไม่รุ้ เราคิดว่าเออตอนนี้ร้านที่เราสร้างมา มันก็มั่นคงแล้วนะ มันก็เป็นความภูมิใจของเราอ่ะ เราสามารถทำมาได้จนถึงตอนนี้ เราสามารถเลี้ยงดูครอบครัวเราได้ คนที่เป็นลูกคนโตหรือพี่ใหญ่จะเข้าใจว่ามันภูมิใจมากๆนะ แต่อีกสิ่งนึงที่เราคิดคือ เออ อยากเรียนต่อ จบแค่ ป.ตรีก็พอ ก็เลยไปสมัครเรียน กศน ม.ปลาย แล้วจะเรียน พรีดีกรีรามคู่ไปด้วย ก็เลยไปสมัครเรียนช่วงเดือนตุลา ช่วงแรกก็ไปเรียนปกติ เริ่มรู้จักคนเยอะขึ้นๆ มันก็เป็นสังคมๆหนึ่ง เราก็โอเค สนุกดี ช่วงหลังๆ ช่วงปีใหม่นี่แหละ มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาถาม
เห้ยนาย นายทำงานอะไรอะ
เราก็ไม่อยากพูดไรมาก ก็เลยบอกว่าช่วยงานที่บ้านอะ
เขาก็พูดกลับมาว่า เหรอ ขับ BMW เลยเนี่ยนะ บ้านคงรวยดิ
เราก็สตั้น.....เอิ่มมมมม จะให้ตอบไงละ
คือเวลาไปเรียนอะ มีคนถามหลายคนนะ ว่าเราทำงานอะไร บ้านอยู่ไหน ที่บ้านทำอะไร นายมีเงินแล้วนายจะมาเรียนให้เหนื่อยทำไม เอิ่ม........
คือตรงนี้มันก็แค่ปัจจัยภายนอกอะ จะมาสนใจกันทำไม จะมาสนใจทำไม ว่าเราทำงานอะไร มีรถอะไร ใช้มือถือรุ่นอะไร เรามาเรียนอยากจะประสบความสำเร็จอีกด้านหนึ่งที่เราเคยทิ้งไป เราช่วงนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อบวกกับความขี้เกียจ พอถึงตอนนี้เราโตขึ้นเราก็อยากจะทำอะไรที่เราไม่ได้ทำถึงจะไม่ชอบ ก็อยากจะชนะใจตัวเองและมีปริญญามาให้ครอบครัวภูมิใจบ้าง เป็นแรงผลักดันให้น้องๆ
ตอนนี้ผมไม่ได้รวยอะไรมากมาย ผมไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ ผมแค่ต้องการหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวแค่นั้น ผมไม่อยากให้ที่บ้านลำบาก ไม่อยากให้แม่ทำงาน (แต่แม่ก็ทำ) ไม่อยากให้น้องๆ มองปากคนอื่นกินของอร่อยๆ พาครอบครัวไปเที่ยวที่ดีๆ แค่นั้นเอง
คนเราพอถึงจุดๆหนึ่งก็อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้ถึงเป้าหมายตัวเอง
คนที่กำลังท้อในการเรียน ผมอยากจะบอกว่า สู้ๆครับ โอกาสของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน อย่ารอโอกาส วิ่งหามัน แล้วทำมันให้สุด จะดีเท่าที่คิดไหม อย่าไปสนใจ แค่เราลองได้ทำก็ชนะใจเราไปขั้นหนึ่งแล้ว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ คงไม่มีอะไรดราม่านะ (ปกติคนไทยดราม่าได้ทุกเรื่องอยู่แล้วนิ 55555 )
((ฝากบอกคนที่ชอบถามเรื่องรถผมด้วย เผื่อมันเข้ามาอ่าน))
**กูมีรถคันเดียววววววววววววววว
#tagผิดอย่าว่ากันนะ
มีธุรกิจของตัวเอง แต่เรียน กศน. !!!
มีประสบการแปลกๆ กับคนรอบข้างในที่เรียน จะเล่าความเป็นมาตั้งแต่ต้นนะ ตอนนี้เราอายุ 26 ย่าง 27 ปี
เราเป็นคนขี้เกียจเรียนมาก ตั้งแต่ ม.ต้น แล้ว แต่เราชอบทำกิจกรรม ชอบอาสา เป็นเด็กกิจกรรมมากกว่า เวลาโรงเรียนมีงานอะไรก็แล้วแต่ เราจะเป็นคนแรกๆที่ครูเรียกไปถามเลย ว่าจะลงไหม ก็โอเคลง เราชอบอะ จะรออะไร จะได้ไม่ต้องเรียนๆจดๆ
พอจบม.ต้น เราก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะมีปัญหากับที่บ้าน หมายถึง ที่บ้านมีปัญหาเรื่องการเงินนั่นแหละ เราต้องออกมาช่วย ที่บ้านทำงาน คือขายของที่ตลาดสดแล้วให้น้องเรียนแทน พออายุ 18 - 19 ปี ก็ไปสมัครงานร้านป้าย เป็นพนักงานทั่วไป ก็เรียนรู้งานไปเรื่อยๆ พอถึงวันนึง เห็นพี่ๆพนักงาน graphic desing ออกแบบงาน เราก็เออ ไหนลองไปดูดิ ปกติเราก็ชอบเล่นคอมอยู่แล้ว ก็โอเค ลองมาหัดทำ ดูโปรแกรม ไปซื้อหนังสือ มาเรียนรู้พื้นฐาน แล้วลองขอพี่ๆเขาทำงานจริง เวลาว่างๆก็จะมาลองทำ ทำไปสักพัก ก็ได้ว่ะ ก็ขอทาง ผจก ลองเปลี่ยนตำแหน่ง ผจก ก็บอกว่าลองออกแบบงานให้เขาดูถ้าผ่านก็ให้ทำ สรุปก็ผ่าน เขาก็ให้โอกาส ตอนนั้นไม่สนใจเรื่องเงินเดือนนะ เพราะมันก็ไม่ได้น้อยหรือมากไปกว่าคนอื่น เราอยู่ได้ ก็ทำๆไป และไปเรียนรู้งานอื่นๆ งานผลิตด้วย คุยกับลูกค้าด้วย จนถึงปีที่4 ที่ทำงานอยู่ เราก็พอมีลูกค้าที่สนิทๆ เขาก็เริ่มติดต่องานฟรีแลนซ์ให้ เราก็รับจ๊อปบ้าง หาลูกค้าเองบ้าง ทำแบบนี้อยู่ประจำ
คนที่ทำงานสายสื่อสิ่งพิมพ์จะเข้าใจงานตรงนี้ดี ว่าโอกาสที่จะเจอคน ค่อนข้างเยอะ รายได้ดีเลยแหละ ลูกค้าบางคนไม่เชื่อว่าผมอายุ 23-24
จุดเปลี่ยน.......บริษัทปิด !!! เหตุผลที่ปิดตัวลง เพราะเกิดปัญหาภายใน
เราก็ไม่รุ้จะทำยังไง ก็ทำงานฟรีแลนซ์ของเราต่อไปสักพักนึง เก็บเงินได้ก้อนนึง เราก็เปิดร้านเล็กๆของเรา ทำไปได้สักพักนึง ก็ไปเจอบริษัทหนึ่งที่เขารับส่ง งานป้ายเป็นล็อต ทำตัวหนังสือโลหะ ขนาดต่างๆ ขายตามห้างร้านทั่วประเทศ บอกเลยว่าจุดนี้แหละผลิกชีวิตไปเลย ร้านเราตัดราคาได้ รับงานชุดแรกมา จากกำไรที่ได้มาเราพอตั้งตัวได้เลย เราขยายร้าน จ้างคนเพิ่ม งานก็เข้ามาเรื่อยๆ ทุกอย่างค่อนข้างโอเค มีปัญหาบ้างไรบ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร
จนถึงเดือนสิงหาปีที่แล้ว เราก็เกิดความคิดอะไรก็ไม่รุ้ เราคิดว่าเออตอนนี้ร้านที่เราสร้างมา มันก็มั่นคงแล้วนะ มันก็เป็นความภูมิใจของเราอ่ะ เราสามารถทำมาได้จนถึงตอนนี้ เราสามารถเลี้ยงดูครอบครัวเราได้ คนที่เป็นลูกคนโตหรือพี่ใหญ่จะเข้าใจว่ามันภูมิใจมากๆนะ แต่อีกสิ่งนึงที่เราคิดคือ เออ อยากเรียนต่อ จบแค่ ป.ตรีก็พอ ก็เลยไปสมัครเรียน กศน ม.ปลาย แล้วจะเรียน พรีดีกรีรามคู่ไปด้วย ก็เลยไปสมัครเรียนช่วงเดือนตุลา ช่วงแรกก็ไปเรียนปกติ เริ่มรู้จักคนเยอะขึ้นๆ มันก็เป็นสังคมๆหนึ่ง เราก็โอเค สนุกดี ช่วงหลังๆ ช่วงปีใหม่นี่แหละ มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาถาม
เห้ยนาย นายทำงานอะไรอะ
เราก็ไม่อยากพูดไรมาก ก็เลยบอกว่าช่วยงานที่บ้านอะ
เขาก็พูดกลับมาว่า เหรอ ขับ BMW เลยเนี่ยนะ บ้านคงรวยดิ
เราก็สตั้น.....เอิ่มมมมม จะให้ตอบไงละ
คือเวลาไปเรียนอะ มีคนถามหลายคนนะ ว่าเราทำงานอะไร บ้านอยู่ไหน ที่บ้านทำอะไร นายมีเงินแล้วนายจะมาเรียนให้เหนื่อยทำไม เอิ่ม........
คือตรงนี้มันก็แค่ปัจจัยภายนอกอะ จะมาสนใจกันทำไม จะมาสนใจทำไม ว่าเราทำงานอะไร มีรถอะไร ใช้มือถือรุ่นอะไร เรามาเรียนอยากจะประสบความสำเร็จอีกด้านหนึ่งที่เราเคยทิ้งไป เราช่วงนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อบวกกับความขี้เกียจ พอถึงตอนนี้เราโตขึ้นเราก็อยากจะทำอะไรที่เราไม่ได้ทำถึงจะไม่ชอบ ก็อยากจะชนะใจตัวเองและมีปริญญามาให้ครอบครัวภูมิใจบ้าง เป็นแรงผลักดันให้น้องๆ
ตอนนี้ผมไม่ได้รวยอะไรมากมาย ผมไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ ผมแค่ต้องการหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวแค่นั้น ผมไม่อยากให้ที่บ้านลำบาก ไม่อยากให้แม่ทำงาน (แต่แม่ก็ทำ) ไม่อยากให้น้องๆ มองปากคนอื่นกินของอร่อยๆ พาครอบครัวไปเที่ยวที่ดีๆ แค่นั้นเอง
คนเราพอถึงจุดๆหนึ่งก็อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้ถึงเป้าหมายตัวเอง
คนที่กำลังท้อในการเรียน ผมอยากจะบอกว่า สู้ๆครับ โอกาสของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน อย่ารอโอกาส วิ่งหามัน แล้วทำมันให้สุด จะดีเท่าที่คิดไหม อย่าไปสนใจ แค่เราลองได้ทำก็ชนะใจเราไปขั้นหนึ่งแล้ว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ คงไม่มีอะไรดราม่านะ (ปกติคนไทยดราม่าได้ทุกเรื่องอยู่แล้วนิ 55555 )
((ฝากบอกคนที่ชอบถามเรื่องรถผมด้วย เผื่อมันเข้ามาอ่าน))
**กูมีรถคันเดียววววววววววววววว
#tagผิดอย่าว่ากันนะ