ได้ฤกษ์กลับเกาหลีอีกครั้ง เริ่มเลยละกันตั้งแต่สนามบินอินชอน
ก่อนอื่นซื้อ SIM ก่อนละกัน ปัจจุบัน POCKET WIFI ไม่ค่อยนิยมมากแล้วเนื่องจากสัญญาณไม่ค่อยเสถียร และซิมก็ราคาไม่แพงมาก
หลังจากเดินสำรวจแล้ว พบว่า KT ถูกและดีที่สุด เนื่องจากความเร็วไม่ลด หมายความว่า สามารถซื้อ SIM อันเดียวและปล่อย HOTSPOT ให้คนอื่นได้ด้วย
จริงๆอันอื่นก็ราคาไม่ต่างกัน แต่ต่างตรงที่ความเร็ว ของอันอื่นแม้จะบอกว่าเป็น unlimited ก็ตาม แต่เมื่อใช้ถึงจุดที่เขากำหนดไว้ ความเร็วก็จะลดลงทันที
จุดที่ซื้อซิม อยู่ที่ทางออก B เราลงที่ Terminal 1 นะ (Star Alliance จะลง Terminal 1)

กดบัตรคิวก่อนนะ แล้วบอกเขาว่า เอาแบบ Unlimited 4G LTE Data
จะมีให้เลือก 3 แบบ คือ 5 วัน 10 วัน และ 30 วัน ราคาตามนี้เลย

จากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสกัน จริงๆการเข้าเมือง สามารถนั่งรถไฟได้เช่นกันแต่ว่ามันจะลำบากตอนใกล้เมืองคนจะเยอะ ขนกระเป๋าก็ลำบาก
เพราะฉะนั้น รถบัสสะดวกที่สุด
เคาเตอร์ขายตั๋วก็มีหลายจุดทั้งในอาคารฝั่งทางออก C หรือข้างนอกตามมุมต่างๆ
ปกติรถบัสจะมีทุกครั้ง ชม.

หลังจากได้ตั๋วแล้ว เราก็ดูว่าเราขึ้นรถที่ Platform ไหน เวลาเท่าไร ที่นั่งอะไร ตามนี้
ของเราขึ้น 8B รถหมายเลข 8843

ไปขึ้นรถกัน

ระหว่างยืนรอรถ ก็เดินไปดูว่ามันผ่านที่ไหนบ้างก่อนถึงสถานีเรา แต่จริงๆในรถมีประกาศนะ
ถึงซักที
ลืมบอกไปบ้านเราอยู่เมือง GURI เป็นเมืองพัฒนาใหญ่ของเกาหลีนั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง
ถึงจะไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็มีครบทุกอย่างนะ มีห้าง มีร้านขายของร้านรองเท้า ร้านเครื่องสำอางต่างๆ


จบแล้ววันแรกที่เกาหลี
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับคนหัดเดินทางไปเกาหลีเองบ้างนะคะ
แล้วมาติดตามกันต่อว่าวันอื่นจะไปที่ไหนยังไงนะคะ
มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆ
วันนี้ เราเริ่มตระเวนรอบเมือง GURI กันก่อนเลยดีกว่า
เริ่มจากตลาดละกัน แม้จะเป็นตลาดแต่ความสะอาดนี่ต้องยกให้เลย มีของขายเยอะมาก

ที่นี่แต่ละร้านจะขายของอย่างเดียวเท่านั้น เช่นร้านขายเนื้อ ขายหอย ขายผัก

ร้านขายโอเด้ง อันนี้คือ ร้านยืนกิน ที่เกาหลี คือเราหยิบกินได้เลย แล้วเขาจะนับไม้ที่เรากิน
ราคาไม้นึงอยู่ประมาณ 3000 วอน จะมีซอสหลายแบบ จะมีแปรงให้เราจุ่มทาโอเด้งเรา
แล้วจะมีเหมือนถ้วยน้ำวางอยู่ สำหรับให้เราตักน้ำซุปทาน
ร้านนี้ขาย ต๊อก (แป้งเกาหลี) มีหลายแบบมาก สามีชอบมาก มีทั้งคาวและหวาน

มาเกาหลีทั้งทีคงพลาดไก่ทอดเกาหลีไม่ได้ มีแบบธรรมดาและที่คลุกซอส
เราสั่งอันที่คลุกซอสมาจะออกเผ็ดนิดๆ อันนี้จำราคาไม่ได้ แต่ปกติแล้วก็จะอยู่ 3000-5000 วอน

เดินตลาดเสร็จแล้วก็แวะซื้อซุปเปอร์ซื้อขนมกับสตอเบอรรี่กลับบ้านซะหน่อย
ซุปเปอร์เขาขายสตอเบอรรี่เป็นถาด ถาดใหญ่มาก ราคา 10,000 วอน
แต่ถ้าซื้อแพคเล็กตามตลาดทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3000-5000 วอนต่อแพค
สตอเบอรรี่จะมีถึงประมาณเดือนเมษายนนะคะ

เดินไปเจอเยลลี่รสกล้วย และ รสแตงโม เห็นมันแปลกดีเลยถ่ายมาให้ดูเผื่อใครชอบ แต่ไม่ได้ซื้อมาค่ะ


ช่วงนี้ช่วงซากุระ เลยมีผลิคภัณฑ์ต่างๆทำแพคเกจออกมาพิเศษค่ะ

จบวันแล้วไปหาของกินดีกว่า หลังจากเดินเล่นทั้งวัน ก็เติมพลังด้วย หมูย่างเกาหลีแสนอร่อย
ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ แล้วจะมาโพสต่อให้ค่ะว่าวันอื่นๆทำอะไรบ้าง

เช้าวันใหม่ เริ่มต้นด้วยร้านสะดวกซื้อค่ะ
อันนี้เป็นกาแฟนะคะ น่ารักไหมคะ เป็นแบบซองพร้อมดื่ม หรือคนที่อยากได้น้ำแข็งเพิ่มก็สามารถซื้อได้นะคะ
ที่นี่เขาขายเป็นแก้วเลยค่ะ สะดวกดี


ข้าวก็มีพร้อม ซื้อกิมบับ (ข้าวปั้นเกาหลี) มาลองดู ในร้านสะดวกซื้อจะมีไมโครเวฟให้อุ่นด้วยนะคะ

และที่ขาดไม่ได้คือ นมกล้วย และนมอื่นๆอีกมากมาย แพคเกจแสนจะน่ารัก อยากซื้อทุกอันเลยค่ะ

โอเค เติมพลังเสร็จแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันต่อ วันนี้จะออกไปนอกเมืองเดินขึ้นเขาไปดูซากุระกัน
ระหว่างทางที่ไปก็จะเจอคอนโดสร้างมากมาย ที่นี่เขาจะมีหมู่บ้านคอนโด ซึ่งภายในโครงการจะมีหลายสิบตึกค่ะ
เนื่องจากเกาหลีมีพื้นที่น้อย เลยต้องอยู่คอนโดเป็นหลักค่ะ


ถึงแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหนค่ะ รู้แต่นั่งรถไฟมาประมาณครึ่ง ชม. ก็จะเจอวิวแบบนี้ึค่ะ


ข้างทางไม่มีอะไรมาก นอกจากต้นไม้และภูเขาค่ะ ก็ชิวไปอีกแบบ เดินเล่นไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็แวะร้านเครื่องปั้นดินเผาที่จองไว้ค่ะ ที่นี่เป้็นร้านเล็กๆที่ให้เราปั้นอะไรก็ได้ตามใจเราค่ะ แต่ต้องนัดล่วงหน้านะคะ
อาจารย์น่ารักมากค่ะ ปั้นเสร็จก็จะให้เราทำลวดลายเอง จากนั้นเขาจะส่งไปรษณีย์มาให้ค่ะ (ส่งเฉพาะในเกาหลีนะคะ)
ใช้เวลาเอาไปเผาให้แห้งประมาณ 1 เดือนค่ะ

(อ่านไม่ผิดค่ะ 1 เดือนจริงๆ) ตอนแรกก็แอบตกใจเหมือนกันค่ะ แต่เรามีบ้านที่เกาหลีเลยไม่ห่วงค่ะ




วาดลวดลายเสร็จแล้ว ก็จะประมาณนี้ค่ะ วาดมั่วๆไม่มีหัวด้านศิลป์เลยค่ะ แต่ก็ฝึกสมาธิดีค่ะ
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างนานเหมือนกันค่ะ เกือบ 2 ชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เริ่มเข้าโซลแวะไปหาเพื่อน เดินเล่นซื้อของนิดหน่อยค่ะ
เลยขอข้ามเลยนะคะ
ก่อนกลับไทยมีนัดเจอเพื่อนที่ห้าง Time Square และเดินผ่านร้านนี้ถึงกับต้องหยุดเพราะคำว่า MICHELIN GUIDE

เลยตัดสินใจลองแวะชิมดู


Bibimbap พอดีเราไม่ทานเนื้อเลยบอกให้เขาแยกเนื้อมาให้ เลยหน้าตาเป็นแบบนี้



สำหรับเรารสชาติอาหารโอเคเลย แต่ราคาแอบแรงอยู่เหมือนกันนะแต่จำไม่ได้ว่าเท่าไร
ยังไงถ้าใครอยากไปลอง ลองเสิร์ชดูนะ เห็นเพื่อนเกาหลีบอกว่ามีหลายสาขาเหมือนกัน
ทานข้าวเสร็จก็นั่งรถไฟไปสถานี Sinchon เพื่อซื้อสิ่งนี้เลย

จบทริปเกาหลีแล้วค่ะ......แต่ก่อนกลับแอบฝากเคล็ดลับให้กับขาช็อปทั้งหลาย
ที่สนามบินอินชอน แบ่งสัมปทานให้กับหลายบริษัทมาเปิดในสนามบิน
เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ มองดูที่หัวมุมจะบอกว่าบล๊อคนั้นเป็นของบริษัทไหน
ถ้าใครแวะ Lotte Duty Free ในเมือง แล้วมีบัตร Visa สามารถทำบัตรสมาชิกเพื่อลดเพิ่ม 10 % ได้เคาเตอร์ Customer Service
สามารถใช้ได้ทั้ง Lotte Duty Free ในเมืองและสนามบิน ทำให้ซื้อของถูกไปอีกนะ
*ข้อดีอีกอย่างคือ ถ้าเรามีบัตรสมาชิก Lotte Duty Free แล้วไปถึงสนามบิน ถ้าอยากซื้อของจากบริษัทอื่น เราก็สามารถเอาบัตรสมาชิก
Lotte ที่เรามีอยู่ไปที่เคาเตอร์เขาได้เลย เขาจะทำบัตรสมาชิกให้เราโดยไม่ต้องสมัครใหม่เหมือนคนอื่น แต่บริษัทอื่นจะเริ่มต้นลดที่ 5% นะ
ยังไงถ้าใครไปสนามบินก่อนและพอมีเวลาลองถามพวกเคาเตอร์ของบริษัทต่างๆดู อาจจะได้ส่วนลดเพิ่มอีกได้ เพื่อการช็อปที่คุ้มค่าของเรา 555
จบทริปนี้ไปก่อนนะคะ แล้วไว้เจอกันอีกทีทริปหน้าค่ะ
ปล. เพิ่งเริ่มเขียนค่ะ ผิดถูกยังไง ติชมกันได้ แต่อย่าแรงนะคะ
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปเที่ยวเกาหลีได้บ้างค่ะ
ไปเกาหลีแบบง่ายๆ
ก่อนอื่นซื้อ SIM ก่อนละกัน ปัจจุบัน POCKET WIFI ไม่ค่อยนิยมมากแล้วเนื่องจากสัญญาณไม่ค่อยเสถียร และซิมก็ราคาไม่แพงมาก
หลังจากเดินสำรวจแล้ว พบว่า KT ถูกและดีที่สุด เนื่องจากความเร็วไม่ลด หมายความว่า สามารถซื้อ SIM อันเดียวและปล่อย HOTSPOT ให้คนอื่นได้ด้วย
จริงๆอันอื่นก็ราคาไม่ต่างกัน แต่ต่างตรงที่ความเร็ว ของอันอื่นแม้จะบอกว่าเป็น unlimited ก็ตาม แต่เมื่อใช้ถึงจุดที่เขากำหนดไว้ ความเร็วก็จะลดลงทันที
จุดที่ซื้อซิม อยู่ที่ทางออก B เราลงที่ Terminal 1 นะ (Star Alliance จะลง Terminal 1)
กดบัตรคิวก่อนนะ แล้วบอกเขาว่า เอาแบบ Unlimited 4G LTE Data
จะมีให้เลือก 3 แบบ คือ 5 วัน 10 วัน และ 30 วัน ราคาตามนี้เลย
จากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสกัน จริงๆการเข้าเมือง สามารถนั่งรถไฟได้เช่นกันแต่ว่ามันจะลำบากตอนใกล้เมืองคนจะเยอะ ขนกระเป๋าก็ลำบาก
เพราะฉะนั้น รถบัสสะดวกที่สุด
เคาเตอร์ขายตั๋วก็มีหลายจุดทั้งในอาคารฝั่งทางออก C หรือข้างนอกตามมุมต่างๆ
ปกติรถบัสจะมีทุกครั้ง ชม.
หลังจากได้ตั๋วแล้ว เราก็ดูว่าเราขึ้นรถที่ Platform ไหน เวลาเท่าไร ที่นั่งอะไร ตามนี้
ของเราขึ้น 8B รถหมายเลข 8843
ไปขึ้นรถกัน
ระหว่างยืนรอรถ ก็เดินไปดูว่ามันผ่านที่ไหนบ้างก่อนถึงสถานีเรา แต่จริงๆในรถมีประกาศนะ
ถึงซักที
ลืมบอกไปบ้านเราอยู่เมือง GURI เป็นเมืองพัฒนาใหญ่ของเกาหลีนั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง
ถึงจะไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็มีครบทุกอย่างนะ มีห้าง มีร้านขายของร้านรองเท้า ร้านเครื่องสำอางต่างๆ
จบแล้ววันแรกที่เกาหลี
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับคนหัดเดินทางไปเกาหลีเองบ้างนะคะ
แล้วมาติดตามกันต่อว่าวันอื่นจะไปที่ไหนยังไงนะคะ
มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆ
วันนี้ เราเริ่มตระเวนรอบเมือง GURI กันก่อนเลยดีกว่า
เริ่มจากตลาดละกัน แม้จะเป็นตลาดแต่ความสะอาดนี่ต้องยกให้เลย มีของขายเยอะมาก
ที่นี่แต่ละร้านจะขายของอย่างเดียวเท่านั้น เช่นร้านขายเนื้อ ขายหอย ขายผัก
ร้านขายโอเด้ง อันนี้คือ ร้านยืนกิน ที่เกาหลี คือเราหยิบกินได้เลย แล้วเขาจะนับไม้ที่เรากิน
ราคาไม้นึงอยู่ประมาณ 3000 วอน จะมีซอสหลายแบบ จะมีแปรงให้เราจุ่มทาโอเด้งเรา
แล้วจะมีเหมือนถ้วยน้ำวางอยู่ สำหรับให้เราตักน้ำซุปทาน
ร้านนี้ขาย ต๊อก (แป้งเกาหลี) มีหลายแบบมาก สามีชอบมาก มีทั้งคาวและหวาน
มาเกาหลีทั้งทีคงพลาดไก่ทอดเกาหลีไม่ได้ มีแบบธรรมดาและที่คลุกซอส
เราสั่งอันที่คลุกซอสมาจะออกเผ็ดนิดๆ อันนี้จำราคาไม่ได้ แต่ปกติแล้วก็จะอยู่ 3000-5000 วอน
เดินตลาดเสร็จแล้วก็แวะซื้อซุปเปอร์ซื้อขนมกับสตอเบอรรี่กลับบ้านซะหน่อย
ซุปเปอร์เขาขายสตอเบอรรี่เป็นถาด ถาดใหญ่มาก ราคา 10,000 วอน
แต่ถ้าซื้อแพคเล็กตามตลาดทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3000-5000 วอนต่อแพค
สตอเบอรรี่จะมีถึงประมาณเดือนเมษายนนะคะ
เดินไปเจอเยลลี่รสกล้วย และ รสแตงโม เห็นมันแปลกดีเลยถ่ายมาให้ดูเผื่อใครชอบ แต่ไม่ได้ซื้อมาค่ะ
ช่วงนี้ช่วงซากุระ เลยมีผลิคภัณฑ์ต่างๆทำแพคเกจออกมาพิเศษค่ะ
จบวันแล้วไปหาของกินดีกว่า หลังจากเดินเล่นทั้งวัน ก็เติมพลังด้วย หมูย่างเกาหลีแสนอร่อย
ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ แล้วจะมาโพสต่อให้ค่ะว่าวันอื่นๆทำอะไรบ้าง
อันนี้เป็นกาแฟนะคะ น่ารักไหมคะ เป็นแบบซองพร้อมดื่ม หรือคนที่อยากได้น้ำแข็งเพิ่มก็สามารถซื้อได้นะคะ
ที่นี่เขาขายเป็นแก้วเลยค่ะ สะดวกดี
ข้าวก็มีพร้อม ซื้อกิมบับ (ข้าวปั้นเกาหลี) มาลองดู ในร้านสะดวกซื้อจะมีไมโครเวฟให้อุ่นด้วยนะคะ
และที่ขาดไม่ได้คือ นมกล้วย และนมอื่นๆอีกมากมาย แพคเกจแสนจะน่ารัก อยากซื้อทุกอันเลยค่ะ
โอเค เติมพลังเสร็จแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันต่อ วันนี้จะออกไปนอกเมืองเดินขึ้นเขาไปดูซากุระกัน
ระหว่างทางที่ไปก็จะเจอคอนโดสร้างมากมาย ที่นี่เขาจะมีหมู่บ้านคอนโด ซึ่งภายในโครงการจะมีหลายสิบตึกค่ะ
เนื่องจากเกาหลีมีพื้นที่น้อย เลยต้องอยู่คอนโดเป็นหลักค่ะ
ถึงแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหนค่ะ รู้แต่นั่งรถไฟมาประมาณครึ่ง ชม. ก็จะเจอวิวแบบนี้ึค่ะ
ข้างทางไม่มีอะไรมาก นอกจากต้นไม้และภูเขาค่ะ ก็ชิวไปอีกแบบ เดินเล่นไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็แวะร้านเครื่องปั้นดินเผาที่จองไว้ค่ะ ที่นี่เป้็นร้านเล็กๆที่ให้เราปั้นอะไรก็ได้ตามใจเราค่ะ แต่ต้องนัดล่วงหน้านะคะ
อาจารย์น่ารักมากค่ะ ปั้นเสร็จก็จะให้เราทำลวดลายเอง จากนั้นเขาจะส่งไปรษณีย์มาให้ค่ะ (ส่งเฉพาะในเกาหลีนะคะ)
ใช้เวลาเอาไปเผาให้แห้งประมาณ 1 เดือนค่ะ
วาดลวดลายเสร็จแล้ว ก็จะประมาณนี้ค่ะ วาดมั่วๆไม่มีหัวด้านศิลป์เลยค่ะ แต่ก็ฝึกสมาธิดีค่ะ
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างนานเหมือนกันค่ะ เกือบ 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เริ่มเข้าโซลแวะไปหาเพื่อน เดินเล่นซื้อของนิดหน่อยค่ะ
เลยขอข้ามเลยนะคะ
ก่อนกลับไทยมีนัดเจอเพื่อนที่ห้าง Time Square และเดินผ่านร้านนี้ถึงกับต้องหยุดเพราะคำว่า MICHELIN GUIDE
เลยตัดสินใจลองแวะชิมดู
สำหรับเรารสชาติอาหารโอเคเลย แต่ราคาแอบแรงอยู่เหมือนกันนะแต่จำไม่ได้ว่าเท่าไร
ยังไงถ้าใครอยากไปลอง ลองเสิร์ชดูนะ เห็นเพื่อนเกาหลีบอกว่ามีหลายสาขาเหมือนกัน
ทานข้าวเสร็จก็นั่งรถไฟไปสถานี Sinchon เพื่อซื้อสิ่งนี้เลย
จบทริปเกาหลีแล้วค่ะ......แต่ก่อนกลับแอบฝากเคล็ดลับให้กับขาช็อปทั้งหลาย
ที่สนามบินอินชอน แบ่งสัมปทานให้กับหลายบริษัทมาเปิดในสนามบิน
เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ มองดูที่หัวมุมจะบอกว่าบล๊อคนั้นเป็นของบริษัทไหน
ถ้าใครแวะ Lotte Duty Free ในเมือง แล้วมีบัตร Visa สามารถทำบัตรสมาชิกเพื่อลดเพิ่ม 10 % ได้เคาเตอร์ Customer Service
สามารถใช้ได้ทั้ง Lotte Duty Free ในเมืองและสนามบิน ทำให้ซื้อของถูกไปอีกนะ
*ข้อดีอีกอย่างคือ ถ้าเรามีบัตรสมาชิก Lotte Duty Free แล้วไปถึงสนามบิน ถ้าอยากซื้อของจากบริษัทอื่น เราก็สามารถเอาบัตรสมาชิก
Lotte ที่เรามีอยู่ไปที่เคาเตอร์เขาได้เลย เขาจะทำบัตรสมาชิกให้เราโดยไม่ต้องสมัครใหม่เหมือนคนอื่น แต่บริษัทอื่นจะเริ่มต้นลดที่ 5% นะ
ยังไงถ้าใครไปสนามบินก่อนและพอมีเวลาลองถามพวกเคาเตอร์ของบริษัทต่างๆดู อาจจะได้ส่วนลดเพิ่มอีกได้ เพื่อการช็อปที่คุ้มค่าของเรา 555
จบทริปนี้ไปก่อนนะคะ แล้วไว้เจอกันอีกทีทริปหน้าค่ะ
ปล. เพิ่งเริ่มเขียนค่ะ ผิดถูกยังไง ติชมกันได้ แต่อย่าแรงนะคะ
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปเที่ยวเกาหลีได้บ้างค่ะ