หลังจากขับรถมาทั้งวัน ด้วยความเหนื่อยล้า ผมรู้สึกอยากจะหลับตาพักซักงีบ
มองนาฬิกาก็ราวๆ ตี 2 แล้ว
แต่อีก สองร้อยกว่าโล ก็ถึงที่หมาย ที่ผมตั้งใจจะไป เลยทำให้ยังฝืนขับต่อไปเรื่อยๆ
ขับมาได้ไม่นาน สองข้างทางก็เริ่มเป็นทางเปลี่ยว
แทบจะไม่มีรถสวนมา นานๆถึงจะมีรถสวนทางมาสักคัน
อยู่ๆผมก็รู้สึก วูบ เหมือนจะหลับไปในช่วงสองสามวินาที
พอสะดุ้งตื่นมาได้ ก็รู้เลยว่า ไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนฝืนต่อไป มีหวังได้เรื่องแน่
เลยทำให้ผม ต้องรีบมองหา ที่พักข้างทาง ที่พอจะจอดรถนอนได้
ของีบ สัก สิบ ยี่สิบ นาที ก็น่าจะพอ
ผมขับผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีไฟส่องถนน สองข้างทาง
ก็เริ่มมองหาที่เหมาะๆที่พอจะแวะพักได้
จนกระทั่งเลยหมู่บ้านมานิดหนึ่ง มีไหล่ทางที่ดูกว้างกว่าปกติ
ผมเลยเลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างทางตรงนั้น
พอจอดรถได้ ผมหันไปมองด้านหลัง มีเสาไฟส่องถนน ห่างจากที่ผมจอดอยู่
ราวๆ ยี่สิบ สามสิบเมตรได้ เป็นต้นสุดท้ายพอดี
มองไปด้านข้างทาง เป็นป่าละเมาะไม่รกนัก ถัดไปจากนั้นก็เป็นทุ่งนา
ผมเอนเบาะลง เหยียดขายาวไปตามแนวเบาะ รู้สึกง่วงชะมัด
แต่ยังคงติดเครื่องไว้ เพราะต้องการเปิดแอร์ไปด้วย จะได้ไม่ร้อนจนอึดอัด
พอขยับเข้าที่ได้ก็ หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
ไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงคนมาเคาะกระจกข้างที่ผมนอนอยู่
ผมสะดุ้งตื่น มองไปทางหน้าต่างรถ เห็นผู้หญิงผมยาว ยืนก้มตัว ส่องมาในรถผม
ตอนนั้นผมมองไม่เห็นหน้าเขา เห็นแต่เป็นเงามืดๆ
ก็เลยลุกขึ้น เลื่อนกระจกรถลง มองดูผู้หญิงคนนั้น
อ้าวเขามากับเด็กคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างๆกัน
ผมเลยถามไปว่า มีอะไรครับ
หญิงคนนั้นก็ตอบว่า ช่วยเราด้วยได้ไหม
พอดีพ่อไม่สบายหนักมาก ช่วยพาไปหาหมอหน่อย
ผมก็ งงๆ นะตอนนั้น
ก็พยายามจะมองหาว่าพ่อเขาอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่เจอ
เลยถามว่า แล้วคนป่วยอยู่ไหนครับ
หญิงคนนั้นก็ตอบว่า อยู่ที่บ้าน
พ่อไม่สบายมาก เลยเดินลุยป่าออกมา
เพื่อมาหาคนไปช่วย
ผมก็ถามว่า แล้วบ้านอยู่ไกลไหม อยู่ตรงไหน
เธอก็ตอบว่า อยู่ไม่ไกล เดินลัดทุ่งนาไปก็ถึง
แต่ว่ารถมันเข้าไปไม่ได้ เพราะพวกเราออกมาเฝ้านากัน
ผมก็เลยบอกว่า แล้วพ่อพอจะเดินไหวไหม
ผมรออยู่ที่รถ แล้วคุณไปพาพ่อมาได้ไหม
หญิงคนนั้นก็บอกว่า
พ่อไม่สบายหนักมาก ต้องมีคนช่วยประคอง ลำพังตัวฉันคนเดียว คงประคองพ่อไม่ไหว
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็ชั่งใจอยู่พักหนึ่ง
นี่มันก็ดึกมากแล้ว จะไปเดินในป่าแบบนั้นแล้วใครจะเฝ้ารถ
ผมก็เลยบอก เขาไปว่า ไม่ได้หรอกครับ ไม่มีใครเฝ้ารถ
ผู้หญิงคนนั้นก็เลย อ้อนวอนผมให้ช่วยเขาหน่อย ให้เขาทำอะไรก็ได้เขายอมหมด
ช่วงที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่นั้น สายตาผมก็เริ่มปรับตัวได้ในความมืด
เริ่มมองเห็นหน้าตาหญิงสาวคนนั้น หน้าเธอขาวนวน ผมยาว ปากแดง
จมูกโด่งคม มองรวมๆแล้วอย่างกะสาวไทยในวรรณคดี ปานนางฟ้านางสวรรค์เลยทีเดียว
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับผ้าถุง
แม้จะเป็นเสื้อเชิ้ตเก่าๆบางๆ แต่ก็ไม่เป็นข้อด้อยเลย
เมื่อ มองเห็นหน้าตาใสๆของเธอ มันแผ่รัศมีความงามออกมาจนชวนหลงไหล
ช่วงที่กำลังมองหญิงสาวอยู่ ก็ได้ยินเสียง เด็กที่มาด้วย เคี้ยวอะไรในปากไม่รู้เสียงดัง
แจ๊บ แจ๊บ.. ตลอดเวลา
งั้น ให้เด็กเฝ้ารถผมไว้ได้ไหมครับ
ผมยื่นข้อเสนอขึ้น
เธอก้มตัวลงมาใกล้ๆผม ถามว่า อะไรนะคะ
ช่วงนั้น ได้กลิ่นหอมของดอกมะลิ ลอยออกมาจากผมเธอ
เล่นเอาซะผม เคลิ้มเลย มองไปอีกที ก็เห็นล่องอกเธอ
โผล่ออกมาจากตรงคอเสื้อเชิ้ตที่เธอลืมติดกระดุมด้านบนสองเม็ด
เหมือนผมตกอยู่ในภวัง จนเธอต้องถามย้ำอีก
อะไรนะคะ
ผมรีบดึงสติกลับมา แล้วก็บอกว่า ให้เด็กเฝ้ารถผมไว้ได้ไหม
เธอก็พูดว่า อ๋อ ได้ค่ะ
แล้วก็หันไปคุยกับ เด็กน้อยที่มาด้วย ว่า
"จุก เฝ้ารถให้คุณอาเขานะ เดี๋ยวพี่มา"
ผมมองไปที่เด็กคนที่มาด้วย เป็นเด็กอ้วนไว้ผมจุก ไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีกากี
เด็กคนนั้นก็หันไปคุยกับหญิงคนนั้นว่า
ให้จุกรอในรถได้ไหม จุกกลัวยุงกัด
หญิงคนนั้นก็หันมาถามผม ว่า ให้รอในรถได้ไหมคะ
ผมก็ชั่งใจอีก
อ้าว...เกิดเป็นพวกที่คบคิดกับโจรขโมยรถ พอเราไปแล้วเกิดมีคนมาขับรถเราไปเลยจะไม่แย่หรือ
ช่วงที่กำลังคิดอยู่
อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้น
ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันยอมยกชีวิตให้เลย
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ผมก็ใจอ่อนระทวย
ก็เลย พยักหน้า ตอบเธอไป
สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูรถด้านหลังผม
ช่วงที่ผมกำลังจะหันไปมอง เด็กคนนั้นขึ้นมาบนรถ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง เด็กร้อง โอ๊ย..
แล้วก็กระเด็นตกรถ ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น
ผมก็ตกใจ อ้าว เป็นอะไร
หญิงคนนั้นก็ หัวเราะ แล้วก็พูดว่า ขามันสั้นอะค่ะ
แล้วก็หันไปพูดกับ เด็กคนนั้นว่า
รอให้อาเขาเรียกขึ้นรถก่อนซิ จุก
พรวดพราดไปแบบนั้น มันเสียมารยาทรู้ไหม
แล้วหญิงคนนั้นก็หันมาพูดกับผมว่า คุณอา ให้จุกขึ้นรถได้ไหมคะ
ผมก็ตอบว่า ได้ซิ มาขึ้นฝั่งข้างคนขับก็ได้ จะได้เข้าง่าย ไม่สูงเหมือนล้อหลัง
ว่าแล้วผมก็เปิดประตูอีกฝั่งให้จุก
จุกเดินอ้อมมา แล้วก็ขึ้นมานั่งอยู่ในรถข้างๆผม
ผมก็บอกว่า เฝ้ารถไว้ดีๆนะจุก เจอคนแปลกหน้ามา อย่าลงจากรถนะ
แล้วก็ล๊อกรถไว้อย่าให้ใครเข้ามา
จุกก็หันมาพยักหน้าให้ผม
ผมก็กลัวจุกมันจะร้อนก็เลยไม่ได้ดับเครื่อง
แล้วก็ลงจากรถ มายืนข้างๆหญิงคนนั้น
แล้วหญิงคนนั้นก็พาผมเดินเข้าไปในป่าข้างทาง
โปรดติดตามตอนต่อไป
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า
มองนาฬิกาก็ราวๆ ตี 2 แล้ว
แต่อีก สองร้อยกว่าโล ก็ถึงที่หมาย ที่ผมตั้งใจจะไป เลยทำให้ยังฝืนขับต่อไปเรื่อยๆ
ขับมาได้ไม่นาน สองข้างทางก็เริ่มเป็นทางเปลี่ยว
แทบจะไม่มีรถสวนมา นานๆถึงจะมีรถสวนทางมาสักคัน
อยู่ๆผมก็รู้สึก วูบ เหมือนจะหลับไปในช่วงสองสามวินาที
พอสะดุ้งตื่นมาได้ ก็รู้เลยว่า ไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนฝืนต่อไป มีหวังได้เรื่องแน่
เลยทำให้ผม ต้องรีบมองหา ที่พักข้างทาง ที่พอจะจอดรถนอนได้
ของีบ สัก สิบ ยี่สิบ นาที ก็น่าจะพอ
ผมขับผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีไฟส่องถนน สองข้างทาง
ก็เริ่มมองหาที่เหมาะๆที่พอจะแวะพักได้
จนกระทั่งเลยหมู่บ้านมานิดหนึ่ง มีไหล่ทางที่ดูกว้างกว่าปกติ
ผมเลยเลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างทางตรงนั้น
พอจอดรถได้ ผมหันไปมองด้านหลัง มีเสาไฟส่องถนน ห่างจากที่ผมจอดอยู่
ราวๆ ยี่สิบ สามสิบเมตรได้ เป็นต้นสุดท้ายพอดี
มองไปด้านข้างทาง เป็นป่าละเมาะไม่รกนัก ถัดไปจากนั้นก็เป็นทุ่งนา
ผมเอนเบาะลง เหยียดขายาวไปตามแนวเบาะ รู้สึกง่วงชะมัด
แต่ยังคงติดเครื่องไว้ เพราะต้องการเปิดแอร์ไปด้วย จะได้ไม่ร้อนจนอึดอัด
พอขยับเข้าที่ได้ก็ หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
ไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงคนมาเคาะกระจกข้างที่ผมนอนอยู่
ผมสะดุ้งตื่น มองไปทางหน้าต่างรถ เห็นผู้หญิงผมยาว ยืนก้มตัว ส่องมาในรถผม
ตอนนั้นผมมองไม่เห็นหน้าเขา เห็นแต่เป็นเงามืดๆ
ก็เลยลุกขึ้น เลื่อนกระจกรถลง มองดูผู้หญิงคนนั้น
อ้าวเขามากับเด็กคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างๆกัน
ผมเลยถามไปว่า มีอะไรครับ
หญิงคนนั้นก็ตอบว่า ช่วยเราด้วยได้ไหม
พอดีพ่อไม่สบายหนักมาก ช่วยพาไปหาหมอหน่อย
ผมก็ งงๆ นะตอนนั้น
ก็พยายามจะมองหาว่าพ่อเขาอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่เจอ
เลยถามว่า แล้วคนป่วยอยู่ไหนครับ
หญิงคนนั้นก็ตอบว่า อยู่ที่บ้าน
พ่อไม่สบายมาก เลยเดินลุยป่าออกมา
เพื่อมาหาคนไปช่วย
ผมก็ถามว่า แล้วบ้านอยู่ไกลไหม อยู่ตรงไหน
เธอก็ตอบว่า อยู่ไม่ไกล เดินลัดทุ่งนาไปก็ถึง
แต่ว่ารถมันเข้าไปไม่ได้ เพราะพวกเราออกมาเฝ้านากัน
ผมก็เลยบอกว่า แล้วพ่อพอจะเดินไหวไหม
ผมรออยู่ที่รถ แล้วคุณไปพาพ่อมาได้ไหม
หญิงคนนั้นก็บอกว่า
พ่อไม่สบายหนักมาก ต้องมีคนช่วยประคอง ลำพังตัวฉันคนเดียว คงประคองพ่อไม่ไหว
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็ชั่งใจอยู่พักหนึ่ง
นี่มันก็ดึกมากแล้ว จะไปเดินในป่าแบบนั้นแล้วใครจะเฝ้ารถ
ผมก็เลยบอก เขาไปว่า ไม่ได้หรอกครับ ไม่มีใครเฝ้ารถ
ผู้หญิงคนนั้นก็เลย อ้อนวอนผมให้ช่วยเขาหน่อย ให้เขาทำอะไรก็ได้เขายอมหมด
ช่วงที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่นั้น สายตาผมก็เริ่มปรับตัวได้ในความมืด
เริ่มมองเห็นหน้าตาหญิงสาวคนนั้น หน้าเธอขาวนวน ผมยาว ปากแดง
จมูกโด่งคม มองรวมๆแล้วอย่างกะสาวไทยในวรรณคดี ปานนางฟ้านางสวรรค์เลยทีเดียว
เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับผ้าถุง
แม้จะเป็นเสื้อเชิ้ตเก่าๆบางๆ แต่ก็ไม่เป็นข้อด้อยเลย
เมื่อ มองเห็นหน้าตาใสๆของเธอ มันแผ่รัศมีความงามออกมาจนชวนหลงไหล
ช่วงที่กำลังมองหญิงสาวอยู่ ก็ได้ยินเสียง เด็กที่มาด้วย เคี้ยวอะไรในปากไม่รู้เสียงดัง
แจ๊บ แจ๊บ.. ตลอดเวลา
งั้น ให้เด็กเฝ้ารถผมไว้ได้ไหมครับ
ผมยื่นข้อเสนอขึ้น
เธอก้มตัวลงมาใกล้ๆผม ถามว่า อะไรนะคะ
ช่วงนั้น ได้กลิ่นหอมของดอกมะลิ ลอยออกมาจากผมเธอ
เล่นเอาซะผม เคลิ้มเลย มองไปอีกที ก็เห็นล่องอกเธอ
โผล่ออกมาจากตรงคอเสื้อเชิ้ตที่เธอลืมติดกระดุมด้านบนสองเม็ด
เหมือนผมตกอยู่ในภวัง จนเธอต้องถามย้ำอีก
อะไรนะคะ
ผมรีบดึงสติกลับมา แล้วก็บอกว่า ให้เด็กเฝ้ารถผมไว้ได้ไหม
เธอก็พูดว่า อ๋อ ได้ค่ะ
แล้วก็หันไปคุยกับ เด็กน้อยที่มาด้วย ว่า
"จุก เฝ้ารถให้คุณอาเขานะ เดี๋ยวพี่มา"
ผมมองไปที่เด็กคนที่มาด้วย เป็นเด็กอ้วนไว้ผมจุก ไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีกากี
เด็กคนนั้นก็หันไปคุยกับหญิงคนนั้นว่า
ให้จุกรอในรถได้ไหม จุกกลัวยุงกัด
หญิงคนนั้นก็หันมาถามผม ว่า ให้รอในรถได้ไหมคะ
ผมก็ชั่งใจอีก
อ้าว...เกิดเป็นพวกที่คบคิดกับโจรขโมยรถ พอเราไปแล้วเกิดมีคนมาขับรถเราไปเลยจะไม่แย่หรือ
ช่วงที่กำลังคิดอยู่
อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้น
ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันยอมยกชีวิตให้เลย
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ผมก็ใจอ่อนระทวย
ก็เลย พยักหน้า ตอบเธอไป
สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูรถด้านหลังผม
ช่วงที่ผมกำลังจะหันไปมอง เด็กคนนั้นขึ้นมาบนรถ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง เด็กร้อง โอ๊ย..
แล้วก็กระเด็นตกรถ ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น
ผมก็ตกใจ อ้าว เป็นอะไร
หญิงคนนั้นก็ หัวเราะ แล้วก็พูดว่า ขามันสั้นอะค่ะ
แล้วก็หันไปพูดกับ เด็กคนนั้นว่า
รอให้อาเขาเรียกขึ้นรถก่อนซิ จุก
พรวดพราดไปแบบนั้น มันเสียมารยาทรู้ไหม
แล้วหญิงคนนั้นก็หันมาพูดกับผมว่า คุณอา ให้จุกขึ้นรถได้ไหมคะ
ผมก็ตอบว่า ได้ซิ มาขึ้นฝั่งข้างคนขับก็ได้ จะได้เข้าง่าย ไม่สูงเหมือนล้อหลัง
ว่าแล้วผมก็เปิดประตูอีกฝั่งให้จุก
จุกเดินอ้อมมา แล้วก็ขึ้นมานั่งอยู่ในรถข้างๆผม
ผมก็บอกว่า เฝ้ารถไว้ดีๆนะจุก เจอคนแปลกหน้ามา อย่าลงจากรถนะ
แล้วก็ล๊อกรถไว้อย่าให้ใครเข้ามา
จุกก็หันมาพยักหน้าให้ผม
ผมก็กลัวจุกมันจะร้อนก็เลยไม่ได้ดับเครื่อง
แล้วก็ลงจากรถ มายืนข้างๆหญิงคนนั้น
แล้วหญิงคนนั้นก็พาผมเดินเข้าไปในป่าข้างทาง
โปรดติดตามตอนต่อไป