ภาคแรกอยู่กระทู้นี้ครับ
https://pantip.com/topic/36801003
https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=15233173731081&sequence=2018033186
จากการขายโรงแรมและจจุดชมวิวของ PACE นี่คนทำบัญชีพยายามทำให้เข้าใจยาก
ต้องนั่งแคะหน่อยครับ ขอบอกว่าทั้งหมดเป็นประมาณการนะครับ อย่างมูลค่าโรงแรมและจุดชมวิวนี่ยกมาจาก ทรัพย์สินไม่หมุนเวียนมาเลย. อาจคลาดเคลื่อนได้ถ้าเขามีทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นที่ไม่ได้ขาย (อันที่จริงคนทำบัญชีเขาต้องแจงให้เราดูนะ)
1. ขายโรงแรมของ PP1
โรงแรมมีมูลค่าตามบัญชีของ PP1 อยู่(ไม่เกิน) 4,700 ล้านบาท
ขายไป. 6,655 ล้านบาท
กำไรทางบัญชีของ PP1. 1,955. ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP1 ก่อนขายเท่ากับ-1935 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP1 หลังขายเท่ากับ -1935+1955 = 20 ล้านบาท
2.ขายจุดชมวิวของ PP3
จุดชมวิวมีมูลค่าตามบัญชี PP3 อยู่(ไม่เกิน) 7,286 ล้านบาท
ขายไป. 6,022 ล้านบาท
ขาดทุนทางบัญชีของ PP3 -1,264 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP3 ก่อนขายเท่ากับ 6,935 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP3 หลังขายเท่ากับ 6935-1264 = 5,671 ล้านบาท
3. ซื้อหุ้น PP1 คืน 49%. และ PP3 48.72%
ส่วนของผู้ถือหุ้น (book value) ของ PP1 = 20 ล้านบาท
49% คิดเป็น 9.8 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น (book value) ของ PP3 = 5,671 ล้านบาท
48.72% คิดเป็น 2,762 ล้านบาท
รวมมูลค่ายุติธรรมของสิ่งที่ซื้อ = 9.8+2762= 2771.8 ล้านบาท
ซื้อจริง. 10,000 ล้านบาท
ขาดทุนจากการซื้อ 2771.8-10000= 7,228.2 ล้านบาท
กำไรจากค่าก่อให้เกิดรายการ. 1,200 ล้านบาท
PACE ขาดทุนจากรายการนี้ 6,028.2 ล้านบาท
นี่คิดเฉพาะหุ้น ส่วนที่ซื้อกลับมา
อันที่จริงน่าจะขาดทุนมากกว่านี้เกือบเท่าตัวถ้าคิดส่วนที่ถืออยู่เดิม 51% เอาราคาbook valueเป็นราคาทุนแล้วลงบัญชีจากเดิมบริษัทร่วม มาเป็นบริษัทย่อย
ได้เงินมาหมุนก็จริงแต่งบไตรมาส 2 น่าจะเน่าสุดๆ ต้องรออีกตั้ง 4 เดือนกว่าจะรู้ว่าเขาจะใช้เวทมนตร์ทางบัญชีอะไรอีกมั๊ย
ศึกษาเวทมนตร์ทางบัญชีของ PACE ภาค 2
https://pantip.com/topic/36801003
https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=15233173731081&sequence=2018033186
จากการขายโรงแรมและจจุดชมวิวของ PACE นี่คนทำบัญชีพยายามทำให้เข้าใจยาก
ต้องนั่งแคะหน่อยครับ ขอบอกว่าทั้งหมดเป็นประมาณการนะครับ อย่างมูลค่าโรงแรมและจุดชมวิวนี่ยกมาจาก ทรัพย์สินไม่หมุนเวียนมาเลย. อาจคลาดเคลื่อนได้ถ้าเขามีทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นที่ไม่ได้ขาย (อันที่จริงคนทำบัญชีเขาต้องแจงให้เราดูนะ)
1. ขายโรงแรมของ PP1
โรงแรมมีมูลค่าตามบัญชีของ PP1 อยู่(ไม่เกิน) 4,700 ล้านบาท
ขายไป. 6,655 ล้านบาท
กำไรทางบัญชีของ PP1. 1,955. ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP1 ก่อนขายเท่ากับ-1935 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP1 หลังขายเท่ากับ -1935+1955 = 20 ล้านบาท
2.ขายจุดชมวิวของ PP3
จุดชมวิวมีมูลค่าตามบัญชี PP3 อยู่(ไม่เกิน) 7,286 ล้านบาท
ขายไป. 6,022 ล้านบาท
ขาดทุนทางบัญชีของ PP3 -1,264 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP3 ก่อนขายเท่ากับ 6,935 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ PP3 หลังขายเท่ากับ 6935-1264 = 5,671 ล้านบาท
3. ซื้อหุ้น PP1 คืน 49%. และ PP3 48.72%
ส่วนของผู้ถือหุ้น (book value) ของ PP1 = 20 ล้านบาท
49% คิดเป็น 9.8 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น (book value) ของ PP3 = 5,671 ล้านบาท
48.72% คิดเป็น 2,762 ล้านบาท
รวมมูลค่ายุติธรรมของสิ่งที่ซื้อ = 9.8+2762= 2771.8 ล้านบาท
ซื้อจริง. 10,000 ล้านบาท
ขาดทุนจากการซื้อ 2771.8-10000= 7,228.2 ล้านบาท
กำไรจากค่าก่อให้เกิดรายการ. 1,200 ล้านบาท
PACE ขาดทุนจากรายการนี้ 6,028.2 ล้านบาท
นี่คิดเฉพาะหุ้น ส่วนที่ซื้อกลับมา
อันที่จริงน่าจะขาดทุนมากกว่านี้เกือบเท่าตัวถ้าคิดส่วนที่ถืออยู่เดิม 51% เอาราคาbook valueเป็นราคาทุนแล้วลงบัญชีจากเดิมบริษัทร่วม มาเป็นบริษัทย่อย
ได้เงินมาหมุนก็จริงแต่งบไตรมาส 2 น่าจะเน่าสุดๆ ต้องรออีกตั้ง 4 เดือนกว่าจะรู้ว่าเขาจะใช้เวทมนตร์ทางบัญชีอะไรอีกมั๊ย