วันนี้หาเรื่อง(มาฝาก) อีกแล้ว
พอดี นั่งอ่านอะไรไปเรื่อย แล้วเจอข่าว ผช ผิวสีสองคน ถูก ตร. จับที่ Starbucks แห่งหนึ่ง ที่ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา
แรก ๆ อ่าน ข่าวบอก ชายผิวสีสองคน ถูกจับ เพราะเข้าไปนั่งรอเพื่อน แล้วไม่สั่งอะไร
ไอ้เราก็สงสัย มันแปลก ๆ นะ มีด้วยเหรอ ไม่สั่งอะไร แล้วถูกแจ้ง ตร มาจับเนีย ประหลาดไปทุกที 555
เลยไปหาอ่านเพิ่มเติม....เลยรู้เพิ่มเติมว่า ชายสองคนนี้ถูกจับข้อหา trespassing (บุกรุกสถานที่)
เอ้า ยังไม่เคลียร์ มันจะเป็น บุกรุกได้ไงหว่า เลยหาอ่านอีก เลยได้เพิ่มเติมว่า
ชายคนหนึ่ง (หรือทั้งสองคน) ได้ไปขอใช้ห้องน้ำของสตาร์บั๊ค
แต่ถูกปฏิเสธจาก พนง. หลังจากนั้น ไม่นาน ก็มี ตร. ห้าหกนาย เข้ามาที่ร้าน
บอกให้ ชายทั้งสองคน ออกจากร้าน แต่ชายทั้งสองบอกว่า นั่งรอเจอคน ๆ หนึ่งอยู่
แต่ ตร. ยืนยันให้ ชายทั้งสองคนออกจากร้าน...ประจวบกับ คนที่พวกเขานัดไว้ เดินเข้ามาพอดี
คนมาใหม่ก็บอกว่า นัดชายสองคนนี้ไว้ พวกเขาทำอะไรผิดเหรอ ทำไมถึงจับ ฯลฯ
สรุป...ตร. ควบคุม ชายสองคนนี้ไป พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป...แต่สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป
(เพราะมันไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องข้อหาอะไร)
ทางสตาร์บัคก็ออกมาแถลงการณ์ ขอโทษ ชายทั้งสองคน
พร้อมทั้งบอกว่าจะพิจารณานโยบายของบริษัทอีกที!!!
ปกติเราไม่เคยเข้าไปนั่งแช่ แชทอะไรในสตาร์บัค คือ เข้าไปซื้ออย่างเดียว ไม่นั่งแช่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยกเว้นถ้าเป็นคาเฟ่ในแคมปัส...อันนั้นก็นะ ไม่มีห้องน้ำไง ฮ่ะๆ
เลยไม่รู้ว่า เขามีนโยบาย
ต้องสั่งอาหาร/เครื่องดื่มก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ใช้ห้องน้ำ!! 
เหตุการณ์ครั้งนี้ หลายคนมองว่า เป็นเพราะ ชายทั้งสองคน เป็นคนผิวสี เลยถูก treat แบบนี้
บางคนก็แชร์ประสบการณ์ตัวเองว่า เคยนั่งแช่นาน ๆ ไม่เห็นถูกเชิญให้ออกจากร้านเลยนี้!!!
แต่ ชายสองคนนี้ เขาไปขอใช้ห้องน้ำ..แล้วพอดี ในข่าวมีบอกว่า เพราะที่สตาร์บัคอีกที่ เพิ่งถูกปล้น
ก็ไม่แน่ใจว่า พนง. คนที่โทรแจ้ง ตร. เขาคิดอะไรอยู่ เหอๆ
The company leaves safety and customer service protocol decisions up to store managers, the official said.
They may leave restroom doors
unlocked or add key code entries if they feel the store is more at risk for criminal behavior.
A store in the same area of Philadelphia experienced an armed robbery recently, the official said.
ใครอยากดูคลิป คลิกไปดูที่ลิงค์ต้นข่าวได้
https://wapo.st/2vfUkuv 
อยู่ยากขึ้นทุกที จะเข้าห้องน้ำ Starbucks ต้องสั่งอะไรก่อนนะ ไม่งั้นอาจจะถูกจับได้ (เหตุเกิดที่เมกา)
พอดี นั่งอ่านอะไรไปเรื่อย แล้วเจอข่าว ผช ผิวสีสองคน ถูก ตร. จับที่ Starbucks แห่งหนึ่ง ที่ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา
แรก ๆ อ่าน ข่าวบอก ชายผิวสีสองคน ถูกจับ เพราะเข้าไปนั่งรอเพื่อน แล้วไม่สั่งอะไร
ไอ้เราก็สงสัย มันแปลก ๆ นะ มีด้วยเหรอ ไม่สั่งอะไร แล้วถูกแจ้ง ตร มาจับเนีย ประหลาดไปทุกที 555
เลยไปหาอ่านเพิ่มเติม....เลยรู้เพิ่มเติมว่า ชายสองคนนี้ถูกจับข้อหา trespassing (บุกรุกสถานที่)
เอ้า ยังไม่เคลียร์ มันจะเป็น บุกรุกได้ไงหว่า เลยหาอ่านอีก เลยได้เพิ่มเติมว่า
ชายคนหนึ่ง (หรือทั้งสองคน) ได้ไปขอใช้ห้องน้ำของสตาร์บั๊ค
แต่ถูกปฏิเสธจาก พนง. หลังจากนั้น ไม่นาน ก็มี ตร. ห้าหกนาย เข้ามาที่ร้าน
บอกให้ ชายทั้งสองคน ออกจากร้าน แต่ชายทั้งสองบอกว่า นั่งรอเจอคน ๆ หนึ่งอยู่
แต่ ตร. ยืนยันให้ ชายทั้งสองคนออกจากร้าน...ประจวบกับ คนที่พวกเขานัดไว้ เดินเข้ามาพอดี
คนมาใหม่ก็บอกว่า นัดชายสองคนนี้ไว้ พวกเขาทำอะไรผิดเหรอ ทำไมถึงจับ ฯลฯ
สรุป...ตร. ควบคุม ชายสองคนนี้ไป พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป...แต่สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป
(เพราะมันไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องข้อหาอะไร)
ทางสตาร์บัคก็ออกมาแถลงการณ์ ขอโทษ ชายทั้งสองคน
พร้อมทั้งบอกว่าจะพิจารณานโยบายของบริษัทอีกที!!!
ปกติเราไม่เคยเข้าไปนั่งแช่ แชทอะไรในสตาร์บัค คือ เข้าไปซื้ออย่างเดียว ไม่นั่งแช่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลยไม่รู้ว่า เขามีนโยบาย ต้องสั่งอาหาร/เครื่องดื่มก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ใช้ห้องน้ำ!!
เหตุการณ์ครั้งนี้ หลายคนมองว่า เป็นเพราะ ชายทั้งสองคน เป็นคนผิวสี เลยถูก treat แบบนี้
บางคนก็แชร์ประสบการณ์ตัวเองว่า เคยนั่งแช่นาน ๆ ไม่เห็นถูกเชิญให้ออกจากร้านเลยนี้!!!
แต่ ชายสองคนนี้ เขาไปขอใช้ห้องน้ำ..แล้วพอดี ในข่าวมีบอกว่า เพราะที่สตาร์บัคอีกที่ เพิ่งถูกปล้น
ก็ไม่แน่ใจว่า พนง. คนที่โทรแจ้ง ตร. เขาคิดอะไรอยู่ เหอๆ
The company leaves safety and customer service protocol decisions up to store managers, the official said.
They may leave restroom doors unlocked or add key code entries if they feel the store is more at risk for criminal behavior.
A store in the same area of Philadelphia experienced an armed robbery recently, the official said.
ใครอยากดูคลิป คลิกไปดูที่ลิงค์ต้นข่าวได้ https://wapo.st/2vfUkuv