ผมเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบการดูหนังเป็นอย่างมากครับและเป็นโรคที่ว่าถ้าชอบหนังเรื่องไหนมากๆแล้วอยากแชร์ให้คนอื่นได้ลองดูหนังเรื่องนั้นนั้นด้วย วันนี้จึงอยากลองทำอะไรสักอย่างเพื่อสนองความต้องการส่วนตัวดูครับ ด้วยการ"รีวิวหนัง 100 เรื่องในเวลา 100วัน"ครับ (ไม่รู้ว่าจะทำได้ทุกวันไหมครับแต่จะพยายามทำให้ได้) จะริวิวหนังโดยไม่จำกัดประเภทหรือความเก่าใหม่ของหนังทั้งสิ้นครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้เป็นนักรีวิวมืออาชีพน่ะครับ ทุกอย่างที่เขียนเป็นความคิดเห็นส่วนตัวถ้าผิดพลาดประการใดต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยครับ


รีวิวเรื่องที่ 1/100

Miss Little Sunshine เป็นหนังอีกเรื่องที่การันตีด้วยการเข้าชิงOSCAR หลายสาขาและได้รางวัล "Best Writing, Original Screenplay"อีกด้วยในปี 2007 ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังOSCAR ที่คนดูสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายครับเพราะเนื้อหาที่เป็นเรื่องใกล้ตัวของคนเราทุกคนซึ่งก็คือ "ครอบครัว" เนื้อเรื่องหนังเกี่ยวกับครอบครัวHooverซึ่งเป็นครอบครัวที่แสนธรรมดาครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย ตัวเด่นของเรื่อง Olive สาวน้อยผู้ตั้งมั่นใฝ่ฝันที่จะเป็นนางงาม, Richard ผู้นำครอบครัวที่เชื่อมั่นในทฤษฎีของการเป็นผู้ชนะ ทั้งๆที่ตนไม่เคยเป็นผู้ชนะเลยในชีวิตจริง, Sheryl แม่ผู้ที่ผู้พยายามจะทำทุกทางให้ครอบครัวเป็นปกติและราบรื่นที่สุด, Dwayne พี่ชายผู้มุ่งมั่นต่อการเป็นนักบิน ผู้สาบานกับตัวเองว่าจะไม่พูดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย, Frank ลุงผู้เป็นเกย์ที่พยายามฆ่าตัวตายเพราะปัญหาชีวิตที่ประสบเจอ และท้ายที่สุดคุณปู่ที่ชอบพูดจาขวานผ่าซาก, เล่นโคเคน อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกสอน Olive ในการประกวดนางงาม

เนื้อเรื่องของหนังเริ่มต้นด้วยการที่ Olive ที่ได้ที่ 2 ในการประกวดนางงามรุ่นเยาว์ได้โอกาสที่จะเป็นตัวแทนภูมิภาคเพราะที่ 1 โดนปรับแพ้เนื่องจากใช้ยาลดความอ้วน ส่งผลให้สมาชิกทุกคนต้องร่วมเดินทางไปส่ง Olive เพื่อประกวด Miss Little Sunshine รอบสุดท้าย ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบหนังประเภท Journey เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยทำให้อินกับหนังเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะกว่า 50% ของเรื่องเลยก็ว่าได้ที่ตัวละครอยู่บนรถขณะเดินทางไปงานประกวดด้วยรถตู้ volkswagen สีเหลืองสุดคลาสสิก

หนังเริ่มเรื่องด้วยความเรียบง่ายด้วยบทสนทนาภายในโต๊ะอาหารให้เราค่อยๆรู้จักตัวละครว่ามีที่มาที่ไปยังไงเป็นคนแบบไหน ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ครอบครัวส่วนมากจะพูดคุยกันระหว่างกินข้าวเพื่ออับเดตสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละคน จึงทำให้ไม่ดูเป็นการยัดเยียดข้อมูลตัวละครให้คนดูโดยไม่เป็นธรรมชาติมากจนเกินไป กลางเรื่องหนังค่อยๆใส่ปัญหาระหว่างการเดินทางทำให้เราได้เห็นมิติต่างๆของตัวละครมากขึ้นทั้งความไม่สมบูรณ์แบบในแต่ละคนและความขัดแย้งระหว่างตัวละคร โดยในที่สุดช่วงสุดท้ายตัวละครทุกตัวต่างยอมรับความเป็นจริงและทิ้งปัญหาของตนเองไว้เบื้องหลังเพื่อการประกวด Little Miss Sunshine ของOlive ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้ ต้องยอมรับครับว่าช่วงท้ายเรื่องผมเริ่มอินและเอาใจช่วยครอบครัว Hoover อย่างมากเพราะผมผูกพันธ์กับตัวละครและอยากให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นกับครอบครัวที่เต็มไปด้วยปัญหาและความผิดหวังตลอดทั้งเรื่อง

ความดีงามหนังเรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้ผู้กำกับ Jonathan Daytonและ Valerie Faris ซึ่งทำการกระจายบทให้แต่ละตัวละครได้อย่างลงตัวไม่มากไม่น้อยจนเกินไป หนังดำเนินเรื่องได้เพลินมากทั้งการตัดต่อทางด้านภาพและเนื้อหา เพลงประกอบที่ใช้ก็ค่อนข้างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังทำออกมาให้เราเชื่อได้จริงๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว เพราะมนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบในตนเองและต้องการครอบครัวมาช่วยเติมเต็มและเป็นกำลังใจให้ก้าวต่อไปข้างหน้า

รีวิวตัวละครตามความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ
    
Olive Hoover (Abigail Breslin) สาวน้อยคนนี้แสดงออกมาได้น่ารักน่าเอ็นดูมากครับท่ามกลางปัญหาทุกอย่าง รอยยิ้มของเธอสามารถเป็นแรงผลักดันให้ตัวละครอื่นได้เป็นอย่างดีครับ อีกทั้งตัวนักแสดงได้รับการเข้าชิง OSCAR สาขาดาราสมบทหญิงยอดเยี่ยมด้วยครับ

Richard Hoover (Greg Kinnear) บทนี้สำหรับ Greg Kinnear ไม่ได้แปลกตามากสักเท่าไหร่ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ และบทของตัวละครค่อนข้างเด่นมากครับ

Sheryl Hoover (Toni Collette) นักแสดงสามารถแสดงได้ตามมาตรฐานครับไม่มากไม่น้อยจนเกินไปลงตัวมากจริงๆกับบทนี้

Frank Ginsberg (Steve Carell) ผมชอบ Steve เป็นการส่วนตัวอยู่แล้วจากหนัง Comedy หลายๆเรื่องของพี่แก แต่พอมาเรื่องนี้เหมือนเป็นบทที่พลิกไปมากพอสมควร เพราะเขาต้องเล่นเป็นคนที่เคยคิดฆ่าตัวตายและแบกความทุกข์ทั้งหมดไว้กับตัวเอง ถือว่าพี่แกเล่นได้ดีมากทีเดียวครับ

Dwayne Hoover (Paul Dano) ผมรู้สึกชอบการแสดงของ Paul ในเรื่องนี้มากเพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นคนเก็บกดเพราะกดดันตัวเองเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งบทของตัวละครนี้ค่อนยากเพราะเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทพูด สื่อสารอารมณ์ผ่านหน้าตาเป็นส่วนมาก

Grandpa Edwin Hoover (Alan Arkin) เป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับตัวหนังเป็นอย่างมากครับด้วยความพูดจาตรงๆประสาคนแก่เพราะแกคิดว่าแก่แล้วทำอะไรก็ได้ อีกทั้ง Alan Arkin ยังได้ชนะรางวัลนักแสดงสมทบชายจาก OSCAR เพราะเรื่องนี้อีกด้วย