ผม และกรรมของเขา ตอน ผม... คนที่ยืนอยู่บนความไม่รู้

ใกล้จะสงกรานต์แล้วนะครับ ปี พ.ศ. 2561 ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนา ประเทศไทย คนไทย ให้พบแต่ความดีและความสุขตลอดไปนะครับ

ตอนที่แล้ว ผมกลับมาจากวัดอัมพวันใช่มั้ยครับ? มาต่อกันดีกว่าเนาะ

ผมกลับมาจากวัดแล้ว ผมมีความสุขนะ เหมือนกับว่า ผมได้เอาชนะตัวเองได้ส่วนนึง ตอนอยู่ที่วัด มีเสียงบอกให้ผมละทิ้งความตั้งใจ และการบีบคั้นทางร่างกายให้ได้รับความทุกข์ ความเจ็บปวดต่างๆ นานา ความสับสนในใจของผม เกี่ยวกับตัวเอง ผมเป็นอะไร ทำไมจึงเห็นอะไรแปลกๆ ทำไมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ทำไมผมต้องมาประสบชะตากรรมแบบนี้ ชีวิตปกติของผมมันหายไป ผมได้แต่ทบทวนตัวเอง และพยายามหาคำตอบที่สมควรแก่เหตุให้แก่ตัวเอง

ไอ้คำว่าที่ "ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ผมถามตัวเองคิดว่า น่าจะมากกว่า ล้านรอบ ทำไมต้องเป็นผมด้วย การคิดแบบนี้ มันเป็นคำถามโลกแตก ไม่มีใครตอบผมได้เลย หรือ เขาตอบได้ ผมก็พิสูจน์ความเป็นจริงไม่ได้ ไปถามคนทรง เขาก็ตอบมา แต่ใจผมมันไม่เชื่อ ไปถามพระ ใจผมก็ยังไม่ปลงใจ ผมไปถามคนนั้น คนนี้ ที่เขาว่า เก่ง และรู้ สุดท้าย ผมก็ได้คำตอบครับ ว่า "ใจผมไม่ปลงใจให้ใครสักคนเลย" ภาพความทรงจำอันเลวร้ายต่างๆ ผุดขึ้นราวกับน้ำพุ เป็นภาพฉายสไลค์ เร็ว ๆ ให้ผมดู ภาพที่ผมถูกหลอก ผมคนทรงที่มาทำร้ายผม โดยการส่งผี หรือ การเล่นคุณไสยใส่ผม ภาพผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมที่เอาเปรียบ ผมทรมานใจเมื่อเห็นภาพพวกนี้ แล้วมันก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ ว่าผมไม่ยินดีที่เป็นคนโง่ให้คนอื่นหลอกอีกต่อไปแล้ว

ผมเป็นคนบ้าคนนึงเลยนะครับ 5555555555555 เพราะผมเลือกที่จะจุดธูป 108 ดอก กลางแจ้ง อธิษฐานว่า

"ต่อไปนี้ กู ...จะไม่ยอมเชื่อใครง่ายๆ อีกต่อไป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ผีห่าซาตานที่ใด ที่กูเคยมีกรรมต่อกัน ที่จะมาหลอก มาเล่นกับความศรัทธาของกู ให้หลงจมอยู่ในความโง่ ความไม่รู้ ความหลงผิดต่างๆ จงยิ้มไป กูคนนี้ ขอเป็นผู้ รู้แจ้งเห็นจริง ทุกสิ่งด้วยตัวของกูเองเท่านั้น กรรมอันใดที่เคยล่วงต่อกันในภพชาติใด ขออโหสิกรรมต่อทุกดวงจิต ทุกผู้ทุกนาม ขอกราบแทบเท้าต่อทุกดวงจิตที่เลยมีกรรมต่อกันมา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและกรรมใดที่ใครทำแก่กู กูขออโหสิกรรมด้วยทั้งสิ้นยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทานทั้งหมด จงหลุดขาดจากกันแต่วันนี้ นาทีนี้ บัดเดียวนี้ ต่อแต่นี้ ชีวิตกู กูถวายพระเท่านั้น ..."

ผมเป็นคนจริงจัง ในตอนนั้นจำได้ว่า พูดไปด้วยความตั้งใจมาก คิดอยู่อย่างเดียว ขอให้มันรู้กันถ้วนทั่วจักรวาล อนันตจักรวาล สุดรอบสุดขอบกันไป นาทีนั้น ผมเกลียดตัวเองที่โง่เสียเหลือเกิน โง่จมอยู่ในความหลงผิด เชื่ออะไรที่ผิด ชีวิตที่เจอแต่พวกร่างทรงองค์เทพ (ซึ่งหาของจริงได้น้อยมาก) เดินไปไหนแทบจะชนกันตาย อันนี้ไม่ได้จะว่าใครนะครับ เล่าในเหตุที่ผมได้เจอ ผมเบื่อมาก มันมาถึงจะเปลี่ยนในชีวิต คุณลองสังเกตุดูว่า ถ้าคุณคิดว่า ตัวเองเป็นสายเทพแล้วละก็ คุณก็จะเจอพวกสายเทพตลอดเวลา แล้วสายเทพพวกนี้ ก็จะมีแต่องค์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่มีใครยอมเป็นเทพองค์เล็กหรอกครับ ชื่อเทพก็จะซ้ำๆกันหมด สายเดียวกันหมด วันนั้น ผมเป็นบ้าไปแล้ว อยากจะออกจากวนเวียนอะไรสักอย่าง ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งๆที่ก็ไม่รู้เลยว่า ตัวเองนั้นยืนอยู่บนเส้นทางไหน หนทางอะไร รู้แต่ว่า บ้าแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย

แล้วคนอย่างผมเนี่ย เขาก็ไม่ให้รอช้า ...เขาต้องพิสูจน์คำพูดของตัวเอง ว่าแน่จริงดังปากรึปล่าว?555555555555555 คิดจะออกจากสายนี้ ไปสู่สายพระ (ซึ่งใครเจอมาแบบไหน ไม่รู้นะ) แต่สำหรับผม สาหัสระดับท้าให้ตายซ้ำๆ เรื่องที่ผมจำได้แม่น คือ หลังจากวันที่จุดธูป 108 ดอก ปลดตัวเองออกจากวงเวียนนั้นแล้ว อีก 2 วันต่อมา ผมมีอาการอ้วกไม่หยุด อ้วกอีกแล้ว อ้วกจนเส้นประสาทของผมแทบพัง เพราะตานี่ ไม่ประสานกันตามปกติ เดินไม่ได้แบบโรคบ้านหมุน สายตาไปสามารถโฟกัสพื้นในการเดินได้แล้ว แต่ผมต้องไปสถาบัน เพื่อไปทำอะไรสักอย่าง เพื่อนผมมาหา ผมไม่ได้บอกเพื่อนว่าผมเป็นอะไร เพื่อนทักผม ว่า ผมดูเขียวไปทั้งตัว และจะพาผมไปหาหมอให้หมอที่คลินิคตรวจเสียหน่อย หลังจากที่ ไปสถาบันแล้ว ผมจำต้องเดินออกจากห้อง กลั้นใจเดินแบบบ้านหมุนออกไป เดินดมยาไปตลอดเส้นทาง เพื่อทำธุระการเรียน ยอมรับกับตัวเองว่า ผมทำกรรมมาหนักเหลือเกิน เรื่องของ การทำร้ายคนหรือสัตว์ก็ตาม

เพราะนาทีนั้น มันคือการใช้กรรมชัดๆ ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ผมคิดแบบนั้นนะ การเดินบนพื้นโดยที่ตาไม่สามารถโฟกัสพื้นที่ตัวเองจะเหยียบได้ อาการบ้านหมุนมันโคตรจะทรมานและก็จะอ้วกตลอดเวลานั้น สุดๆไปเลยครับ และยังต้องเดินไปตามถนนที่ขรุขระ คนเยอะ ที่พร้อมจะชนคุณล้มได้ ตลอดทั้งรถก็มากเหลือเกิน ตอนนั้น ผมรู้แล้วว่าตัวเองใช้กรรมอยู่ นาทีนั้นล่ะครับ ที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะของใครก็ไม่ทราบ เป็นเสียงที่มีพลังทีเดียว เขาหัวเราะเยาะผม และก็พูดว่า
"เป็นงัย ทรมานมากใช่มั้ย?"  "กล้ามากที่ท้าทายเส้นทางนี้" "กูจะคอยดู ว่าจะเก่งอย่างที่ปากว่ารึปล่าว?"

ผมไม่ได้กลัวแล้วครับ (คุณทราบรึปล่าว? ว่า ตามปกติแล้ว ผมเป้นคนขี้กลัวมากๆเลยนะครับ ) หลังจากที่ผมเป็นบ้า (555555555555) ผมไม่ค่อยกลัวอะไรพวกนี้นะ เหมือนกับว่า ตัวเองหมดเส้นทางจะถอย จะหนี ไปทางไหน ? ผมก็โดนอยู่ดี และก็โดนอย่างสาหัสด้วย ผมไม่เหลืออะไรจะเสียแล้วครับ นาทีนั้น ผมบ้าแล้ว พร้อมๆกับคิดว่า "คอยดู คนอย่างกูนี่แหละ จะไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่มองไม่เห็นอีกต่อไป ผีห่าซาตานที่ไหนก็ต้องก้มหัวให้คนอย่างกูทั้งนั้น"
ผมตัดสินใจพร้อมตายในนาทีนั้น ทุกอย่างก้าวที่ทรมานเหลือเกิน แปลกที่ผมไม่คิดจะทิ้งตัวเองให้นอนบนพื้นถนน หรือบอกใครว่า ผมไม่ไหวแล้ว ไม่มีออกจากปากผมจะครับ มีแต่สายตาคนที่มองผม ด้วยความคิดที่ว่า ทำไมผมตัวเป็นสีเขียวขนาดนี้ ...

เพื่อนที่มาด้วย ตอนแรกผมก็อยากจะโกรธมันเหลือเกินว่า มันไม่ใส่ใจผมเลย แต่ใจขณะที่เดินไป ตัวผมเองปลงตกได้ว่า นี่กรรมของผม ผมเลิกเอง ใครที่ไหนเขาจะมารับรู้ มาเข้าใจผม ไม่มีหรอก แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเดือดร้อนเพราะคนอื่น ทุกคนย่อมรักตัวเองเป็นที่สุด และถ้าหากว่า เขาใส่ใจผมจริง เกิดไอ้ผีที่มันตามทำร้ายผม หรือเทพที่อยากจะพิสูจน์ผม ไปเล่นงานเพื่อนผมให้เขาได้รับอันตราย ผมจะช่วยใครได้ และผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปบอกพ่อแม่เขา ผมช่วยใครไม่ได้ แต่จะไม่เอาใครมาเดือดร้อนกับผมด้วยเด็ดขาด (ความคิดของคนบ้านะครับ)  จนต้องนั่งรอทำธุระ จากตัวที่ร้อนไปเป็นไฟ มีไข้ขึ้นสูง ผมนั่งรอไป ก็เริ่มหายใจไม่ออกแล้วครับ ผมหายใจทางปากเป็นการช่วยชีวิตตัวเองแบบสิ้นคิดจริงๆ เมื่อไม่ให้กูหายใจทางจมูก ก็หายใจทางปาก ซึ่งคนมองมาเหมือนผมกำลัง หอบหายใจแล้วล่ะ

ผมบอกลา ครอบครัวในใจ กราบพระในใจ ทำไปทุกอย่าง แม้กระทั่งอโหสิกรรมต่อทุกดวงจิต ใครไม่รู้ล่ะ ผมบอกหมด และเสียงของผมถ้าตั้งใจทำ มันต้องสะเทือนไปทั้ง ไตรภพ (555555555555 สงสัยจะดูหนังจีนมากไปนิด) ความทรมานมันบีบคั้นให้ผมได้ยินเสียงบอกว่า ให้ยอมแพ้ซะ กลับคำเสีย ยอมเสียแล้วจะไม่เจ็บตัวแบบนี้

นี่เรากำลังจะตาย ยอมแพ้เสีย ยอมซะนะ สารพัดถ้อยคำที่ผมได้ยินผ่านมาทางความคิด มีแต่ความอ่อนแอ ผมคิดสวนไปแบบนั้น กูยอมตายโว้ย ตายอย่างสมศักดิ์ศรี ชาตินี้ เอาชีวิตกูไปได้ แต่ชาติหน้ากูจะเป็นเจ้าชีวิตตัวเอง และไม่ใช่เจ้าของชีวิตกู ความตายไม่มีความหมายในใจกู ผมตะโกนไปในความคิด

คุณลองคิดภาพ คนกำลังถูกทรมานให้เจ็บปวดอย่างสาหัส ทุรนทุรายจนใกล้จะตายแล้ว แต่กลับไม่ยอมแพ้ เพราะเป็นบ้า ซิครับ 55555555555 นั่นแหละผมเลย แบบที่สุดแล้ว คนถูกทรมานแทนที่จะร้องขอชีวิต กลับหัวเราะถ่มยิ้มใส่ศัตรู หัวใจของผม ลั่นเสียงดังเป็นกลองรับเลย และก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ ตัวที่เคยร้อนกลับเย็นเฉียบ ในตัวกำลังจะหมดสติแล้วครับ ผมรู้ตัวตลอด ผมกราบพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้ายในความคิด กราบพระพร้อมจะตาย มันร้อนไปหมด ร้อนจนแทบจะหมอดไหม้ลงไป แต่ผมไม่กล้าล้มตัวลงบนพื้นนะ หยิ่งในศักดิ์ศรี ได้แต่นั่งพิงฝาผนัง ผมสังเกตุเห็นว่าตัวเอง เหงื่อออกมา เริ่มไหลทีละน้อย และก็เริ่มไหลออกมาเป็นน้ำ ไหลขนาดที่ว่า เหงื่อไหลลองไปนองบนพื้น ผมเปียกไปทั้งตัว เหงื่อเม็ดใหญ่มากๆเลยคับ สัก 30 นาทีละมั้งที่ผมนั่งรอเพื่อนทำธุระ จนเพื่อนผมเดินมา

แปลกมาก เพราะในจังหวะนั้น ผมเหมือนเป็นผู้ชนะ ต่อชะตากรรมที่เกิดขึ้น ผมดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ ดวงตาที่ไม่สามารถปรับโฟกัสพื่นเดินได้ ก็ปรับสภาพเป็นปกติ ตัวเบา ไม่มีไข้ สังเกตุดูบนพื้นที่นั่ง เต็มไปด้วยเหงื่อของผม มือที่เขียวซีด ก็เริ่มกลับคืนสภาพเป็นสีเหลืองๆ (เหมือนซีดๆ) ไม่ค่อยเขียวช้ำแล้ว ผมลุกขึ้นยืนอย่างระวัง แมทซ์นี้ ผมชนะครับ และที่สำคัญ ผมยังไม่ตาย เพื่อนออก งงๆ ที่ผมไม่ได้เขียวอย่างที่เห็นที่ห้องก่อนมาสถาบัน แต่เพื่อนชวนนั่งแท็กซี่ไปหาหมอ ผมได้แต่หัวเราะในใจว่า ทำไมมาเรียกรถเอาตอนกูดีขึ้นวะ?  

ไปถึงคลินิค ผู้ช่วยหมอ ก็วัดความดัน และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ  จนต้องเรียกหาหมอมาวัดให้เอง เพราะวัดถึง 3 ครั้ง ไม่สามารถพบการเต้นของหัวใจผมสักครั้งเดียว หมอเองถึงกับถามว่า ่ผมใส่พระอะไรมา ผมหัวเราะแบบมึนๆ (กูจะตายอยู่แล้ว อย่าเล่นมุกเลยคร้าบ หมอ) ผมสังเกตุว่า คงไม่ได้เล่นมุกมั้ง ?? เขาไม่ได้ยินเสียงหัวใจผมจริงๆล่ะ ผมก็เลย ขอตัวไปห้องน้ำแปร๊บนึง เพื่อล้างหน้าและตบตัวเอง ครับ ??? ตบตัวเอง ถ้าตบหมอ หรือ ผู้ช่วยหมอ ผมคงโดนเข็มฉีดควาย ฆ่าตายแน่ 5555555555 ผมกลัวเหลือเกินว่า ผมตายแล้ว ไม่ได้กลัวว่า ตายไปแล้วนะครับ

แต่กลัวว่า ตายแล้ว แต่วิญญาณยังติดในภพภูมิไหน ทำไมไม่มียมฑูตมาพาตัวไป ทำไมยังอยู่ในภพมนุษย์อีก ปรากฏว่า เจ็บครับ เจ็บแปลว่า เรายังไม่ตายนี่หว่า เอาใหม่ๆ ลองซ้ำๆ อยู่หลายที ก็พบว่า ยังไม่ตาย เลยยกมือบอกพระ ผมขอให้พระคุ้มครอง ชีวิตนี้มอบให้พระเท่านั้นครับ ผมเดินกลับบมาหาหมออีกคร้ง เพื่อที่จะตรวจวัดหัวใจ ตอนนี้ หมอพบการเต้นของหัวใจผมแล้วครับ (ดีใจ) และให้เกลือแร่ผมทันที ต้องนอนให้น้ำเกลือนั่นแหละครับ แต่ร่างกายอ่อนเพลียมาก  อย่างอื่นไม่มีอะไรผิดปกติ ผมได้แต่นอนสงสัยตัวเองอยู่อย่างนั้น คุยกะเพื่อนก็ไม่ได้คุยอะไรมาก จนกลับมาที่ห้อง

ผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรในหัวอีก  ผมทบทวนเรื่องราวของตัวเองทีเ่กิดขึ้นซ้ำๆ เดิมๆ ก็ไม่พบคำตอบ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ผีหรือวิญญาณร้าย หรือเทพลองของ หรือ กรรมเข้า มันบอกไม่ได้เลย โดนของ โดนอะไร ก็ไม่รู้ได้ รู้แต่ผมยังไม่ตาย และผมจะไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชคชะตาอีกต่อไป

ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาสิงร่าง ไม่ยอมให้ผีห่าซาตานที่ไหน มีชักนำให้ผมคิดผิด ทำผิด พูดผิดไปได้ ไม่ยอมให้เทพชั้นไหนที่ไม่ได้ทราบแน่ชัดมาอาศัยร่างทำอะไรที่ผมไม่ทราบ ไม่รู้ มาหลอกให้คนเชื่อถือว่า เก่ง ว่าดี ว่าแน่ ไม่เอาแล้วครับ

ความคิดผมเปลี่ยนไป ตรงที่ จะไม่ยอมแพ้ ต่อเส้นทางเดินอันเลวร้าย ต่อให้ชีวิตต้องเผชิญอะไร ผมจะสู้ ตัวผมเองมีแค่ชีวิตเดีย ถ้าต้องเสียไป ก็เสียไปเถอะ แต่ผมถือว่า ผมตายในศักดิ์ศรี ตายอย่างคนหยิ่งทะนงต่อความกล้าหาญ 555555555555555 ลูกบ้า ของคนที่หลังชนฝาแล้ว มันเป้ฯแบบนี้ล่ะครับ

น้ำตาที่เสียไป ต้องไม่เสียเปล่า ไม่ใช่นอนกองบนน้ำตา ความโศกเศร้าอีกต่อไป การต่อสู้เพื่ออิสรภาพในการมีเสรีของผม เริ่มขึ้นจากวันนั้น
การยืนอยู่บนความไม่รู้ ไม่มีหลักในการยึดของพระพุทธศาสนา ทำให้ชีวิตของผม มันเคว้งคว้างเหลือเกิน วันนี้ ผมไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ยอมแพ้ต่อสิ่งที่มองไม่เห็นอีกต่อไปแล้วนะครับ ผมบอกตัวเองว่า ชีวิตนี้ กูเกิดมาเพื่อไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมใดๆ กูผู้ไม่แพ้....

ผมเขียนเรื่องนี้ หลังจากที่หายไปนาน เพราะผมอยากให้คุณเห็นถึง ความยากในการใช้ชีวิตของผม ยากมั้ยครับ ยากตรงที่ แม้จะมีชีวิตก็เหมือนไม่ใช่ของตัวเอง เด๋วโดนคุณไสย มนต์ดำ เด๋วโดนคนทรงเล่นงาน เด๋วโดนผีสิง เด๋วโดนอะไรที่มองไม่เห็นเล่นงาน ไม่ใช่คนนะครับ ถ้าเป็นคนเรายังตามไปแก้แค้นมันได้ที่บ้าน หรือหาคนทางหลบได้ แต่นี่ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่คน

ผมไม่ได้บอกนะ ว่า ผมเก่ง หรืออะไร ไม่เอานะครับ พวกอะไรที่วิเศษไปกว่า พระพุทธศาสนา สิ่งทีผมเชื่อว่า ผมมี  มีแค่สิ่งเดียวครับ คือ "พระพุทธเจ้า" นอกนั้น ผมไม่มี และไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีใครเลยที่จะมาช่วยเหลือผม ไม่มี ...........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่