ประกาศที่ ๔๘ พ.ศ. ๒๔๐๑
๑๖๓. ประกาศแผ่พระราชกุศลให้พระบรมวงศานุวงศ์
แลข้าทูลละออง ฯ ให้ช่วยปลูกสร้างวัดพระปฐมเจดีย์
คัดจากหมายรับสั่ง
(ณ วันจันทร์ เดือน ๓ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก)
ด้วยเจ้าพระยาวิวงศมหาโกษาธิบดีฯ รับพระบรมราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า พระปฐมเจดีย์ที่มีอยู่ในแขวงเมืองนครไชยศรี เป็นพระมหาเจดีอันใหญ่กว่าเจดีย์ในสยามทุก ๆ แห่ง เป็นของเก่ามาช้านาน ทรงทอดพระเนตรพิเคราะห์ฝีมือทำอิฐแลก่อ เห็นเป็นของเก่าแล้วแก่เล่ามาหลายคราวแต่รูปพระสถูปเดิมนั้นก็เหมือนอย่างของเก่าแต่แรกตั้งพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป แลที่อื่น ๆ ไม่เป็นฝีมือไทยสามัญชั้นหลัง ๆ เลย แต่พระปรางค์แลบันไดนั้นเห็นเป็นฝีมือเพิ่มเข้าชั้นหลังลงมาเป็นแน่ จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า พระปฐมเจดีย์นี้จะเป็นของที่ได้มีผู้ส้รางขึ้นก่อนพระเจดีย์ทั้งปวง จึงได้ชื่อว่า พระปฐมเจดีย์ แต่ที่เรียกว่าเป็นพระปทมนั้นเป็นสำเนียงเขมร มอญ สืบได้ความในหนังสือเก่า ๆ ว่า สร้างขึ้นเมื่อพระพุทธศักราชล่วงแล้วได้พรรษา ๑ บ้าง ว่าสร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๕๙๖ พรรษาบ้าง ว่าสร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๑๓๓ บ้าง สร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๑๘๕ พรรษาบ้าง สร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๒๓๔ พรรษาบ้าง ได้ความดังนี้ จึงเห็นการจะมีผู้สร้างซ้ำทำเติมมาหลายครั้งหลายคราวแล้ว แลเป็นสถานที่ใหญ่โตกว่าที่อื่น แลคงจะมีพระบรมธาตุที่เขาบรรจุไว้เป็นแน่ไม่เป็นสิ่งที่สงสัยเลย พระปฐมเจดีย์นี้ได้มีปรากฏอยู่ก่อน พระพุทธบทแลพระฉายปัถวีหลายร้อยปี
เพราะฉะนั้นไม่ควรจะทิ้งให้รกร้างปรักหักพังยับเยินเสีย จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้ปฏิสังขรณ์แลก่อสร้างขึ้นให้สูงโตใหญ่งามดีขึ้นกว่าแต่ก่อน การที่ทำขึ้นไปได้มากอยู่แล้ว แต่บรรดาพระราชวงศานุวงศ์ผู้น้อยผู้ใหญ่ ข้าทูลละออง ฯ ทั้งปวงที่มีศรัทธาได้เข้าส่วนเป็นค่าอิฐค่าปูนในองค์พระปฐมเจดีย์บ้างตามแต่ศรัทธา บัดนี้สัปบุรุษก็ไปนมัสการแลทำบุญให้ทานมากขึ้นทุก ๆ ปี เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ประชาชนทั้งปวงอยู่แล้ว แต่พระอุโบสถพระวิหารกุฎีเสนาสนะของเก่าปรกหักพังยังหาได้กระทำไม่ จะโปรดให้ทำเป็นการในหลวงก็เห็นว่าจะช้านัก ครั้นจะจ้างเหมาผู้รับจ้างก็เป็นแต่ผู้น้อยจะว่าเกี่ยง เป็นชั้นเชิงไปต่าง ๆ เพราะไกลพระนคร จะทำแต่พอแล้วง่าย ๆ แลการก็ทำขึ้นได้ไม่ทันกัน เพราะจะหาผู้รับเหมาไปได้แต่ละพวกช้า ๆ จึงทรงพระราชดำริว่า ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมิได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ยังเป็นพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าต่างกรมอยู่ในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น เมื่อทรงสร้างวัดราชโอรสวราราม ก็ทรงบอกบุญพระราชทานเงินให้ในข้าราชการที่ชอบพอคุ้นเคย พึ่งพระเดชพระคุณอยู่หลายนาย ช่วยกันทำก็ได้แล้วโดยเร็ว เมื่อในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสร้างกุฎีวัดอรุณราชวราราม ก็ตามอย่างนั้น โปรดให้พระราชทานเงินบอกบุญขอแรงพระราชวงศ์ ข้าทูลละออง ฯ ช่วยกันทำ การครั้งนั้นก็จะประกวดประขันกันสนุกสนาน การก็แล้วโดยเร็วเป็นอย่างมาก ครั้งนี้จึงจะมีพระราชประสงค์จะให้ทำการพระอารามที่พระปฐมเจดีย์ เหมือนอย่างวัดราชโอรสวราราม แลวัดอรุณราชวรารามฉะนั้น แลพระปฐมเจดีย์ก็อยู่ในป่าไกลพระนคร เหมือนกับพระพุทธบาท ที่พระพุทธบาทที่เป็นของกลางผู้ใดมีศรัทธา ก็ไปสร้างศาลากุฎีพระวิหารการอื่น ๆ ขึ้นไว้ก็ได้ ไม่ได้ห้ามปรามว่าเป็นอารามหลวงฉันใด บัดนี้มีพระราชประสงค์ว่าจะให้พระปฐมเจดีย์เป็นของกลางเหมือนอย่างพระพุทธบาทฉันนั้น แลได้คิดไว้จะทำในบริเวณพระปฐมเจดีย์นั้น ที่พระอุโบสถหลังหนึ่ง วิหารสี่ทิศสี่หลัง แลพระระเบียงรอบประจวบท้ายพระวิหารทิศ แลกุฎีเจ้าอธิการหมู่หนึ่งสี่หลัง กุฎีอันดับยี่สิบหลัง ครั้นจะโปรดเกล้า ฯ ให้จ้างแลกะเกณฑ์เลกจ่าย ให้ทำเหมือนอย่างทำการในพระนครก็จะเป็นพระอารามหลวงไป ท่านผู้ใดมีศรัทธาจะสร้างสิ่งใดลงก็จะเกรงว่าเป็นพระอารามหลวง จะหาอาจสร้างทำสิ่งใดลงไม่ แต่การครั้งนี้เป็นการแรกทำ จะต้องแผ่พระราชกุศลมาให้พระราชวงศานุวงศ์ แลข้าทูลละออง ฯ ให้ช่วยกันทำตามศรัทธาของท่านผู้ทำ จะยักย้ายตามชอบใจ จะได้ทรงทอดพระเนตรปลาด ๆ แต่อย่าให้โตใหญ่นัก ด้วยเป็นของอยู่ในป่า นานไปถ้าชำรุดลง ผู้ศรัทธาจะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมยาก หรือว่าท่านผู้ใดไม่อยากทำกุฎี จะทำพระอุโบสถแลพระวิหารก็จะโปรดให้ทำ ถ้าจะทำแต่กุฎีจงมีศรัทธาดูแลให้ช่างทำให้มั่นคงแน่นหนา ให้เสาแลตัวไม้โตใหญ่จะได้มั่นคงถาวรไปนาน เงินที่ลงทุนทำกุฎีแลพระอุโบสถ พระวิหารไปมากน้อยเท่าใด จะพระราชทานให้โดยสมควรคล้ายคลึงกับราคา แผ่พระราชกุศลมาในพระบรมวงศานุวงศ์ฯ
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมสมเด็จพระเดชาดิสร หลัง ๑
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศรวัชรินทร " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท " ๑
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวรจักรธรานุภาพ " ๑
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นมเหศวรศิวลาส " ๑
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร " ๑
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นราชสีหวิกรม " ๑
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี " ๑
แลข้าทูลละออง ฯ
ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม " ๑
ท่านเจ้าพระยานิกรบดินทร ที่สมหนายก " ๑
เจ้าพระยาธรรมธิกรณาธิบดี " ๑
เจ้าพระยารวิวงศโกษาธิบดี " ๑
เจ้าพระยายมราชชาติเสนางค์ " ๑
เจ้าพระยาพลเทพสรรพพลเสพ " ๑
พระยาราชภักดี " ๑
พระยาศรีพิพัฒน์ " ๑
พระยาเพ็ชรพิไชย " ๑
พระยาอภัยรณฤทธิ์ " ๑
พระยาสุรเสนา " ๑
พระยาโชฎึกราชเศรษฐี " ๑
พระยาพิพิธโภไคย " ๑
พระยาบำเรอภักดิ์ " ๑
แลท่านผู้ที่ไม่มีนามมีชื่อมาในหมายนี้จะมีศรัทธาปลูกสร้างกุฎี แลศาลาเป็นที่พักที่อาศัยพระสงฆ์ ลงไปที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้ ไม้ห้าม ท่านที่รับทำจะสงสัยด้วยแผนที่แลตัวอย่าง ก็ให้ใช้คนไปถามพระยาสามภพพ่าย แล้วให้เจ้ากรมปลัด กรมสมุหบาญชีในกรมนั้น ๆ ไปเบิกเงินต่อเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ จะได้จ่ายเงินให้ลงทุนทำไปก่อน แต่มีพระราชประสงค์จะให้จับการให้เห็นว่าได้ลงมือในเดือน ๔ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก นี้ให้ทันรับเสด็จพระราชดำเนินออกไปทอดพระเนตรองค์พระปฐมเจดีย์ ตามรับสั่ง
“ลงไปที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้ ไม้ห้าม ท่านที่รับทำจะสงสัยด้วยแผนที่แลตัวอย่าง ก็ให้ใช้คนไปถามพระยาสามภพพ่าย”
๑๖๓. ประกาศแผ่พระราชกุศลให้พระบรมวงศานุวงศ์
แลข้าทูลละออง ฯ ให้ช่วยปลูกสร้างวัดพระปฐมเจดีย์
คัดจากหมายรับสั่ง
(ณ วันจันทร์ เดือน ๓ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก)
ด้วยเจ้าพระยาวิวงศมหาโกษาธิบดีฯ รับพระบรมราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า พระปฐมเจดีย์ที่มีอยู่ในแขวงเมืองนครไชยศรี เป็นพระมหาเจดีอันใหญ่กว่าเจดีย์ในสยามทุก ๆ แห่ง เป็นของเก่ามาช้านาน ทรงทอดพระเนตรพิเคราะห์ฝีมือทำอิฐแลก่อ เห็นเป็นของเก่าแล้วแก่เล่ามาหลายคราวแต่รูปพระสถูปเดิมนั้นก็เหมือนอย่างของเก่าแต่แรกตั้งพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป แลที่อื่น ๆ ไม่เป็นฝีมือไทยสามัญชั้นหลัง ๆ เลย แต่พระปรางค์แลบันไดนั้นเห็นเป็นฝีมือเพิ่มเข้าชั้นหลังลงมาเป็นแน่ จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า พระปฐมเจดีย์นี้จะเป็นของที่ได้มีผู้ส้รางขึ้นก่อนพระเจดีย์ทั้งปวง จึงได้ชื่อว่า พระปฐมเจดีย์ แต่ที่เรียกว่าเป็นพระปทมนั้นเป็นสำเนียงเขมร มอญ สืบได้ความในหนังสือเก่า ๆ ว่า สร้างขึ้นเมื่อพระพุทธศักราชล่วงแล้วได้พรรษา ๑ บ้าง ว่าสร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๕๙๖ พรรษาบ้าง ว่าสร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๑๓๓ บ้าง สร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๑๘๕ พรรษาบ้าง สร้างเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๒๓๔ พรรษาบ้าง ได้ความดังนี้ จึงเห็นการจะมีผู้สร้างซ้ำทำเติมมาหลายครั้งหลายคราวแล้ว แลเป็นสถานที่ใหญ่โตกว่าที่อื่น แลคงจะมีพระบรมธาตุที่เขาบรรจุไว้เป็นแน่ไม่เป็นสิ่งที่สงสัยเลย พระปฐมเจดีย์นี้ได้มีปรากฏอยู่ก่อน พระพุทธบทแลพระฉายปัถวีหลายร้อยปี
เพราะฉะนั้นไม่ควรจะทิ้งให้รกร้างปรักหักพังยับเยินเสีย จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้ปฏิสังขรณ์แลก่อสร้างขึ้นให้สูงโตใหญ่งามดีขึ้นกว่าแต่ก่อน การที่ทำขึ้นไปได้มากอยู่แล้ว แต่บรรดาพระราชวงศานุวงศ์ผู้น้อยผู้ใหญ่ ข้าทูลละออง ฯ ทั้งปวงที่มีศรัทธาได้เข้าส่วนเป็นค่าอิฐค่าปูนในองค์พระปฐมเจดีย์บ้างตามแต่ศรัทธา บัดนี้สัปบุรุษก็ไปนมัสการแลทำบุญให้ทานมากขึ้นทุก ๆ ปี เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ประชาชนทั้งปวงอยู่แล้ว แต่พระอุโบสถพระวิหารกุฎีเสนาสนะของเก่าปรกหักพังยังหาได้กระทำไม่ จะโปรดให้ทำเป็นการในหลวงก็เห็นว่าจะช้านัก ครั้นจะจ้างเหมาผู้รับจ้างก็เป็นแต่ผู้น้อยจะว่าเกี่ยง เป็นชั้นเชิงไปต่าง ๆ เพราะไกลพระนคร จะทำแต่พอแล้วง่าย ๆ แลการก็ทำขึ้นได้ไม่ทันกัน เพราะจะหาผู้รับเหมาไปได้แต่ละพวกช้า ๆ จึงทรงพระราชดำริว่า ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมิได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ยังเป็นพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าต่างกรมอยู่ในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น เมื่อทรงสร้างวัดราชโอรสวราราม ก็ทรงบอกบุญพระราชทานเงินให้ในข้าราชการที่ชอบพอคุ้นเคย พึ่งพระเดชพระคุณอยู่หลายนาย ช่วยกันทำก็ได้แล้วโดยเร็ว เมื่อในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสร้างกุฎีวัดอรุณราชวราราม ก็ตามอย่างนั้น โปรดให้พระราชทานเงินบอกบุญขอแรงพระราชวงศ์ ข้าทูลละออง ฯ ช่วยกันทำ การครั้งนั้นก็จะประกวดประขันกันสนุกสนาน การก็แล้วโดยเร็วเป็นอย่างมาก ครั้งนี้จึงจะมีพระราชประสงค์จะให้ทำการพระอารามที่พระปฐมเจดีย์ เหมือนอย่างวัดราชโอรสวราราม แลวัดอรุณราชวรารามฉะนั้น แลพระปฐมเจดีย์ก็อยู่ในป่าไกลพระนคร เหมือนกับพระพุทธบาท ที่พระพุทธบาทที่เป็นของกลางผู้ใดมีศรัทธา ก็ไปสร้างศาลากุฎีพระวิหารการอื่น ๆ ขึ้นไว้ก็ได้ ไม่ได้ห้ามปรามว่าเป็นอารามหลวงฉันใด บัดนี้มีพระราชประสงค์ว่าจะให้พระปฐมเจดีย์เป็นของกลางเหมือนอย่างพระพุทธบาทฉันนั้น แลได้คิดไว้จะทำในบริเวณพระปฐมเจดีย์นั้น ที่พระอุโบสถหลังหนึ่ง วิหารสี่ทิศสี่หลัง แลพระระเบียงรอบประจวบท้ายพระวิหารทิศ แลกุฎีเจ้าอธิการหมู่หนึ่งสี่หลัง กุฎีอันดับยี่สิบหลัง ครั้นจะโปรดเกล้า ฯ ให้จ้างแลกะเกณฑ์เลกจ่าย ให้ทำเหมือนอย่างทำการในพระนครก็จะเป็นพระอารามหลวงไป ท่านผู้ใดมีศรัทธาจะสร้างสิ่งใดลงก็จะเกรงว่าเป็นพระอารามหลวง จะหาอาจสร้างทำสิ่งใดลงไม่ แต่การครั้งนี้เป็นการแรกทำ จะต้องแผ่พระราชกุศลมาให้พระราชวงศานุวงศ์ แลข้าทูลละออง ฯ ให้ช่วยกันทำตามศรัทธาของท่านผู้ทำ จะยักย้ายตามชอบใจ จะได้ทรงทอดพระเนตรปลาด ๆ แต่อย่าให้โตใหญ่นัก ด้วยเป็นของอยู่ในป่า นานไปถ้าชำรุดลง ผู้ศรัทธาจะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมยาก หรือว่าท่านผู้ใดไม่อยากทำกุฎี จะทำพระอุโบสถแลพระวิหารก็จะโปรดให้ทำ ถ้าจะทำแต่กุฎีจงมีศรัทธาดูแลให้ช่างทำให้มั่นคงแน่นหนา ให้เสาแลตัวไม้โตใหญ่จะได้มั่นคงถาวรไปนาน เงินที่ลงทุนทำกุฎีแลพระอุโบสถ พระวิหารไปมากน้อยเท่าใด จะพระราชทานให้โดยสมควรคล้ายคลึงกับราคา แผ่พระราชกุศลมาในพระบรมวงศานุวงศ์ฯ
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมสมเด็จพระเดชาดิสร หลัง ๑
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศรวัชรินทร " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท " ๑
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา " ๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวรจักรธรานุภาพ " ๑
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นมเหศวรศิวลาส " ๑
พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร " ๑
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นราชสีหวิกรม " ๑
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี " ๑
แลข้าทูลละออง ฯ
ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม " ๑
ท่านเจ้าพระยานิกรบดินทร ที่สมหนายก " ๑
เจ้าพระยาธรรมธิกรณาธิบดี " ๑
เจ้าพระยารวิวงศโกษาธิบดี " ๑
เจ้าพระยายมราชชาติเสนางค์ " ๑
เจ้าพระยาพลเทพสรรพพลเสพ " ๑
พระยาราชภักดี " ๑
พระยาศรีพิพัฒน์ " ๑
พระยาเพ็ชรพิไชย " ๑
พระยาอภัยรณฤทธิ์ " ๑
พระยาสุรเสนา " ๑
พระยาโชฎึกราชเศรษฐี " ๑
พระยาพิพิธโภไคย " ๑
พระยาบำเรอภักดิ์ " ๑
แลท่านผู้ที่ไม่มีนามมีชื่อมาในหมายนี้จะมีศรัทธาปลูกสร้างกุฎี แลศาลาเป็นที่พักที่อาศัยพระสงฆ์ ลงไปที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้ ไม้ห้าม ท่านที่รับทำจะสงสัยด้วยแผนที่แลตัวอย่าง ก็ให้ใช้คนไปถามพระยาสามภพพ่าย แล้วให้เจ้ากรมปลัด กรมสมุหบาญชีในกรมนั้น ๆ ไปเบิกเงินต่อเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ จะได้จ่ายเงินให้ลงทุนทำไปก่อน แต่มีพระราชประสงค์จะให้จับการให้เห็นว่าได้ลงมือในเดือน ๔ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก นี้ให้ทันรับเสด็จพระราชดำเนินออกไปทอดพระเนตรองค์พระปฐมเจดีย์ ตามรับสั่ง