[CR] (IXL - DEL TRIP 2018) ตะลุย LEH LADAKH , DEHLI , AGRA มีนาคม 2018 *บันทกการเดินทาง + อัปเดตข้อมูลให้ทราบกัน* RVPxMOS

มีคำกล่าวว่า "ไม่ว่าจะฝันดี หรือฝันร้าย สุดท้ายล้วนต้องตื่น" แต่ "ตื่นมาเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป แล้วเหนื่อยเมื่อไร จะได้กลับไปนอนหลับเพื่อ "ฝัน" อีกครั้งอย่างแน่นอน"

ดูจะเป็นคำกล่าวที่สามารถใช้ได้กับอารมณ์และ ความรู้สึกของผม สำหรับทริปนี้ มันเปรียบเสมือนฝันดี ฝันที่โคตรดี ทุกอย่างสวยกว่าในรูปถ่ายจริงๆ จะกด HD หรือ กด 4K ก็คงไม่ชัดเท่าไปยืนมองด้วยตัวเอง

คิดว่าหากมีโอกาสจะมีการซ้ำอย่างแน่นอน ถึงแม้อากาศจะหนาวสุดโหด ฝุ่นจะเยอะ แดดจะแรงมากๆ แต่โดยรวมคือมันละมุนมาก และคำว่า "จุดหมายปลายทางไม่สําคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทาง" คำนี้เหมาะกับที่แห่งนี้สุดๆ

สวัสดีครับทุกท่าน ขอเชิญพบกับกระทู้รีวิวการเที่ยวต่างแดนครั้งแรกของผมนะครับในดินแดนหลังคาโลกที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดี  นั่นคือเมือง LEH  LADAKH , INDIA ครับผมกับเวลา 8 วัน 9 คืน ในช่วงปลายเดือน มีนาคม พ.ศ.2561 / March 2018คาดว่าหลายๆคนคงอยากทราบข้อมูลหรืออัปเดต เกี่ยวกับทริปนี้  เพราะก่อนหน้านี้มีรีวิวจากนักท่องเที่ยวหลายท่านที่เป็นคำแนะนำชั้นดีให้กับทริปของเรา เราอ่าน ทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลกันเป็นเวลานาน เพราะเป็นการออกต่างแดนไกลๆ ครั้งแรกของพวกเรา  และแถมไปกันแค่ 2 คนจงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ เอาล่ะครับ ถึงเวลาแล้วไปพบกับเรื่องราวของเราได้เลย



สาเหตุและแรงบันดาลใจของผมที่ทำให้เลือกมาที่นี่ ผมขอบอกตรงๆว่าเมื่อปี 2013 ผมได้ดูหนังอยู่เรื่องนึง และมันสร้าง inspire ให้ผมตลอดเวลาแต่ไม่เคยมีโอกาสสักที  จนผ่านเลยมาถึงปี 2018 ผมมีโอกาสและผมคิดอยากตามรอยหนังเรื่องนี้  ถึงแม้สถานที่ จะไม่ใช่ที่เดียวกับในหนังแต่มันทำให้ผมได้อารมณ์ บวกกับ เพลงประกอบภาพยนต์ ผมฟังจนติดและผมรู้สึกว่าอยากไปฟังเพลงในสถานที่นี้เหลือเกิน และหนังเรื่อง นั้นคือ" The Secret Life of Walter Mitty " ผมคิดว่าต้องมีสักคนละหน่า ที่มี mood อารมณ์คล้ายๆกับผม ผมคิดว่าไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ๆ ฮ่าๆๆ



เกริ่นนำเรื่องความในใจไปแล้ว ผมจะขอบอกอะไรที่สำคัญอีกสักอย่าง ผมคือ มนุษย์เงินเดือน ที่อยากใช้วันลาพักร้อน เพื่อพักผ่อนหัวสมอง เรื่องงาน  สร้างแรงบันดาลใจและอยากเที่ยวต่างประเทศเหมือนคนอื่นๆ  เพราะฉะนั้นเรื่องงบถือเป็นเรื่องสำคัญ จะขอแจงค่าใช้จ่ายให้ดูกันก่อนว่าเที่ยวแพลนประมาณนี้ ใช้งบไปเท่าไร?   ทริปนี้ผมหมดไป 3 หมื่นเศษๆ (บาทไทย) ถือว่าเกินความตั้งใจไปนิดนึง แต่จะขอเล่าให้ฟังทีหลังเรื่องบทเรียนในทริปนี้ เพราะบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเสีย ถ้าเตรียมตัวมาดีกว่านี้ ฮ่าๆๆ อาจจะประหยัดไปได้อีกถ้ามีตัวหารเพิ่ม



เราจองตั๋วเครื่องตั้งแต่ช่วงปลาย พฤศจิกายน 2017 ดูจากสภาพที่น่าเที่ยว ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ไม่วุ่นวายจนเกินไป และเวลาว่างของพวกเรา เราเลยเลือกช่วงปลายมีนาคม ตั๋วถูกอีกตะหาก 4 ไฟล์ท ไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท ก่อนหน้านั้นแค่อ่านรีวิวประมาณ 6-7 กระทู้  เราตัดสินใจซื้อตั๋วก่อนเลย  หลังจากนั้นก็ ทำพาสปอร์ต และ ศึกษาเรื่อง วีซ่า โดยเราวิเคราะห์แล้ว ว่าทำ eVisa สะดวกกว่า และ ราคาถูกกว่า ทั้งเรื่องข้อมูล ความสะดวก หลายท่านอาจจะกังวลว่าจะชัวร์หรอ ก่อนที่จะทำ eVisa online ไปจนถึงตอนลงเครื่องที่เดลี ผมก็มีความรู้สึกนี้ครับ แต่พอไปถึงที่ ตม. แล้วปรากฏว่าไม่มีอะไรน่ากลัวจริงๆครับเรื่องนี้ขอการันตี 99.99% เลยว่าผ่านแน่ๆ  ไปเที่ยวเมืองเขาทั้งทียังไงเขาก็ให้เข้าครับ เห็นฝรั่งหลายๆคนก็ถือ ETV เอกสาร eVisa กันเต็มไปหมด
ส่วนเรื่องการทำ eVisa และ คำแนะนำการกรอกข้อมูลผมดูมาจากเว็บนี้ครับ  บอกละเอียดมาก แถมอัพเดตล่าสุด 2018 ด้วยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://goanywhere.co/2017/11/22/indiaevisa2017/

อัปเดตที่ควรรู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (*****เคยได้ยินเกี่ยวกับการขอรับ ซิมการ์ด ฟรี สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศอินเดียด้วย eVisa ผมเลยวัดใจจะเอาซิมฟรีบ้าง ไม่ได้เปิดโรมมิ่งหรือซื้อทัวร์ซิมจากไทยไป  พอไปถึงสนามบินที่เดลี ปรากฏว่า เขายกเลิกการแจกซิมฟรีไปแล้วนาจาาา แถมเวลาที่เราไปถึงก็ประมาณ ตี 1 จะซื้อซิมก็ไม่มีให้ซื้อด้วย ถ้าซื้อได้ก็ราคาแพงมาก ของ airtel  400 THB เน็ตได้แค่ 1 GB ส่วนของ vodafone 500 THB ได้เน็ต 1 GB เท่ากัน  ซื้อจากไทยไปเห๊อะ ถ้าอยากเล่นเน็ต ส่วนเรานั้นตัดใจไม่เล่นก็ไม่เล่น หวังเพิ่ง WIFI ของที่พักเอาก็ได้*****)


โอเคครับจบเรื่องข้อมูลเบื้องต้นแล้ว เรามาเริ่มเรื่องราวบันทึกการเดินทางของพวกเรากันเลย

(Day 0  -  Fri  23 MAR 2018)
ผมเลิกงานก่อนเวลา กลับมาอาบน้ำเตรียมตัว ส่วนกระเป๋านั้นแพ็คไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว  แล้วเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงก่อนเวลาที่จะเปิดให้เช็คอินซะอีก  หลังจากเช็คอินเสร็จ ก็รับ Boarding Pass พบว่า สายการบินเช็คอินไฟล์ท เดลี > เลห์ ให้เราพร้อมเลยด้วย หลังจากนั้นเราก็หาข้าวกินเติมพลังเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปตรวจสิ่งของ ผ่าน ตม. ไทย และไปรอที่เกต  โทรศัพท์บอกลาคนที่เรารัก เพราะไปที่นั่นเราอาจจะขาดการติดต่อจากโลกภายนอกเลยก็เป็นได้  

ระหว่างนั่งรออยู่ที่เกต


นั่งรอไม่นาน ชาร์จแบตไปพร้อม และก็ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วจ้า  ขึ้นไปถึงกับช็อคมีเด็กนั่งอยู่ข้างๆที่นั่งอีกฝั่ง เด็กที่ว่านี่ไม่ใช่เด็กธรรมดา เป็นเด็กสาว 2 คน ที่งอแงที่สุดในโลกเท่าที่เคยเห็นมาเลยครับ แต่แปลกผมกลับไม่รู้สึกอารมณ์บูดเลย ผมตื่นเต้นและแจ่มใส แถมบนเครื่องมีแต่คนอินเดีย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของผมเลยครับ ต่อจากนี้ไม่มีแล้วภาษาไทย ในใจรู้สึกหวั่นๆนิดๆ บนเครื่องนี่ไม่ต้องพูดถึงครับเรื่องกลิ่น ต้องทนให้ได้ 555555

เด็กน้อยที่น่ารักทั้ง 2  อีกคนหลับอยู่คาตักคุณแม่ (เด็กอินเดียหน้าตาน่ารักทุกคนอันนี้ผมเพิ่งค้นพบ)


อาหารว่างบนเครื่องครับ  เพลินเชียวหละ


โอเคครับ เราถึงเดลีแล้ว เวลาท้องถิ่นโดยประมาณ 01.00 น. อากาศค่อนข้างเย็น สดชื่น ลงเครื่องปุ๊บเราก็เดินไปตามทาง เพื่อที่จะไปขอรับ วีซ่า โดยมีเอกสารตามข้อมูล มาด้วย 1 แผ่น

ทางเดินไปที่เคาน์เตอร์  eVisa มีป้ายบอกชัดเจนครับ


เขาจะมีใบให้กรอกด้วยนะครับ ลืมถ่ายมา แต่กรอกตามให้ครบแหละครับ ถ้าพลาดอะไรไป เขาก็จะบอกเรา


ถึงแล้วครับเคาน์เตอร์ eVisa ดูเหมือนจะทำใหม่นะครับ เพราะไม่เหมือนที่อ่านรีวิวมา สะดวกครับต่อคิวรอไม่นานเนื่องจากเราเลือกไฟล์ทที่ไปถึงช่วงกลางดึก  และ ทรานซิสต่อไปที่เลห์ ช่วงเช้า  ช่วงเวลาห่างๆ หลวมๆ สบายๆครับ

ผมคิดว่าเป็นปกติของ เสมียนในเดลี นะครับ เขาจะมีคาแร็คเตอร์แบบ นิ่งๆ แอ็คๆ ขรึมๆ นิดๆเสียส่วนใหญ่  ผมกรอกข้อมูลผิด 1 ข้อ คุณลุงก็บอกให้ผมแก้ (อาจจะแค่พูดเสียงดังและห้วนๆ  แต่เราสะดุ้งมากๆ แถมสำเนียงฟังยากมาก แต่ไม่มีปัญหาอะไรครับ อันนี้อยากระบายส่วนตัว 5555)

พอผ่านมาได้ เราได้ตราปั๊มแล้วก็มาเดินถามหา ซิมฟรี อย่างที่บอกไปข้างบนแหละครับ ว่ามันยกเลิกไปแล้ว เราเลยไปรับกระเป๋าและจะไป drop ก็เป๋าที่เคาน์เตอร์สายการบิน รอคิวนานพอสมควร หลังจากนั้นก็เข้าด่านตรวจสิ่งของ (ตรวจค่อนข้างละเอียดเลยแหละ  ก็เป็นสนามบินอันดับ 1 ของโลกนี่นา) ผ่านเข้ามาได้แล้วก็เลยไปหาอะไรกินกันเพราะเริ่มหิวอีกแล้ว  เวลาตอนนั้นประมาณ 02.30 น. ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมด ไม่มีทางเลือกเลยต้องจัด Mc กัน โดนไป  315 INR  สำหรับ combo นี้


หลังจากเสร็จมื้อเช้าแล้ว เราก็ไปรอที่ Gate โดยสนามบินที่นี่เราชอบมาก มี day bed ให้นอนรอเลยแจ่มมากอะ


โอเคครับ เครื่องเราออกประมาณ 06.45 น. แต่เราต้องไปถึง gate ประมาณ 06.15 น.  มีเวลาประมาณ 3 ชม. ในการพักผ่อน ว่าแล้วก็ขอตัวสักหน่อยนะครับแล้วมาเจอกันกับ Day 1 ในวันพรุ่งนี้นะครับ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วจะรีบกลับมาเล่าเรื่องราวบันทึกการเดินทางต่อนะครับ