คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ไม่เชิงค่ะ
โอตาคุ = ติ่งญี่ปุ่น ที่เลเวลเสมอติ่งเกาหลี
ซาแซง = อายาคาชิแฟน (妖ファン) แปลตรงตัวคือแฟนคลับที่ตามศิลปินเหมือนผี/วิญญาณ
**คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Stalker มากกว่า แต่เราคิดว่าถ้าแปลทั้งคำว่า “ซาแซงแฟน” และ “อายาคาชิแฟน” เป็นภาษาอังกฤษ คำว่า Stalker ก็ใกล้เคียงสุดค่ะ**
—
ด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกันของญี่ปุ่นและเกาหลี ทำให้ลักษณะของซาแซงแฟนกับอายาคาชิแฟนแตกต่างกันพอสมควรค่ะ แต่เรื่องรบกวนความเป็นส่วนตัวของศิลปิน หรือแฮคข้อมูลของดารา เหมือนกันค่ะ อาทิ เช่น
1. ขโมยบิลล์ค่าโทรศัพท์ของศิลปินไปเผยแพร่กันในกลุ่มลับของพวกตนเอง เพื่อเช็คว่าศิลปินคนนั้นโทรหาใครบ้าง => ข้อนี้เคยได้ยินว่าดาราเกาหลีหลายท่านเจอ แต่ของฝั่งญี่ปุ่น เพื่อนญี่ปุ่นเราเล่าให้ฟังว่าอดีตศิลปินค่ายชายล้วนค่ายนึงของญี่ปุ่นเจอจนเป็นเรื่องลงหนังสือพิมพ์ (ไม่ขอพูดชื่อใดๆทั้งสองฝั่งค่ะ เดี๋ยวโดนว่าพาดพิงอีก 5555+)
2. ไปดักรอหน้าบ้านและอพาร์ทเม้นท์ และคอยดูว่าศิลปินจะพาใครขึ้นห้อง/เข้าบ้าน
3. ส่งข้อความรบกวนศิลปินค่ะ บางทีก็มีขู่/แบล๊คเมล์ (KR: โทรหรือSMSโดยตรงเลย / JP: ส่งข้อความเข้า Ameblo ที่เป็นบล๊อกของดาราในสมัยช่วง 2009-2013 (คล้ายๆ Dek-D) ทำให้เมื่อไลน์ทำ LINE Blog ใน Official Account สำหรับศิลปินดารา ดาราหลายคนเลือกที่จะบึ้ม(ปิดบัญชี) Ameblo ทิ้ง เพื่อปิดช่องทางที่คนพวกนี้สามารถรบกวนพวกเขาได้) << ที่คนญี่ปุ่นไม่นิยมโทรศัพท์ตรงๆ เพราะการโทรศัพท์ในเรื่องที่ไม่สำคัญคนญี่ปุ่นไม่ค่อยทำ ส่วนมากคนญี่ปุ่นจะโทรหาใคร มักมีการนัดช่วงเวลาล่วงหน้า หรืออย่างมากก็จะนัดวันค่ะ เช่น โทรมาใน “วันศุกร์นี้” นะคะ
4. {อันนี้เคยเจอเฉพาะฝั่งญี่ปุ่น ไม่เคยเจอฝั่งเกาหลี ตอบแทนซาแซงไม่ได้ แต่ตอบแทนอายาคาชิได้} => กรุณาทำใจก่อนเปิดอ่าน หัวใจวายได้ 55555+
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นั่นแหละค่ะ ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่ไอดอลญี่ปุ่นมีรูปหลุดกับเพศตรงข้ามโดยไม่ผ่านการอนุมัติของต้นสังกัดถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คือมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจ้า การถูกพักงานมันไม่ใช่การทำโทษตามมารยาทของวงการโทรทัศน์เหมือนที่คนไทยเข้าใจ แต่มันคือการทำโทษที่ต้นสังกัดพึงกระทำต่อศิลปินในการที่ไม่ยอมแจ้งเรื่องพวกนี้ให้ต้นสังกัดได้ทราบและจัดการให้ถูกต้องตามกฏหมาย (เราไม่แน่ใจนะคะว่ากฏหมายญี่ปุ่นกับเรื่องแบบนี้ครอบคลุมแค่ไหน เพราะไม่ได้เรียนไรแบบนั้น) แต่อย่างน้อยถ้าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ศิลปินควรจะแจ้งให้ทางต้นสังกัดทราบและให้เป็นดุลยพินิจของต้นสังกัดลงมือ (ค่ายเพลงญี่ปุ่นหลายค่ายก็เป็นมาเฟียค่ะ 55555+ บางทีพวกอายาคาชิแฟนเหล่านี้อาจจะถูก forced disappearance กันได้เลยทีเดียว =*= // ขอไม่แปลศัพท์ภาษาอังกฤษคำนี้นะคะ คิดว่าด้วยบริบท ไม่ว่าคนอ่านจะเข้าใจภาษาอังกฤษหรือไม่ คิดว่าความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน)
5. และมีรูปแบบอื่นๆที่เรายังนึกไม่ออกตอนนี้ หรือไม่งั้นก็จำไม่ได้ 5555+
—
ดังนั้นในเซนส์ของคำว่า Stalker ส่วนมากจะถูกนึกถึง (referred) ในแง่ของการก่ออาชญากรรม ซึ่งไม่ใช่การกระทำทุกข้อของทั้งซาแซงแฟนและอายาคาชิแฟนจะจัดเป็นอาชญากรรม (ข้อ 4 ที่ hide ไว้จัดเป็นแน่ๆ ถ้าคนญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องคล้ายๆ Me too movement เราว่าวงการโทรทัศน์ญี่ปุ่นคงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่)
—
กรณีฝั่ง Hollywood พวกตามจริงจังคล้ายๆพวกนี้ก็มี แต่ไม่รุกรานศิลปินขนาดนี้ — เราตามนักแสดงท่านนึงอยู่ค่ะ ช่วงนี้ติ่งเป็นพิเศษหน่อย 55555+ — ก็จะมีพวกที่เดินตาม ดักรอ ถ่ายรูป แต่ส่วนมากฝรั่งเค้าจะเปิดเผย ถ้าดาราเดินคนเดียว กินข้าว หรือใช้ชีวิต พวกนางก็เอามาโพสต์ในคอมมูแฟนคลับเลย หรือถ้าเดินกับผู้หญิง ก็อาจจะเอารูปไปขายให้ปาปารัซซี่ได้ แล้วยิ่งด้วยสมัยที่มี Social Network แล้ว ง่ายกว่าการขายให้ปาปารัซซี่ หรือการขายรูปเหล่านี้ให้สำนักข่าว คือขายให้ Facebook Fanpage ที่ต้องการยอด Reach หรือ Twitter Account ที่ต้องการยอด Follow // สังคมออนไลน์ที่วัดคุณค่าของคนกันด้วยปริมาณ 555555+ // ก็ถ้าอันไหนที่ดาราหรือต้นสังกัดไม่พอใจ คนต้นโพสต์ (source) ก็จะโดนเตือนค่ะ เช่นสมมุติว่าถูกโพสต์ด้วย FB Page “A” เพจ A ก็อาจจะเจอข้อความหลังไมค์จากต้นสังกัด หรือไม่ก็ระบบของ Facebook ว่าได้ทำการโพสต์รูปที่ไม่เหมาะสม ติดลิขสิทธิ์ของบริษัท YYY ฯลฯ // แล้วเพจ A ก็ต้องรับผิดชอบโดยการลบ รวมถึงส่งข่าวให้คนที่เอาไป repost ลบออกให้หมด — เท่าที่เห็นมา เจอกรณีอย่างงี้นะคะ >> ต้นสังกัดฝั่งตะวันตกจะไม่ใช่สายดิ้นเหมือนสายเอเชียตะวันออก 55555+ ชอบดารา Hollywood ตรงกล้าทำผิด กล้าขอโทษ แมนๆ ไม่ต้องผ่านต้นสังกัด ^_^
—
สุดท้าย ทิ้งท้ายไว้ ยังอยากต่อข้อ 4 ต่อ (มันส์จริงๆ 5555+) ก็จากเดือนที่ผ่านมา (จำไม่ได้ว่ากุมภาพันธ์หรือมีนาคม 2018) มีข่าวซาแซงชาวญี่ปุ่น แฉความสัมพันธ์ของตนเองกับโอปป้าเกาหลีผ่านแชทลับ => คือเราไม่รู้จักโอปป้าคนนั้นค่ะ แต่เห็นจากคอมเม้นท์ คนไทยไปดิ้นกันสุด สำหรับคนญี่ปุ่นคือชินแล้ว ข่าวฝั่งญี่ปุ่นพาดหัวอีกแบบ (ทั้งๆที่เนื้อข่าวเหมือนกันเด๊ะ ข่าวไทยแปลมา ก็แปลถูก) เราว่าสังคมญี่ปุน คนโดยทั่วๆไปก็รู้ว่ามีกรณีแบบนี้ ดังนั้นคนที่ชอบดาราเพียงวงเดียว หรือการ์ตูนเพียง2-3เรื่อง ก็มักจะทำตัวเหมือนคนที่ไม่ได้ติ่งไรเลย ไม่รู้เรื่องในโลก 2D/2.5D/3D เพราะเดี๋ยวจะถูกมองเป็นพวกติ่งโรคจิต
—
เนื้อหาทั้งหมดนำเสนอจากความเข้าใจสมัยที่เป็นทั้งติ่งญี่ปุ่นและติ่งเกาหลีค่ะ 5555+ เดี๋ยวนี้จริงจังกับการทำงาน ไม่ค่อยได้ติ่งไรแล้ว ^_^
โอตาคุ = ติ่งญี่ปุ่น ที่เลเวลเสมอติ่งเกาหลี
ซาแซง = อายาคาชิแฟน (妖ファン) แปลตรงตัวคือแฟนคลับที่ตามศิลปินเหมือนผี/วิญญาณ
**คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Stalker มากกว่า แต่เราคิดว่าถ้าแปลทั้งคำว่า “ซาแซงแฟน” และ “อายาคาชิแฟน” เป็นภาษาอังกฤษ คำว่า Stalker ก็ใกล้เคียงสุดค่ะ**
—
ด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกันของญี่ปุ่นและเกาหลี ทำให้ลักษณะของซาแซงแฟนกับอายาคาชิแฟนแตกต่างกันพอสมควรค่ะ แต่เรื่องรบกวนความเป็นส่วนตัวของศิลปิน หรือแฮคข้อมูลของดารา เหมือนกันค่ะ อาทิ เช่น
1. ขโมยบิลล์ค่าโทรศัพท์ของศิลปินไปเผยแพร่กันในกลุ่มลับของพวกตนเอง เพื่อเช็คว่าศิลปินคนนั้นโทรหาใครบ้าง => ข้อนี้เคยได้ยินว่าดาราเกาหลีหลายท่านเจอ แต่ของฝั่งญี่ปุ่น เพื่อนญี่ปุ่นเราเล่าให้ฟังว่าอดีตศิลปินค่ายชายล้วนค่ายนึงของญี่ปุ่นเจอจนเป็นเรื่องลงหนังสือพิมพ์ (ไม่ขอพูดชื่อใดๆทั้งสองฝั่งค่ะ เดี๋ยวโดนว่าพาดพิงอีก 5555+)
2. ไปดักรอหน้าบ้านและอพาร์ทเม้นท์ และคอยดูว่าศิลปินจะพาใครขึ้นห้อง/เข้าบ้าน
3. ส่งข้อความรบกวนศิลปินค่ะ บางทีก็มีขู่/แบล๊คเมล์ (KR: โทรหรือSMSโดยตรงเลย / JP: ส่งข้อความเข้า Ameblo ที่เป็นบล๊อกของดาราในสมัยช่วง 2009-2013 (คล้ายๆ Dek-D) ทำให้เมื่อไลน์ทำ LINE Blog ใน Official Account สำหรับศิลปินดารา ดาราหลายคนเลือกที่จะบึ้ม(ปิดบัญชี) Ameblo ทิ้ง เพื่อปิดช่องทางที่คนพวกนี้สามารถรบกวนพวกเขาได้) << ที่คนญี่ปุ่นไม่นิยมโทรศัพท์ตรงๆ เพราะการโทรศัพท์ในเรื่องที่ไม่สำคัญคนญี่ปุ่นไม่ค่อยทำ ส่วนมากคนญี่ปุ่นจะโทรหาใคร มักมีการนัดช่วงเวลาล่วงหน้า หรืออย่างมากก็จะนัดวันค่ะ เช่น โทรมาใน “วันศุกร์นี้” นะคะ
4. {อันนี้เคยเจอเฉพาะฝั่งญี่ปุ่น ไม่เคยเจอฝั่งเกาหลี ตอบแทนซาแซงไม่ได้ แต่ตอบแทนอายาคาชิได้} => กรุณาทำใจก่อนเปิดอ่าน หัวใจวายได้ 55555+
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นั่นแหละค่ะ ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่ไอดอลญี่ปุ่นมีรูปหลุดกับเพศตรงข้ามโดยไม่ผ่านการอนุมัติของต้นสังกัดถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คือมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจ้า การถูกพักงานมันไม่ใช่การทำโทษตามมารยาทของวงการโทรทัศน์เหมือนที่คนไทยเข้าใจ แต่มันคือการทำโทษที่ต้นสังกัดพึงกระทำต่อศิลปินในการที่ไม่ยอมแจ้งเรื่องพวกนี้ให้ต้นสังกัดได้ทราบและจัดการให้ถูกต้องตามกฏหมาย (เราไม่แน่ใจนะคะว่ากฏหมายญี่ปุ่นกับเรื่องแบบนี้ครอบคลุมแค่ไหน เพราะไม่ได้เรียนไรแบบนั้น) แต่อย่างน้อยถ้าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ศิลปินควรจะแจ้งให้ทางต้นสังกัดทราบและให้เป็นดุลยพินิจของต้นสังกัดลงมือ (ค่ายเพลงญี่ปุ่นหลายค่ายก็เป็นมาเฟียค่ะ 55555+ บางทีพวกอายาคาชิแฟนเหล่านี้อาจจะถูก forced disappearance กันได้เลยทีเดียว =*= // ขอไม่แปลศัพท์ภาษาอังกฤษคำนี้นะคะ คิดว่าด้วยบริบท ไม่ว่าคนอ่านจะเข้าใจภาษาอังกฤษหรือไม่ คิดว่าความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน)
5. และมีรูปแบบอื่นๆที่เรายังนึกไม่ออกตอนนี้ หรือไม่งั้นก็จำไม่ได้ 5555+
—
ดังนั้นในเซนส์ของคำว่า Stalker ส่วนมากจะถูกนึกถึง (referred) ในแง่ของการก่ออาชญากรรม ซึ่งไม่ใช่การกระทำทุกข้อของทั้งซาแซงแฟนและอายาคาชิแฟนจะจัดเป็นอาชญากรรม (ข้อ 4 ที่ hide ไว้จัดเป็นแน่ๆ ถ้าคนญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องคล้ายๆ Me too movement เราว่าวงการโทรทัศน์ญี่ปุ่นคงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่)
—
กรณีฝั่ง Hollywood พวกตามจริงจังคล้ายๆพวกนี้ก็มี แต่ไม่รุกรานศิลปินขนาดนี้ — เราตามนักแสดงท่านนึงอยู่ค่ะ ช่วงนี้ติ่งเป็นพิเศษหน่อย 55555+ — ก็จะมีพวกที่เดินตาม ดักรอ ถ่ายรูป แต่ส่วนมากฝรั่งเค้าจะเปิดเผย ถ้าดาราเดินคนเดียว กินข้าว หรือใช้ชีวิต พวกนางก็เอามาโพสต์ในคอมมูแฟนคลับเลย หรือถ้าเดินกับผู้หญิง ก็อาจจะเอารูปไปขายให้ปาปารัซซี่ได้ แล้วยิ่งด้วยสมัยที่มี Social Network แล้ว ง่ายกว่าการขายให้ปาปารัซซี่ หรือการขายรูปเหล่านี้ให้สำนักข่าว คือขายให้ Facebook Fanpage ที่ต้องการยอด Reach หรือ Twitter Account ที่ต้องการยอด Follow // สังคมออนไลน์ที่วัดคุณค่าของคนกันด้วยปริมาณ 555555+ // ก็ถ้าอันไหนที่ดาราหรือต้นสังกัดไม่พอใจ คนต้นโพสต์ (source) ก็จะโดนเตือนค่ะ เช่นสมมุติว่าถูกโพสต์ด้วย FB Page “A” เพจ A ก็อาจจะเจอข้อความหลังไมค์จากต้นสังกัด หรือไม่ก็ระบบของ Facebook ว่าได้ทำการโพสต์รูปที่ไม่เหมาะสม ติดลิขสิทธิ์ของบริษัท YYY ฯลฯ // แล้วเพจ A ก็ต้องรับผิดชอบโดยการลบ รวมถึงส่งข่าวให้คนที่เอาไป repost ลบออกให้หมด — เท่าที่เห็นมา เจอกรณีอย่างงี้นะคะ >> ต้นสังกัดฝั่งตะวันตกจะไม่ใช่สายดิ้นเหมือนสายเอเชียตะวันออก 55555+ ชอบดารา Hollywood ตรงกล้าทำผิด กล้าขอโทษ แมนๆ ไม่ต้องผ่านต้นสังกัด ^_^
—
สุดท้าย ทิ้งท้ายไว้ ยังอยากต่อข้อ 4 ต่อ (มันส์จริงๆ 5555+) ก็จากเดือนที่ผ่านมา (จำไม่ได้ว่ากุมภาพันธ์หรือมีนาคม 2018) มีข่าวซาแซงชาวญี่ปุ่น แฉความสัมพันธ์ของตนเองกับโอปป้าเกาหลีผ่านแชทลับ => คือเราไม่รู้จักโอปป้าคนนั้นค่ะ แต่เห็นจากคอมเม้นท์ คนไทยไปดิ้นกันสุด สำหรับคนญี่ปุ่นคือชินแล้ว ข่าวฝั่งญี่ปุ่นพาดหัวอีกแบบ (ทั้งๆที่เนื้อข่าวเหมือนกันเด๊ะ ข่าวไทยแปลมา ก็แปลถูก) เราว่าสังคมญี่ปุน คนโดยทั่วๆไปก็รู้ว่ามีกรณีแบบนี้ ดังนั้นคนที่ชอบดาราเพียงวงเดียว หรือการ์ตูนเพียง2-3เรื่อง ก็มักจะทำตัวเหมือนคนที่ไม่ได้ติ่งไรเลย ไม่รู้เรื่องในโลก 2D/2.5D/3D เพราะเดี๋ยวจะถูกมองเป็นพวกติ่งโรคจิต
—
เนื้อหาทั้งหมดนำเสนอจากความเข้าใจสมัยที่เป็นทั้งติ่งญี่ปุ่นและติ่งเกาหลีค่ะ 5555+ เดี๋ยวนี้จริงจังกับการทำงาน ไม่ค่อยได้ติ่งไรแล้ว ^_^
แสดงความคิดเห็น
ซาแซงของK กะ โอตาคุของJ คือความหมายเดียวกันไหม