CHAPTER 1 --- มาตายกับกู ---
เสียงเชียร์ดังลั่นที่ห้องน้ำหญิงหลังโรงเรียน เหตุนักเรียนตบตีดูเป็นเรื่องน่าธรรมดามากกับที่นี่ ทุกๆวันจะมีหญิงสาวมัธยมต้นที่น่าสงสารถูกลวงมารุมตบที่ในห้องน้ำแห่งนี้ เจน นักเรียน ม.ปลาย มือตบอันดับต้นของที่นี่ รอดักทำร้ายร่างกายผู้หญิงทุกคนที่คุยกับแฟนหนุ่มของเธอ ถึงแม้ว่าหญิงคนนั้นจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย ตัวเจนเองก็ไม่เคยแม้แต่จะไปพูดคุยกับแฟนของเธอ เนื่องจากกลัวจะมีปากเสียงกัน ยอร์ช แฟนหนุ่มของเจนยื่นคำขาดว่าหากเธอไปวุ่นวายเรื่องผู้หญิงกับเขาโดยที่ไม่มีหลักฐาน เขาจะเลิกกับเธอทันที แต่ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม ทำให้เธอไม่กล้าที่จะสูญเสีย เพราะเธอได้หน้าได้ตาไปมาก กับการควงผู้ชายคนนี้ไปไหนมาไหน ตัวเจนเองก็ไม่อยากมีปัญหา ก็เลยไปเล่นงานผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องแทน
ในเวลาต่อมา ยอร์ชได้แอบเจนคุยกับเด็กสาว ม.ต้น ทางไลน์ โดยอาศัยการลบแชททุกครั้งหลังคุยเป็นการปกปิดหลักฐาน แต่เจนผู้มีแฟนที่เจ้าชู้และไว้ใจไม่ได้ ก็มีวิธีการที่ทำให้ยอร์ชดิ้นไม่หลุด เพราะเธอแบคอัพข้อมูลแชทในไลน์ของยอร์ชไว้ในคอมพิวเตอร์ ทุกครั้งที่แฟนหนุ่มแชทกับใคร ก็จะมาแจ้งเตือนที่คอมของเจนด้วย เพราะยอร์ชเคยมาล็อคอินแอคเคาท์ไลน์ไว้ในคอมเจน แล้วไม่ได้ล็อคเอาท์ออก เลยเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เจนได้เห็นความเคลื่อนไหวของยอร์ชทั้งหมด
ในวันรุ่งขึ้นเจนไม่รอช้าที่จะไปเคลียร์กับยอร์ชให้รู้เรื่อง เธอลงทุนปริ้นแชทไลน์ทั้งหมดแล้วมากางตรงหน้าแฟนของเธอ สิ่งที่เธอได้กลับมาคือ..
“อย่ามาเสื-กเรื่องของกูนักได้ปะ มาสืบชีวิตกูขนาดนี้ ไม่สบายใจนักก็เลิกกันไปเหอะว่ะ”
“ทำไมพูดอย่างงี้วะ เคยบอกกูว่าอย่ามากล่าวหาอะไรถ้าหาหลักฐานไม่ได้ ก็นี่ไง.. ยังไม่พออีกหรอ นัดกันไปเช่าห้อง มืงนัดไปทำอะไรกัน? ห้ะ ตอบดิ!” เจนซักแฟนของเธอจนแทบจะไม่มีจังหวะให้เว้นช่วงตอบ ยอร์ชก็หน้าเจื่อนไปพร้อมกับโมโหกลบเกลื่อน แล้วบอกเลิกเจนไปแบบดื้อๆ และด้วยนิสัยสันดานของเจนเป็นคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่แล้ว ลองเดาดูก็รู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อไปคืออะไร.. แน่นอน เธอเล่นงานอะไรแฟนเธอไม่ได้แล้วนิ เพราะฉะนั้น คนที่เธอจะจัดการก็คือหญิงสาวที่ยอร์ชไปมีสัมพันธ์ด้วย
เจนนัดกลุ่มเพื่อนของเธอไปประมาณ 3-4 คนที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน เธอได้ไปสืบเสาะมาแล้วว่าหญิงสาวคนนั้นชื่อบี เธอจะนั่งเล่นอยู่ที่หลังโรงเรียนประจำ เจนปฏิบัติการให้เพื่อนไปล่อหญิงสาวมาที่ห้องน้ำแห่งนี้ จนเธอคนนั้นก็มาจริงๆ
“อ้าวยังไงดีล่ะ รู้จักกูไหม?”
“พี่เจน.. หนูต้องกลับแล้วค่ะ” หญิงสาวเรียกชื่อเจนได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งตัดบทเพื่อจะหนีกลับบ้านไปในเวลาเดียวกัน
“รู้นิว่ากูเป็นใคร งั้นก็หน้าด้านมากเลยนะ ทั้งที่รู้ว่ายอร์ชมันคบกับกูอยู่ก็ยังจะเล่นด้วย ดีค่ะ งั้นพี่จะช่วยให้น้องรู้จักพี่มากกว่านี้!”
เจนจัดการรุมตบบีอย่างที่เคยๆทำมากับผู้หญิงคนยอร์ชคนอื่นๆ แต่ด้วยความโมโหและโทษที่มากกว่าผู้หญิงคนอื่น เพราะเนื่องจากบีรู้อยู่แล้วว่ายอร์ชมีเจ้าของ เจนก็เลยจัดชุดใหญ่ให้ แต่ครั้งนี้เธอทำรุนแรงมากกว่าทุกที มีการจับหัวของบีมาที่ขอบประตู แล้วปิดประตูอัดกระแทกจนสันจมูกแตก บีร้องขอชีวิตจนหมดเสียง เจนก็ยังไม่พอใจในความโทสะ จนเธอและเพื่อนๆพากันอุ้มบีไปขังไว้ในตู้เก็บของทำความสะอาดห้องน้ำใต้อ่างล้างหน้า แล้วเอาเชือกฟางในตู้ผูกบานประตูให้บีออกไม่ได้ เจนและเพื่อนของเขากลับบ้านโดยทิ้งให้บีอยู่ในตู้นั้นลำพัง หญิงสาวอยู่ในสภาพที่เลือดเต็มตัวรวมทั้งกำลังจะขาดอากาศหายใจจากในตู้อับชื้นที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ และกลิ่นฉุนของน้ำยาล้างห้องน้ำ
กลายเป็นเรื่องใหญ่ในเวลาต่อมา เพราะบีได้เสียชีวิตใต้ตู้นั้น เนื่องจากแม่บ้านเห็นเลือดเธอนองออกมาจากขอบบานประตูของตู้ จึงเปิดเข้าไปพบศพของหญิงสาวที่มีลักษณะสันจมูกยุบ และหน้าเขียวซีดเพราะขาดอากาศหายใจอยู่ในนั้น เจนผู้ก่อเหตุตกใจจนแทบจะเป็นบ้าจากผลที่ตามมา เพราะเธอไม่ได้คาดหวังให้บีถึงตาย เธอคิดว่าบีจะสามารถกระแทกประตูจนเชือกหลุดออกมาได้เอง แต่บีในตอนนั้นที่ถูกรุมทำร้าย ไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งจะขยับตัว สูดกลิ่นอับและสารพิษจากในตู้จนขาดในตายในที่สุด
เจนใช้ชีวิตแบบปกติตลอดมา เพราะไม่มีใครจับผิดเธอและเพื่อนๆได้ เพราะด้วยสภาพโรงเรียนที่เก่ามาก ไม่มีแม้แต่กล้องวงจรปิดสักตัว ทุกอย่างยังคงอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย เพราะผู้ปกครองของฝั่งบีคงไม่ปล่อยให้หญิงสาวตายฟรีเป็นแน่
อีกคนที่ยังไม่ได้พูดถึงคือยอร์ช ชายหนุ่มผู้ทราบความจริงเป็นอย่างดี เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบี มันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจน แฟนเก่าที่เขาเพิ่งบอกเลิกด้วยเหตุผลที่เขาไปคุยกับบี และนัดไปห้องด้วยกัน ยอร์ชตัดสินใจโทรกลับไปหาเจน เพื่อซักถามในสิ่งที่เกิดขึ้น
“อีเจน กูรู้ว่าเป็นฝีมือมืง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเรื่องบีอะ... เลวกว่าที่กูคิด”
“จะว่ากูยังไงก็เรื่องของมืง อย่ามาเสื-กกับกู” เจนตอบกลับแฟนเก่าไปแบบไร้เยื้อใยใดๆทั้งสิ้น
“เหอะๆ ไม่ยุ่งอยู่แล้ว ตอนนี้มืงกับเพื่อนก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฆาตกรหรอก กูบอกไว้เลยนะ ถึงกูจะไม่ต้องทำอะไร ยังไงสักวันทุกคนก็รู้ความจริง!” ยอร์ชพูดจบก็ตัดสายเจนทิ้งแบบไม่ให้จังหวะให้เธอตอบกลับ
เจนเดินทางกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับความกระอักกระอ่วนในจิตใจ เธอไม่สบตาใครแม้กระทั่งคนที่บ้าน เธอมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอน ไม่พูดไม่จาอะไรกับใคร.. เธออยู่ในห้องนอนจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จนเธอตื่นมากลางดึก เวลาประมาณตีหนึ่งเศษๆ เธอไม่สามารถข่มใจตัวเองให้นอนหลับต่อได้ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นมันหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเจนตัดสินใจเดินไปนอนห้องเดียวกับแม่ของเธอ
“อ่าวลูก ดึกๆดื่นๆยังไม่นอนอีกหรอ?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามหลังจากที่เพิ่งจะสะดุ้งตื่นเพราะเจนเปิดประตูแล้วหอบหมอนผ้าห่มมานอนด้วย
“ค่ะ.. นอนไม่หลับนิดหน่อย หนูขอนอนนี่คืนนึงนะแม่”
แม่ก็ลุกขึ้นมาจัดแจงหมอนผ้าห่มให้เข้าที่ และขยับที่ให้เจนไปนอนข้างๆ จนเธอสามารถนอนหลับไปถึงเช้า จนในวันรุ่งขึ้นเจนตื่นมาพร้อมกับเตียงที่ว่างเปล่า และจดหมายฉบับนึงที่แม่เจนเขียนฝากไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
“แม่ต้องรีบกลับไปเพชรบูรณ์ด่วนสัก 2-3 วันนะลูก ตาเราเพิ่งจะเสียเมื่อคืนนี้นะ น้าเพชรโทรมาบอกแม่เมื่อคืน แม่เห็นแกกำลังหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก ยังไงก็ถ้าตื่นแล้วหยิบกับข้าวในตู้เย็นมาอุ่นกินได้นะ มีอะไรก็โทรหาแม่”
เจนอ่านจดหมายของแม่ที่ทิ้งไว้ก่อนไปทำธุระเรื่องงานศพที่ต่างจังหวัด โดยปกติถ้าแม่เธอไม่อยู่บ้าน จะถือเป็นโอกาสดีของเธอที่จะได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนและกลับบ้านดึกๆดื่นๆได้ แต่ด้วยเรื่องเลวร้ายที่เธอเพิ่งจะทำไป ทำให้เธอเริ่มวิตกกับการอยู่คนเดียวลำพัง ระยะเวลา 2-3 วัน อาจจะดูแปปเดียวสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอเวลานั้นมันน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก เรื่องพิกลเริ่มเกิดขึ้น หลังจากที่เจนวางจดหมายลง เธอได้กลิ่นเหม็นๆออกมาจากห้องน้ำ เจนเดินเข้าไปสำรวจดูก็ไม่พบอะไร เธอเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอก อยู่บ้านไปก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ
แต่ว่า.. เพื่อนทั้ง 4 คนของเธอไม่มีใครรับสายเธอสักคน ไลน์ไปก็ไปตอบ ทักเฟสไปก็ไม่อ่าน เจนรู้สึกเริ่มจะหาที่พึ่งไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่อยากจะอยู่บ้านเต็มทน แม่ก็ไปต่างจังหวัดอีก เธอนั่งๆนอนๆไปเรื่อยๆพร้อมกับชุดที่พร้อมจะออกจากบ้าน จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล อีเจน...” เสียงของเกลียว หนึ่งในเพื่อนของเจนโทรมาหลังจากที่ไม่ได้รับสายเจนไปกว่าหลายครั้ง
“เออ.. โทรไปก็ไม่รับ พวกมืงหายไปไหนกันหมด แม่กูก็ไปต่างจังหวัด กูอยู่คนเดียวเนี่ย”
“กูไม่รู้ ช่างแม่มืงก่อน ตอนนี้กูติดต่อใครไม่ได้เหมือนกัน นี่.. มีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตอนนี้ คือ ศพของอีบีอะ ตอนนี้ญาติมันโทรมาที่โรงเรียนบอกศพมันหายไป ตอนนี้ตามหากันให้วุ่นเลยว่าใครเอาศพไปไว้ไหน” เกลียวโทรมาแจ้งข่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบ เนื่องจากศพของบีที่อยู่วัดรอประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้หายไปแล้ว แล้วหายไปไหน?
“อีบ้า ศพคนทั้งคนจะหายไปได้ยังไงวะ? วันที่ป้าแม่บ้านเจอศพมัน ก็มีพวกมูลนิธิเอาศพไปแล้วไง”
“เออกูรู้ แต่ตอนนี้ศพมันไม่อยู่แล้วไง! เออแค่นี้แหละ แค่โทรมาบอก” เกลียวตัดบททันทีหลังจากพูดจบ ทิ้งปริศนาไว้ให้เจนแบบดื้อๆ
เวลาของวันนั้นผ่านไปเรื่อยๆจนถึงเวลาพลบค่ำ เจนใช้เวลาทั้งวันในการเก็บตัวอยู่ในบ้าน เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าใครทั้งนั้น จนกระทั่งเธอเผลอหลับไป แต่ก็ไม่นานนัก เพราะเธอรู้สึกเหมือนใครเดินวนอยู่รอบเตียงเธอตลอดเวลา ถึงแม้สายตาจะมองไม่เห็น แต่สัญชาตญาณและความรู้สึกมันบอกชัดเจนมาก เธอพยายามที่จะข่มตานอนก็นอนไม่หลับ โทรหาแม่ก็ไม่รับสาย คาดว่าคงกำลังยุ่งเรื่องงานศพคุณตาอยู่
เจนนอนเล่นโทรศัพท์ไปสักพัก ก็เหลือบไปเห็น Facebook ของบีเป็นสถานะออนไลน์อยู่ เจนตกใจอยู่สักพัก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า โทรศัพท์ของบียังใช้ได้อยู่ ก็เลยขึ้นเป็นสถานะออนไลน์ล่ะมั้ง แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นน่ะสิ.. จู่ๆ Facebook ของบีก็เด้งขึ้นมาว่าสะกิด (สะกิดเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นของ Facebook เวลาต้องการจะเรียกใคร) เจนถึงกับหน้าเจื่อนไปเลยเมื่อเห็นอะไรแบบนี้ จนสักพักไฟในบ้านก็ดับลง
“เชี้ยไรวะเนี่ยย! กลางวันไม่ดับ มาดับห่าไรตอนกลางคืน!” เจนสบถกับตัวเองพลางหยิบไฟฉายที่หัวเตียงขึ้นมาเปิดเป็นแสงนำทาง เธอยังเดินไม่ไปไม่ทันจะถึงหน้าห้อง ไฟฉายของเธอมันส่องไปที่ช่องประตู พบเงาเท้าคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู! เธอเดินถอยหลังกลับมาแบบใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะเรื่องที่เธอทำมันตีวนกันอยู่ในหัวตลอดเวลา และคงไม่ใช่ขโมยแน่ๆ เพราะถ้าเป็นขโมยคงไม่มียืนแช่นิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนแบบนี้หรอก แล้วเธอเองก็คงไม่เปิดประตูไปดูหรอกว่า เอ๊ะ! นี่ใครเอ่ย แบบในหนังแน่ เพราะสิ่งที่เธอเจอมันไม่ใช่คนอยู่แล้ว ไม่นานขาคู่นั้นก็เดินออกไปจากหน้าประตู และแน่นอนเธอไม่ตัดสินใจที่จะออกทางประตูห้องเป็นแน่ เธอเลยมองไปที่หน้าต่างเพื่อหาทางปีนลงไปจากบ้าน เกิดเธอออกทางประตูห้องนอนปกติ เปิดไปจ๊ะเอ๋กับร่างผีคงไม่เก๋เท่าไร เธอเลยคิดขึ้นมาได้ว่า ในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนเธอมันมีเชือกไนล่อนเส้นใหญ่อยู่ในตู้เก็บผ้าใต้อ่างล้างหน้า คงจะใช้เชือกพันอะไรแล้วค่อยๆปีนลงไปได้บ้าง เจนเลยเดินเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อหาเชือกเส้นนี้
“หืมม.. กลิ่นบ้านี่เมื่อไรจะหายสักที.. เอาว่ะ ยังไงก็ต้องทนกลิ่นเหม็นนี่ไปก่อน เพราะต้องเอาเชือกมาปีนลงหน้าต่างให้ได้” เจนบ่นกับตัวเองเรื่องกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ แต่ตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องใช้เชือกที่อยู่ในตู้ ก็ไม่มีทางเลือกที่จะเลี่ยง ยังไงก็ต้องกัดฟันเข้าไป
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!!! ” เจนร้องดังจนเสียงหลงไปเลย เพราะเธอเปิดตู้ใต้อ่างล้างหน้าที่กะจะไปเอาเชือก แต่ไปเจอศพของบีนอนจ้องหน้าเธออยู่ในตู้! เจนก้าวขาไม่ออก ลุกไม่ได้ เหมือนใจเธอมันหลุดออกไปจากขั้วแล้ว
สักพักเสียงกรี๊ดก็เงียบลง...
เพราะศพของบีลุกขึ้นออกมาจากตู้แล้วลากเจนกลับเข้าไปในตู้แทน พร้อมกับกระแทกประตูตู้อัดหน้าเจนจนสันจมูกแตก แล้วเชือกไนล่อนที่เจนต้องการจะเอามาปีนหนีลงหน้าต่าง ก็กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ผูกประตูตู้เพื่อไม่ให้เจนออกมาจากตู้ได้ แม้จะถีบออกมาก็ไม่เป็นผล
เธอเหมือนได้รับผลกรรมจากการกระทำของเธอด้วยความอาฆาตของบี.. รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่เจนมาถึงบ้านพร้อมกับเห็นศพลูกตัวเองอยู่ในตู้ใต้อ่างล้างหน้า สภาพศพหน้าตาดูไม่ได้ สันจมูกยุบ ตาทะลักเหมือนโดนของแข็งอัดกระแทกเข้าอย่างแรง.. ผู้เป็นแม่ปล่อยโฮใจจะสลาย แต่เหตุก็เป็นเพราะสิ่งที่เจนเคยไปทำไว้ มันคือเวรกรรมที่เหวี่ยงกลับมาทันตาเห็น...
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook : ง่วง
https://www.facebook.com/getbacktobed
หลอน Story // Chapter 1 --- มาตายกับกู ---
เสียงเชียร์ดังลั่นที่ห้องน้ำหญิงหลังโรงเรียน เหตุนักเรียนตบตีดูเป็นเรื่องน่าธรรมดามากกับที่นี่ ทุกๆวันจะมีหญิงสาวมัธยมต้นที่น่าสงสารถูกลวงมารุมตบที่ในห้องน้ำแห่งนี้ เจน นักเรียน ม.ปลาย มือตบอันดับต้นของที่นี่ รอดักทำร้ายร่างกายผู้หญิงทุกคนที่คุยกับแฟนหนุ่มของเธอ ถึงแม้ว่าหญิงคนนั้นจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย ตัวเจนเองก็ไม่เคยแม้แต่จะไปพูดคุยกับแฟนของเธอ เนื่องจากกลัวจะมีปากเสียงกัน ยอร์ช แฟนหนุ่มของเจนยื่นคำขาดว่าหากเธอไปวุ่นวายเรื่องผู้หญิงกับเขาโดยที่ไม่มีหลักฐาน เขาจะเลิกกับเธอทันที แต่ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม ทำให้เธอไม่กล้าที่จะสูญเสีย เพราะเธอได้หน้าได้ตาไปมาก กับการควงผู้ชายคนนี้ไปไหนมาไหน ตัวเจนเองก็ไม่อยากมีปัญหา ก็เลยไปเล่นงานผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องแทน
ในเวลาต่อมา ยอร์ชได้แอบเจนคุยกับเด็กสาว ม.ต้น ทางไลน์ โดยอาศัยการลบแชททุกครั้งหลังคุยเป็นการปกปิดหลักฐาน แต่เจนผู้มีแฟนที่เจ้าชู้และไว้ใจไม่ได้ ก็มีวิธีการที่ทำให้ยอร์ชดิ้นไม่หลุด เพราะเธอแบคอัพข้อมูลแชทในไลน์ของยอร์ชไว้ในคอมพิวเตอร์ ทุกครั้งที่แฟนหนุ่มแชทกับใคร ก็จะมาแจ้งเตือนที่คอมของเจนด้วย เพราะยอร์ชเคยมาล็อคอินแอคเคาท์ไลน์ไว้ในคอมเจน แล้วไม่ได้ล็อคเอาท์ออก เลยเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เจนได้เห็นความเคลื่อนไหวของยอร์ชทั้งหมด
ในวันรุ่งขึ้นเจนไม่รอช้าที่จะไปเคลียร์กับยอร์ชให้รู้เรื่อง เธอลงทุนปริ้นแชทไลน์ทั้งหมดแล้วมากางตรงหน้าแฟนของเธอ สิ่งที่เธอได้กลับมาคือ..
“อย่ามาเสื-กเรื่องของกูนักได้ปะ มาสืบชีวิตกูขนาดนี้ ไม่สบายใจนักก็เลิกกันไปเหอะว่ะ”
“ทำไมพูดอย่างงี้วะ เคยบอกกูว่าอย่ามากล่าวหาอะไรถ้าหาหลักฐานไม่ได้ ก็นี่ไง.. ยังไม่พออีกหรอ นัดกันไปเช่าห้อง มืงนัดไปทำอะไรกัน? ห้ะ ตอบดิ!” เจนซักแฟนของเธอจนแทบจะไม่มีจังหวะให้เว้นช่วงตอบ ยอร์ชก็หน้าเจื่อนไปพร้อมกับโมโหกลบเกลื่อน แล้วบอกเลิกเจนไปแบบดื้อๆ และด้วยนิสัยสันดานของเจนเป็นคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่แล้ว ลองเดาดูก็รู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อไปคืออะไร.. แน่นอน เธอเล่นงานอะไรแฟนเธอไม่ได้แล้วนิ เพราะฉะนั้น คนที่เธอจะจัดการก็คือหญิงสาวที่ยอร์ชไปมีสัมพันธ์ด้วย
เจนนัดกลุ่มเพื่อนของเธอไปประมาณ 3-4 คนที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน เธอได้ไปสืบเสาะมาแล้วว่าหญิงสาวคนนั้นชื่อบี เธอจะนั่งเล่นอยู่ที่หลังโรงเรียนประจำ เจนปฏิบัติการให้เพื่อนไปล่อหญิงสาวมาที่ห้องน้ำแห่งนี้ จนเธอคนนั้นก็มาจริงๆ
“อ้าวยังไงดีล่ะ รู้จักกูไหม?”
“พี่เจน.. หนูต้องกลับแล้วค่ะ” หญิงสาวเรียกชื่อเจนได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งตัดบทเพื่อจะหนีกลับบ้านไปในเวลาเดียวกัน
“รู้นิว่ากูเป็นใคร งั้นก็หน้าด้านมากเลยนะ ทั้งที่รู้ว่ายอร์ชมันคบกับกูอยู่ก็ยังจะเล่นด้วย ดีค่ะ งั้นพี่จะช่วยให้น้องรู้จักพี่มากกว่านี้!”
เจนจัดการรุมตบบีอย่างที่เคยๆทำมากับผู้หญิงคนยอร์ชคนอื่นๆ แต่ด้วยความโมโหและโทษที่มากกว่าผู้หญิงคนอื่น เพราะเนื่องจากบีรู้อยู่แล้วว่ายอร์ชมีเจ้าของ เจนก็เลยจัดชุดใหญ่ให้ แต่ครั้งนี้เธอทำรุนแรงมากกว่าทุกที มีการจับหัวของบีมาที่ขอบประตู แล้วปิดประตูอัดกระแทกจนสันจมูกแตก บีร้องขอชีวิตจนหมดเสียง เจนก็ยังไม่พอใจในความโทสะ จนเธอและเพื่อนๆพากันอุ้มบีไปขังไว้ในตู้เก็บของทำความสะอาดห้องน้ำใต้อ่างล้างหน้า แล้วเอาเชือกฟางในตู้ผูกบานประตูให้บีออกไม่ได้ เจนและเพื่อนของเขากลับบ้านโดยทิ้งให้บีอยู่ในตู้นั้นลำพัง หญิงสาวอยู่ในสภาพที่เลือดเต็มตัวรวมทั้งกำลังจะขาดอากาศหายใจจากในตู้อับชื้นที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ และกลิ่นฉุนของน้ำยาล้างห้องน้ำ
กลายเป็นเรื่องใหญ่ในเวลาต่อมา เพราะบีได้เสียชีวิตใต้ตู้นั้น เนื่องจากแม่บ้านเห็นเลือดเธอนองออกมาจากขอบบานประตูของตู้ จึงเปิดเข้าไปพบศพของหญิงสาวที่มีลักษณะสันจมูกยุบ และหน้าเขียวซีดเพราะขาดอากาศหายใจอยู่ในนั้น เจนผู้ก่อเหตุตกใจจนแทบจะเป็นบ้าจากผลที่ตามมา เพราะเธอไม่ได้คาดหวังให้บีถึงตาย เธอคิดว่าบีจะสามารถกระแทกประตูจนเชือกหลุดออกมาได้เอง แต่บีในตอนนั้นที่ถูกรุมทำร้าย ไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งจะขยับตัว สูดกลิ่นอับและสารพิษจากในตู้จนขาดในตายในที่สุด
เจนใช้ชีวิตแบบปกติตลอดมา เพราะไม่มีใครจับผิดเธอและเพื่อนๆได้ เพราะด้วยสภาพโรงเรียนที่เก่ามาก ไม่มีแม้แต่กล้องวงจรปิดสักตัว ทุกอย่างยังคงอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย เพราะผู้ปกครองของฝั่งบีคงไม่ปล่อยให้หญิงสาวตายฟรีเป็นแน่
อีกคนที่ยังไม่ได้พูดถึงคือยอร์ช ชายหนุ่มผู้ทราบความจริงเป็นอย่างดี เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบี มันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจน แฟนเก่าที่เขาเพิ่งบอกเลิกด้วยเหตุผลที่เขาไปคุยกับบี และนัดไปห้องด้วยกัน ยอร์ชตัดสินใจโทรกลับไปหาเจน เพื่อซักถามในสิ่งที่เกิดขึ้น
“อีเจน กูรู้ว่าเป็นฝีมือมืง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเรื่องบีอะ... เลวกว่าที่กูคิด”
“จะว่ากูยังไงก็เรื่องของมืง อย่ามาเสื-กกับกู” เจนตอบกลับแฟนเก่าไปแบบไร้เยื้อใยใดๆทั้งสิ้น
“เหอะๆ ไม่ยุ่งอยู่แล้ว ตอนนี้มืงกับเพื่อนก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฆาตกรหรอก กูบอกไว้เลยนะ ถึงกูจะไม่ต้องทำอะไร ยังไงสักวันทุกคนก็รู้ความจริง!” ยอร์ชพูดจบก็ตัดสายเจนทิ้งแบบไม่ให้จังหวะให้เธอตอบกลับ
เจนเดินทางกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับความกระอักกระอ่วนในจิตใจ เธอไม่สบตาใครแม้กระทั่งคนที่บ้าน เธอมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอน ไม่พูดไม่จาอะไรกับใคร.. เธออยู่ในห้องนอนจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จนเธอตื่นมากลางดึก เวลาประมาณตีหนึ่งเศษๆ เธอไม่สามารถข่มใจตัวเองให้นอนหลับต่อได้ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นมันหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเจนตัดสินใจเดินไปนอนห้องเดียวกับแม่ของเธอ
“อ่าวลูก ดึกๆดื่นๆยังไม่นอนอีกหรอ?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามหลังจากที่เพิ่งจะสะดุ้งตื่นเพราะเจนเปิดประตูแล้วหอบหมอนผ้าห่มมานอนด้วย
“ค่ะ.. นอนไม่หลับนิดหน่อย หนูขอนอนนี่คืนนึงนะแม่”
แม่ก็ลุกขึ้นมาจัดแจงหมอนผ้าห่มให้เข้าที่ และขยับที่ให้เจนไปนอนข้างๆ จนเธอสามารถนอนหลับไปถึงเช้า จนในวันรุ่งขึ้นเจนตื่นมาพร้อมกับเตียงที่ว่างเปล่า และจดหมายฉบับนึงที่แม่เจนเขียนฝากไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
“แม่ต้องรีบกลับไปเพชรบูรณ์ด่วนสัก 2-3 วันนะลูก ตาเราเพิ่งจะเสียเมื่อคืนนี้นะ น้าเพชรโทรมาบอกแม่เมื่อคืน แม่เห็นแกกำลังหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก ยังไงก็ถ้าตื่นแล้วหยิบกับข้าวในตู้เย็นมาอุ่นกินได้นะ มีอะไรก็โทรหาแม่”
เจนอ่านจดหมายของแม่ที่ทิ้งไว้ก่อนไปทำธุระเรื่องงานศพที่ต่างจังหวัด โดยปกติถ้าแม่เธอไม่อยู่บ้าน จะถือเป็นโอกาสดีของเธอที่จะได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนและกลับบ้านดึกๆดื่นๆได้ แต่ด้วยเรื่องเลวร้ายที่เธอเพิ่งจะทำไป ทำให้เธอเริ่มวิตกกับการอยู่คนเดียวลำพัง ระยะเวลา 2-3 วัน อาจจะดูแปปเดียวสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอเวลานั้นมันน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก เรื่องพิกลเริ่มเกิดขึ้น หลังจากที่เจนวางจดหมายลง เธอได้กลิ่นเหม็นๆออกมาจากห้องน้ำ เจนเดินเข้าไปสำรวจดูก็ไม่พบอะไร เธอเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอก อยู่บ้านไปก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ
แต่ว่า.. เพื่อนทั้ง 4 คนของเธอไม่มีใครรับสายเธอสักคน ไลน์ไปก็ไปตอบ ทักเฟสไปก็ไม่อ่าน เจนรู้สึกเริ่มจะหาที่พึ่งไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่อยากจะอยู่บ้านเต็มทน แม่ก็ไปต่างจังหวัดอีก เธอนั่งๆนอนๆไปเรื่อยๆพร้อมกับชุดที่พร้อมจะออกจากบ้าน จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล อีเจน...” เสียงของเกลียว หนึ่งในเพื่อนของเจนโทรมาหลังจากที่ไม่ได้รับสายเจนไปกว่าหลายครั้ง
“เออ.. โทรไปก็ไม่รับ พวกมืงหายไปไหนกันหมด แม่กูก็ไปต่างจังหวัด กูอยู่คนเดียวเนี่ย”
“กูไม่รู้ ช่างแม่มืงก่อน ตอนนี้กูติดต่อใครไม่ได้เหมือนกัน นี่.. มีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตอนนี้ คือ ศพของอีบีอะ ตอนนี้ญาติมันโทรมาที่โรงเรียนบอกศพมันหายไป ตอนนี้ตามหากันให้วุ่นเลยว่าใครเอาศพไปไว้ไหน” เกลียวโทรมาแจ้งข่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบ เนื่องจากศพของบีที่อยู่วัดรอประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้หายไปแล้ว แล้วหายไปไหน?
“อีบ้า ศพคนทั้งคนจะหายไปได้ยังไงวะ? วันที่ป้าแม่บ้านเจอศพมัน ก็มีพวกมูลนิธิเอาศพไปแล้วไง”
“เออกูรู้ แต่ตอนนี้ศพมันไม่อยู่แล้วไง! เออแค่นี้แหละ แค่โทรมาบอก” เกลียวตัดบททันทีหลังจากพูดจบ ทิ้งปริศนาไว้ให้เจนแบบดื้อๆ
เวลาของวันนั้นผ่านไปเรื่อยๆจนถึงเวลาพลบค่ำ เจนใช้เวลาทั้งวันในการเก็บตัวอยู่ในบ้าน เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าใครทั้งนั้น จนกระทั่งเธอเผลอหลับไป แต่ก็ไม่นานนัก เพราะเธอรู้สึกเหมือนใครเดินวนอยู่รอบเตียงเธอตลอดเวลา ถึงแม้สายตาจะมองไม่เห็น แต่สัญชาตญาณและความรู้สึกมันบอกชัดเจนมาก เธอพยายามที่จะข่มตานอนก็นอนไม่หลับ โทรหาแม่ก็ไม่รับสาย คาดว่าคงกำลังยุ่งเรื่องงานศพคุณตาอยู่
เจนนอนเล่นโทรศัพท์ไปสักพัก ก็เหลือบไปเห็น Facebook ของบีเป็นสถานะออนไลน์อยู่ เจนตกใจอยู่สักพัก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า โทรศัพท์ของบียังใช้ได้อยู่ ก็เลยขึ้นเป็นสถานะออนไลน์ล่ะมั้ง แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นน่ะสิ.. จู่ๆ Facebook ของบีก็เด้งขึ้นมาว่าสะกิด (สะกิดเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นของ Facebook เวลาต้องการจะเรียกใคร) เจนถึงกับหน้าเจื่อนไปเลยเมื่อเห็นอะไรแบบนี้ จนสักพักไฟในบ้านก็ดับลง
“เชี้ยไรวะเนี่ยย! กลางวันไม่ดับ มาดับห่าไรตอนกลางคืน!” เจนสบถกับตัวเองพลางหยิบไฟฉายที่หัวเตียงขึ้นมาเปิดเป็นแสงนำทาง เธอยังเดินไม่ไปไม่ทันจะถึงหน้าห้อง ไฟฉายของเธอมันส่องไปที่ช่องประตู พบเงาเท้าคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู! เธอเดินถอยหลังกลับมาแบบใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะเรื่องที่เธอทำมันตีวนกันอยู่ในหัวตลอดเวลา และคงไม่ใช่ขโมยแน่ๆ เพราะถ้าเป็นขโมยคงไม่มียืนแช่นิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนแบบนี้หรอก แล้วเธอเองก็คงไม่เปิดประตูไปดูหรอกว่า เอ๊ะ! นี่ใครเอ่ย แบบในหนังแน่ เพราะสิ่งที่เธอเจอมันไม่ใช่คนอยู่แล้ว ไม่นานขาคู่นั้นก็เดินออกไปจากหน้าประตู และแน่นอนเธอไม่ตัดสินใจที่จะออกทางประตูห้องเป็นแน่ เธอเลยมองไปที่หน้าต่างเพื่อหาทางปีนลงไปจากบ้าน เกิดเธอออกทางประตูห้องนอนปกติ เปิดไปจ๊ะเอ๋กับร่างผีคงไม่เก๋เท่าไร เธอเลยคิดขึ้นมาได้ว่า ในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนเธอมันมีเชือกไนล่อนเส้นใหญ่อยู่ในตู้เก็บผ้าใต้อ่างล้างหน้า คงจะใช้เชือกพันอะไรแล้วค่อยๆปีนลงไปได้บ้าง เจนเลยเดินเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อหาเชือกเส้นนี้
“หืมม.. กลิ่นบ้านี่เมื่อไรจะหายสักที.. เอาว่ะ ยังไงก็ต้องทนกลิ่นเหม็นนี่ไปก่อน เพราะต้องเอาเชือกมาปีนลงหน้าต่างให้ได้” เจนบ่นกับตัวเองเรื่องกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ แต่ตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องใช้เชือกที่อยู่ในตู้ ก็ไม่มีทางเลือกที่จะเลี่ยง ยังไงก็ต้องกัดฟันเข้าไป
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!!! ” เจนร้องดังจนเสียงหลงไปเลย เพราะเธอเปิดตู้ใต้อ่างล้างหน้าที่กะจะไปเอาเชือก แต่ไปเจอศพของบีนอนจ้องหน้าเธออยู่ในตู้! เจนก้าวขาไม่ออก ลุกไม่ได้ เหมือนใจเธอมันหลุดออกไปจากขั้วแล้ว
สักพักเสียงกรี๊ดก็เงียบลง...
เพราะศพของบีลุกขึ้นออกมาจากตู้แล้วลากเจนกลับเข้าไปในตู้แทน พร้อมกับกระแทกประตูตู้อัดหน้าเจนจนสันจมูกแตก แล้วเชือกไนล่อนที่เจนต้องการจะเอามาปีนหนีลงหน้าต่าง ก็กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ผูกประตูตู้เพื่อไม่ให้เจนออกมาจากตู้ได้ แม้จะถีบออกมาก็ไม่เป็นผล
เธอเหมือนได้รับผลกรรมจากการกระทำของเธอด้วยความอาฆาตของบี.. รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่เจนมาถึงบ้านพร้อมกับเห็นศพลูกตัวเองอยู่ในตู้ใต้อ่างล้างหน้า สภาพศพหน้าตาดูไม่ได้ สันจมูกยุบ ตาทะลักเหมือนโดนของแข็งอัดกระแทกเข้าอย่างแรง.. ผู้เป็นแม่ปล่อยโฮใจจะสลาย แต่เหตุก็เป็นเพราะสิ่งที่เจนเคยไปทำไว้ มันคือเวรกรรมที่เหวี่ยงกลับมาทันตาเห็น...
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook : ง่วง https://www.facebook.com/getbacktobed