ประสบการณ์ อาสาสมัครต่างแดน กับโครงการ AIESEC ที่ประเทศ รัสเซีย ตอนที่ 3

ตอนที่ 3
HOLIDAY & LIFE
ก่อนที่เราจะต้องไปค่ายจะมีวันว่างเยอะ นอกจากฝึกภาษาแล้วบางวันเราก็จะออกไปเดินสำรวจเมืองแล้วก็ไปเที่ยวตามสถานที่ท้องเที่ยวในเมือง มีที่ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยโดยเฉพาะตรงเขื่อนเราชอบไปเดินเล่นมากๆ มีวิวโบสถ์ The Church on the Blood ที่ๆกษัตริย์องค์สุดท้ายของรัสเซีย และเหล่าพระราชวงศ์ถูกปลงพระชนม์ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงบ่อยยิ่งกว่าอารมณ์ของมนุษย์เมน บางวันก็ร้อนจนเหงื่อไหลผู้คนก็จะใส่สายเดี่ยวกางเกงขาสั้น บางวันที่ฝนตกก็หนาวเหมือนฤดูใบไม้ร่วงทุกคนก็จะใส่โค๊ทออกมา เราไปอยู่ที่นู่นแค่ 2 เดือนได้เกือบครบทุกฤดูไม่ป่วยก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว เนื่องจากรัสเซียใหญ่มากในเมืองๆเดียว เราก็ยังเที่ยวไม่หมดอาจจะเพราะต้องทำงานด้วย พอเราเริ่มสนิทกับเพื่อนๆก็เริ่มมีการแลกsouvenirกัน บางคนไม่มีเราก็จะได้เป็นเหรียญเป็นแบงก์ของประเทศนั้นแทน
เราเป็นคนชอบทำกับข้าวก็มีเข้าครัวกับเพื่อนบ้างเด็กไทยสองคนที่ไปทั้งสองคนชอบทำกับข้าวทั้งคู่ก็เลยร่วมกันโชว์ฝีมือทำอาหารไทยให้เพื่อนๆกิน บางวันเราก็ทำที่บ้านให้โฮสกิน ชีวิตแต่ละวันก่อนไปค่ายก็ไม่ค่อยมีอะไร เราเลือกทำแต่สิ่งที่ชอบแค่นั้น ก็คือ ตื่นเช้าไปสอน บ่ายไปเที่ยว เย็นช่วยโฮสทำกับข้าว ล้างจาน เตรียมสอน ออกไปเดินเล่นตอนเที่ยงคืน แล้วก็เข้านอน ลูปชีวิตแลดูมีความสุข แต่เมื่อมีสุขก็ต้องมีทุกข์

หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่าไปรัสเซียนั้นบางธนาคารในประเทศไทยไม่มีนโยบายให้กดเงินผ่านตู้ ATM เลย หรืออาจต้องแจ้งล่วงหน้า แต่เราไม่รู้เลยเราทำการบ้านศึกษารัสเซียก่อนไปนะแต่ส่วนใหญ่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็เรื่องวัฒนธรรมนิดหน่อยอย่างเช่น รัสเซียมีมาเฟียและขโมยเยอะ คนรัสเซียพกปืน ตามถนนมีหมีออกมาเดิน คนรัสเซียไม่ชอบยิ้ม เป็นต้น ซึ่งแบบไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรซักเท่าไรเลย ก็จะมีประโยชน์ตรงที่เราระวังเรื่องโจรมากขึ้น แต่การตัดสินใจมารัสเซียของเราคือ เราเคยเรียนภาษารัสเซียมานิดหน่อยแล้วก็นานมากแล้วเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว เราเลยอยากมาต่อยอดภาษาของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญอย่างเรื่องเงินๆทองๆซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเราดันไม่รู้ตอนนั้นอยู่ๆบัตรเราก็รูดไม่ได้ไปกดเงินก็ไม่ได้ เราใช้ธนาคารไทยพาณิชย์กับธนาคารกรุงเทพตอนนั้น ไม่ได้ทั้ง 2 ธนาคาร แจ๊คพอตมาก แล้วเงินสดก็กำลังจะหมด เราติดต่อไปที่ธนาคารว่าช่วยปลดล็อกบัตรให้หน่อยสิ่งที่เค้าตอบกลับมาคือเราไม่มีนโยบายให้กดเงินในประเทศรัสเซียเลย เราก็กูเกิลเยอะมากจะโอนเงินต่างประเทศยังไงใช้เวลานานเท่าไรเพราะเรากำลังจะต้องไปค่ายแล้วอีก 2 วัน ตอนนั้นเครียดมากเวลาน้อยเหลือเกิน และหนทางที่ได้เงินเร็วที่สุดคือ Western Union. I choose you 555 เพราะ 14 นาทีได้เงินเลย แต่ค่าธรรมเนียมโครตแพงแต่ก็ไม่ต่างกับโอนเงินเข้าบัญชีเท่าไร แถมอันนี้สะดวกกว่า อุปสรรค์ครั้งนี้ทำให้เราเรียนรู้เรื่องการโอนเงินข้ามประเทศแทบจะเกือบทุกวิธีเลย บางทีมีอุปสรรค์บ้างมันก็ดีนะ แล้วก็จริงๆคนรัสเซียใจดีมากคือเราเป็นมนุษย์ที่หอบทุกอย่างจนหลายคนก็ทักว่าหอบบ้านมาหรอ555 ตอนที่เราลากกระเป๋าไปขึ้นรถตามถนนมีคนมาช่วยตลอดหล่อและใจดี อยุ่ในสนามบินหรืออยู่ที่ไหนบางทียังไม่ได้ขอให้ช่วยคนรัสเซียก็จะเข้ามาถามเลยว่าให้เค้าช่วยไหมเราก็เซยเยสตลอด ใครว่าคนรัสเซียใจร้ายไม่จริงแล้วก็ไม่ได้เจอหมีเลยซักตัว กลับมาไม่มีของหายผิดกับที่ได้ยินมาเกือบทุกอย่างยกเว้นเรื่องปืน
ปัญหาอีกอย่างตอนที่อยู่ที่นั่นคือเรื่อง Social Media อยู่นู่นใช้ไลน์ไม่ได้ E-mail ก็เข้าไม่ได้ต้องมายืนยันตัวตนอะไรหลายอย่างเยอะมาก เกมส์ ROV ที่เค้าฮิตๆกันตอนนั้นก็เล่นไม่ได้ ทำให้เราได้รู้ว่าอะไรแบบนี้ไม่ได้มีที่จีนประเทศเดียว
ก่อนที่เราจะเดินทางไปค่ายได้มี Volunteers กลุ่มแรก เราจะเรียกว่า wave 1 ส่วนเราเป็น wave 2 ซึ่งกลุ่ม wave 1 กลุ่มนี้ได้ไปที่ค่ายๆหนึ่งแต่พวกเขาทำproject ไม่สำเร็จแล้วกลับมาก่อนที่จะจบproject เพื่อนกลุ่มนี้เล่าให้ฟังว่าที่ๆพวกเค้าไปไม่มี internet แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีต้องนั่งรถไปในหมู่บ้านห่างจากค่ายประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วอาหารก็แย่ไม่อร่อย ต้องนั่งรถบัสไปจากที่นี่ 12 ชั่วโมงแบบห่างไกลมาก เราแบบอึ้งกับคำว่าไม่มี internet มากที่สุดแต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะในตอนนั้นเราไม่ได้จะไปที่ค่ายนี้ และแล้วก็แจ๊คพอตรอบที่ 2 ค่ายที่เราจะได้ไปในตอนแรกเค้ามีปัญหาอะไรซักอย่างทำให้เราไปไม่ได้ ทางโครงการเลยให้เราไปที่ค่ายที่เพื่อน wave 1 ไปแทน ตอนนั้นเราและเพื่อนกลุ่มของเราพยายามเถียงทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ไปที่นี่ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงในตอนแรก แต่พอมานั่งคิดๆกันดูดีๆว่าเจตนาที่เรามาที่นี่แต่แรกเพื่อมาเป็นอาสาสมัครก็เลยยอมไป โดยพวกเราตั้งแผนกันไว้ว่าไม่ว่าจะยังไงเราจะทำมันออกมาให้ดีให้ได้พวกเราจะคอบสนับสนุนซึ่งกันและกันและเราจะต้องเป็นteam ที่ดีที่สุดใน wave 2 ปี 2017 เป้าหมายยิ่งใหญ่มากทั้งๆที่ในใจนี่คือแบบไม่มีความมั่นใจใดๆทั้งสิ้น5555555

THE CAMP
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงค่ายที่ๆเราจะได้เริ่มProject ของเราอย่างเต็มตัว ในteam ของเรามีคนอินเดีย 2 คน เป็นผู้ชายชื่อสแตมป์กับภานุ อียิปต์ 1 คน เป็นผู้ชายชื่อซาลา กาน่า 1 คน ชื่อกลาเดียส เป็นผู้หญิง แล้วก็เรา รวมเป็น 5 คน วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกอากาศชื้นท้องฟ้าปิด ก้าวแรกที่ลงมาจากรถบัสในใจก็แบบเฮ้ยนี่มัน Twilight เป็นหมู่บ้านกลางป่ามีต้นสนเยอะๆไม่มีแสงอาทิตย์ Edward!!!! ต้องมีแวมไพร์อยู่ที่นี่แน่ๆ ผู้คนก็ตัวซีดๆ ภาพในหนัง Twilight นี่แบบใช่เลย จากนั้นคนที่ค่ายก็มารับเราขึ้นรถไป รถวิ่งเข้ามาในป่าตามริมแม่น้ำเข้ามาเรื่อยๆ แบบธรรมชาติที่นี่สวยมาก หน้าผาต้นไม้อากาศโอโซน แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆความรู้สึกเหมือนใจกำลังจะขาดตามสัญญาณโทรศัพท์T T เลยตอนนั้น เพื่อนเรากลาเดียสก็ทำหน้าเหมือนกำลังจะขาดใจขึ้นมา เราก็เลยต้องพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นด้วยการเริ่มตื่นเต้นกับธรรมชาติข้างทางชวนนางดูนั่นนี่ แล้วก็มาถึงค่ายที่ข้างหน้าเป็นป่า ข้างหลังก็ป่า ซ้ายป่า ขวาป่า มีป่าสนล้อมรอบไปหมด จากนั้นเค้าก็พาสำรวจพื้นที่ แล้วก็บอกว่าแถวนี้มีหมาป่าอย่าเดินเข้าไปในป่าคนเดียวไม่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นหนูน้อยหมวกแดง (หนูน้อยหมวกแดงนี่เราพูดเอง) เอาแล้วไงมี Jacob โผล่มาแล้วเหลือแต่ Edward ซึ่งอาจจะปลอมตัวเป็นพวกเราอยู่ อย่าเพิ่งหาว่าเราบ้านะเราก็มโนไปดีกว่าปล่อยให้ตัวเองเครียด5555 แค่แก้เครียดกับเพื่อนขำๆ หาเรื่องบันเทิงแก้บรรยากาศที่ตึงเครียดกัน
หมู่บ้านนี้ชื่อ Ust-Katav เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาที่อากาศโคตรจะดีและเงียบมาก ส่วนใหญ่คนที่นี่จะสร้างสีสันด้วยเสียงดนตรี

FIRST DAY OF THE PROJECT
เราขอเรียกวันนี้ว่า Photo day เนื่องจากที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกลดังนั้นจึงไม่มีนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติมาที่นี่การแนะนำพวกเรากับเด็กๆทำให้เด็กๆตื่นเต้นมากแล้วทั้งวันก็เป็นการถ่ายรูปและเซลฟี่ตลอดทั้งวัน group บ้าง เดี่ยวบ้าง ความรู้สึกตอนนั้นยังกับเป็น super star 5555 เด็กที่นี่ชอบกอดมากแล้วปกติเราก็เป็นคนที่ชอบการกอดเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วทำให้เรารักเด็กๆที่นี่มากๆกอดกันมันทั้งวัน เด็กที่นี่มีตั้งแต่ประมาณ 7 ขวบขึ้นไปจนถึง 17 ปี จำนวนประมาณ 200 คน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่