อยากทราบว่ามีใครเคยเจอประสบการณ์เกี่ยวกับที่เรียนพิเศษแบบนี้บ้างไหมครับ?

ตามหัวข้อกระทู้นะครับ ผมอยากทราบว่าใครเคยเจอมาบ้าง ส่วนตัวผมจะมาเล่าเกี่ยวกับที่เรียนพิเศษโลโก้สีฟ้า (6 สาขาใกล้บ้านคุณ)
นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้งขึ้นมาครับ อาจจะมีสิ่งใดผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอเริ่มเลยนะครับ คือตอนนี้ผมศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครับปีนี้ผมจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผมจึงไปขอคุณแม่เรียนพิเศษเพื่อจะติวเข้ามหาวิทยาลัยครับ แม่ก็เห็นด้วยกับผมและถามผมว่าอยากจะเรียนเน้นวิชาที่ต้องใช้กับคณะตัวเอง หรืออยากจะเรียนเป็นคอร์สเพื่อที่จะได้คะแนนรวมออกมาดี ในตอนแรกผมตัดสินใจจะเรียนเน้นวิชาไปแล้วแต่แม่บอกว่าไหนๆก็จะเรียนก็เรียนเป็นคอร์สไปเลยน่าจะคุ้มมากกว่า พอดีกับที่ตอนนั้นมีจดหมายจากที่เรียนพิเศษส่งมาที่บ้านบอกว่าถ้าหากนำจดหมายนี้ไปยื่นที่ด้านหน้าเคาท์เตอร์จะได้ส่วนลด แม่ผมสนใจมากวันต่อไปจึงไปที่เรียนพิเศษโลโก้สีฟ้าสาขาใกล้บ้านครับ พอไปถึงก็ได้เจอกับกลุ่มนักเรียนกำลังนั่งฟังพี่เจ้าของสถาบันแนะนำการศึกษาต่อแบบใหม่ของปีผมพอดี แต่ผมกับแม่ยังไม่ได้ฟังรายละเอียดมากสักเท่าไหร่จึงรอให้พี่เขามาแนะนำตัวต่อตัวดีกว่า นั่งรอไปสักพักพี่เจ้าของสถาบันก็มาให้คำปรึกษาผมกับแม่เกี่ยวกับเรื่องคอร์สเรียนครับ พี่เขาพูดดีมากครับแนะนำทุกอย่างดีหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถผ่อนได้เป็นรายเดือน หรือหากเดือนไหนไม่พอจ่ายก็สามารถไปจ่ายอีกเดือนได้ (แต่ในครั้งแรกก่อนเข้าเรียนต้องจ่าย 5,000บาทก่อนครับ และถ้าหากไม่ติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ต้องการก็จะคืนเงินให้ด้วยครับ) เรื่องคอร์สเรียนเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยก็สมบูรณ์มากๆครับ มีทั้งคอร์สตอนช่วงก่อนเปิดเทอมที่เน้นเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเรียนใน ม.6 มีแบบแยกห้องสายวิทย์-คณิต และศิลป์-ภาษาด้วยครับ และมีเรียนเกี่ยวกับคอร์สGAT-PAT คอร์สO-NET และคอร์ส 9วิชาสามัญครับ อีกทั้งยังมีพาไปทัศนศึกษาเรียนรู้ด้านนอกสถาบันฟรีเพื่อผ่อนคลายอีกด้วย ผมกับแม่เห็นแล้วมันดูคุ้มค่ามากกับค่าเรียนประมาณเกือบ 3-4 หมื่นบาท จึงตัดสินใจสมัครเรียนในวันนั้นเลยครับ และนั่นเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดในชีวิตของผมครับ ผมได้สัญญากับแม่ว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ตั้งใจเอาไว้ ถ้าหากต้องไปเรียนพิเศษทุกวันไม่พักผมก็ยอมได้ และในวันแรกที่ผมไปเรียน (ผมเรียนสายศิลป์-ภาษาครับ) ในห้องมีประมาณ20-30 คนได้ ทุกคนก็ดูตั้งใจมาเรียนครับพี่ที่เข้ามาสอนก็สอนเนื้อหาเข้าใจง่าย เอกสารก็ให้ครบถ้วนดีครับ แต่จากที่ทุกคนตั้งใจเรียนพี่ตั้งใจสอน ผ่านไปประมาณไม่ถึงชั่วโมงทุกคนเหมือนสติแตกครับ เริ่มถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียน จริงๆผมก็ชอบนะครับมันคลายเครียดดี แต่มันไม่ได้แค่ 10-20 นาทีครับ มันยาวกินเวลาเรียนไปเยอะจนคนที่เขาตั้งใจจะเข้ามาหาความรู้ที่นี่เริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว ในวันแรกผมไม่ได้คิดมากขนาดนั้นครับเพราะมีบางคนเขาเคยมาเรียนกันตั้งแต่ ม.5 คงจะสนิทกับทั้งพี่ที่สอนแล้วก็เพื่อนๆในห้องแล้ว ผมเป็นเด็กใหม่คงเหมือนตัวประหลาดมากกว่าที่นั่งเฉยๆไม่ได้เสียงดังโหวกเหวกโวยวายอะไร แต่แล้วสิ่งที่ผมพยายามไม่คิดมากมันก็เริ่มหนักขึ้นทุกวันครับ เพื่อนที่เขาเคยเรียนมาก่อนหน้านี้แล้วเขาสนิทไปทั่วทั้งที่เรียนพิเศษครับ คุยเล่นเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันทั้งๆที่พี่ๆเขาอายุมากกว่า ใช้คำพูดบางคำที่มันไม่เหมาะสม ตะโกนเสียงดัง บางทีตอนผมนั่งแถวโต๊ะนั้นก็ได้ยินพวกเพื่อนเอาพี่ในสถาบันไปนินทาด้วยครับ ทำตัวสนุกสนานเหมือนที่นั่นไม่ใช่ที่เรียนพิเศษเลย ผมก็พูดอะไรไม่ได้ครับแค่อยากบอกแทนความรู้สึกของบางคนในห้องนั้นที่อยากจะศึกษาหาความรู้จริงๆแต่กลับไม่มีสมาธิเพราะเพื่อนแบบนั้น และบางครั้งที่ผมอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเจ้าของสถาบันให้จัดการให้หน่อย ก็จะมีการว่ากล่าวตักเตือนเพียงเล็กน้อยให้เสียงเบาลงเท่านั้น แต่ก็นั่นแหละครับพี่เขาไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนทุกครั้งสักหน่อยก็ต้องทนไปอยู่ดี เห็นแก่ค่าเรียนที่แพงแสนแพงที่แม่ต้องมารับภาระนี้ ยังพี่บางคนที่เป็นพนักงานสนิทถึงขั้นคุยจิปาถะไปเรื่อยได้เลยครับ เด็กใหม่อย่างผมเคยที่จะไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องเอกสารที่ยังไม่ได้เขาก็จะตอบแบบนิ่งๆ ตอบแบบให้เสร็จๆไป คือผมไม่เข้าใจว่าจะต้องเอาใจเพื่อนๆแบบนั้นไปทำไมกันในเมื่อพวกเขาทั้งเสียงดัง เล่นกันอย่างกับเด็ก หรือเพราะวัดจากการเอาใจมากกว่าผลการเรียนกันแน่ พี่ๆเขาเคยบอกนะครับว่าถ้าหากมหาวิทยาลัยไหนเปิดรับรอบนี้ๆๆ มีข้อมูลอะไรใหม่จะติดต่อแล้วเอาลงบอกผ่านทางกลุ่มLineที่สร้างไว้ แต่เท่าที่เห็นก็มีพวกเพื่อนที่มาก่อนแล้วลงรูปผู้ชายบ้าง คุยเรื่องไม่เป็นเรื่องบ้าง มีบ้างนะครับที่พี่เขาบอกให้สนใจเรียนแต่น้อยครั้งมากๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องตอบแบบเล่นด้วยก่อนตลอด และเท่าที่ผมเห็นจริงๆข้อมูลของแต่มหาวิทยาลัยที่เอามาลงนั้นก็สามารถรู้ได้จากครูแนะแนวที่โรงเรียนครับ ผมว่าจริงๆแล้วกลุ่มแนะแนวที่โรงเรียนของผมยังรู้เยอะกว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งโควตาต่างๆ ทั้งการเชิญชวนมหาวิทยาลัยมาแนะแนวการศึกษาถึงที่โรงเรียน ทางสถาบันให้มาเพียงแค่เว็บของมหาวิทยาลัยที่จะเปิดรับแต่ละรอบเท่านั้นครับ ผมเข้าใจว่าต้องเข้าไปศึกษาเองแต่บางอย่างผมก็อยากปรึกษา และมีเรื่องสงสัยจะถาม พี่ก็จะให้คำตอบเหมือนกับว่าต้องรอข้อมูลที่แน่นอนก่อนถึงจะบอกได้ ผมเคยรอนะครับรอจนจะหมดการสมัครรอบที่ 1 ผมก็ยังไม่ได้คำตอบนั้น นอกเหนือจากทุกสิ่งทุกอย่างเลยคือการสอนครับ การสอนของพี่ๆที่นี่เน้นใช้เอกสารประกอบเสมอ ผมมองว่าดีครับเพราะเอาไปทบทวนได้หลายรอบ แต่มีพี่บางคนครับเล่นสนุกกับเพื่อนกลุ่มก่อนหน้าเพลินจนเวลาสอน 3 ชั่วโมงก็ทำการสอนไปได้เพียง 3 หน้าเท่านั้น (ใน 3หน้านี่มีโจทย์ไม่เกิน 5 ข้อนะครับ) ผมสนุกก็จริงครับแต่ผมเหนื่อยมาก เหมือนผมตื่นเช้าไปเข้าเรียนให้ทันเวลา ซึ่งพี่บางคนที่มาสอนก็สายไปครึ่งชั่วโมงแล้วทำการสอนไปได้แค่ 3 หน้าอีก ถึงจะมีพี่ที่ดีมากๆอยู่บ้างที่แสดงตัวออกชัดเจนว่าชอบคนตั้งใจเรียนมากกว่า แต่ก็ส่วนน้อยมากจริงๆครับ อย่างผมเรียนไป 5 วิชาก็จะมีพี่ที่สนใจเด็กเรียนจริงๆแค่คนเดียวครับ แต่ในบางมุมนะครับการสอนที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญอีกใช่ไหมล่ะครับ ผมเคยที่จะได้เรียนวิชาภาษาไทยกับพี่ในสถาบันนี้ แล้วผมตอบไม่เหมือนพี่เขา ผมแย้งด้วยเหตุผลว่าของผมต้องเป็นแบบนี้ๆๆ พี่เขาก็บอกว่าดูมาดีแล้ว แต่พอเฉลยจริงในห้องกับเพื่อนคนอื่นก็เฉลยแบบที่ผมแย้งพี่เขาไปครับ เอาจริงๆผมเกิดความคิดขึ้นมาครับว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับเรียนสดเลยลองไปเรียนในคอมของสถาบันดูครับ ผลก็คือดีกว่ามากครับ VDOที่อัดสอนไว้มีแต่เนื้อหาจริงๆครับ เฉลยไปทีละข้อ อธิบายไปทีละอย่าง ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกเลยถึงผมจะรู้ว่าบางคนคิดว่ามันน่าเบื่อไปหน่อย อยากได้บรรยากาศแบบตอนสอนสด แต่ผมบอกเลยว่าแบบนี้มีความสุขกว่าจริงๆครับ เรื่องที่ไม่มีความสุขในห้องสอนสดคือตอนที่เพื่อนกลุ่มนั้นลงมาพักกินข้าวนั่นแหละครับ พวกเขาเก่งนะครับเสียงดังได้ทั้งวัน เล่นกันเหมือนปีนี้พวกเขาไม่ได้จะไปสอบ ไม่ได้รู้ถึงปัญหาของคนอื่นเลยว่าเงินแต่ละบาทที่พ่อแม่เสียให้เรียนพิเศษมันสำคัญมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รังเกียจที่มีคนสร้างเสียงหัวเราะนะครับ ผมแค่คิดว่ามันมากไปที่ทุกครั้งจะต้องทำแบบนี้เท่านั้นเอง ในการเรียนที่ผ่านมาที่นี่ผมไม่มีความสุขเลย มันทำให้ผมคิดว่าจริงๆเรื่องที่พี่ในสถาบันพูดว่าจะช่วยนั่นช่วยนี่ทุกอย่างมันหลอกลวง ทัศนศึกษาข้างนอกก็ต้องเสียเงินอยู่ดีครับ ข้อมูลที่จะมาบอกก็ไม่ได้บอก เรื่องของการทำ Portfolio บอกว่ามีรูปแบบตัวอย่างสวยๆให้เข้าไปทำกัน มันก็เป็นเพียงรูปแบบที่ทำไว้แล้วให้เราเปลี่ยนเป็นรูปภาพตัวเองเท่านั้น ผมรู้นะครับว่ามีกลุ่มของพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ด้วยและในกลุ่มนั้นก็ยังมีเพื่อนที่คุยเรื่องผู้ชายอย่างไม่อายผู้ใหญ่กันได้เลยครับ บางคนก็อาจจะมาเรียนเพราะได้แต่งตัวมาข้างนอกมากกว่า สถาบันเขามีรีวิวมากมายครับว่าเด็กที่เรียนจบไปติดมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนสูงเพราะเขา แต่ผมพูดได้เต็มปากว่า เพราะตัวพี่ที่ติดเองมากกว่าครับ เพื่อนในโรงเรียนผมก็เรียนที่นี่หลายคนนะครับ และมีหลายคนที่เห็นด้วยกับผมว่ามันไม่ได้ผลหรอกเลิกเรียนแล้วอ่านเองจะดีกว่า มีเรื่องที่ผมงงตรงที่เพื่อนผมทนไม่ได้เลยเลิกเรียนไปส่วนเงินที่ยังจ่ายไม่ครบพี่เขาก็ไม่ได้ทวงอะไรครับ มันเหมือนกับว่าจริงๆแล้วคอร์สเรียนไม่ได้ถึง 3-4 หมื่นด้วยซ้ำ แม่ผมนี่แหละครับที่ไม่เคยติดเงินใครได้นานเวลาครบเดือนแม่ผมจะให้เงินผมไปจ่ายที่สถาบันตลอด (ผมผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000เกือบทุกเดือนครับ) แต่มีเดือนที่ผมจ่ายช้าไป 2 วันเขาทักLineมาทวงเลยครับว่าถึงวันกำหนดจ่ายเงินแล้ว ผมก็เอาเงินไปจ่ายไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเพื่อนคนอื่นคงจ่ายครบกันแล้วแต่ตอนที่ไปรับใบเสร็จจะมีให้ลงชื่อคนที่จ่ายเงินเดือนนั้นกลับมีชื่อแค่เพียง 10 คนเท่านั้นครับ บางคนผมเข้าใจว่าเขาอาจจะจ่ายเต็มจำนวนในครั้งแรกไปแล้วแต่กับบางคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเรียนอยู่แล้ว มาแค่พูดคุยสนุกกับพี่ๆในสถาบันเท่านั้นยังไม่จ่ายกันได้เลยครับ และจะให้ผมไม่คิดได้ไงครับว่าเขาก็ชอบเด็กเอาใจแบบนั้นมากกว่าเด็กที่จะตั้งใจเข้าไปเรียนจริงๆอยู่แล้ว ผมมาเล่าเป็นประสบการณ์นะครับอยากทราบว่าคนอื่นๆเคยเจอแบบนี้มาก่อนบ้างรึเปล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่