สวัสดีครับทุกคน เรามาพบเจอกันอีกแล้วในกระทู้รีวิวทริปเวียดนาม ซึ่งบอกก่อนว่าทริปเวียดนามนี้เป็นทริปที่ผมดองมาค่อนข้างนานพอสมควร เพราะไม่มีเวลาเขียนเลยจริงๆ แต่เมื่อพอมีเวลาว่างก็เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้พอนำไปเป็นแนวทาง สำหรับใครที่อยากลองเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง บอกเลยครับว่าไม่ยากอย่างที่คิด
เรื่องของเรื่องก็คือ ช่วงที่ตัดสินใจจะไปเวียดนามนั้น เกิดว่างพอดี อยู่ดีๆ ก็ตกงานซะอย่างนั้นก็เลยตัดสินใจออกไปผจญภัยกับเค้าดูบ้าง ประกอบกับเพื่อนชวนไปเวียดนามพอดี ก็เลยตกลง เอ้าไปก็ไป และอีกสิ่งที่ตัดสินใจทำให้ไปก็คือ เวียดนาม เป็นประเทศที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะเลย แค่ค่าเครื่องบิน ถ้าหากหาดีๆ จะได้ในราคาที่ไม่เกิน 3,500 แบบไป-กลับ ซึ่งถือว่าดีมากๆๆ
แต่คราวนี้เรื่องตั๋วเครื่องบินไปเวียดนามผมใช้
Traveloka ในการเป็นตัวช่วยหา เพราะสะดวกมากก สะดวกไปอีก แค่กดๆ เลื่อนๆ ระบบก็จะโชว์ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกสุดของวันมาให้ สุดท้ายได้ตั๋วไปกลับเวียดนามในราคาฟินๆ แค่ประมาณ 2,700 บาทเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Hanoi.HAN/1
Day 1
พอลงมาจากเครื่องบินปุ๊ปป ผมก็ตรงดิ่งไปหาซื้อซิมปั้ปป เพราะทุกอย่างผมไม่ได้กะเตรียมมาล่วงหน้า แม้กระทั่งสถานที่ๆ จะไปก็ยังไม่รู้ 5555 เนื่องจากเคยมาเที่ยวเวียดนามแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เลยอยากจะชิลล์ๆ ไม่ไปที่เดิมแล้ว อยากจะเน้นเที่ยวแถวย่านเมืองเก่า เดินเก็บบรรยากาศเสียมากกว่า ก็เลยกะซื้อซิม เสิรช์หาที่เที่ยว เปิดดูกูเกิ้ลแมปไปพร้อมๆ กัน สำหรับใครที่จะไปเวียดนามเดี๋ยวนี้ ซื้อซิมจากไทยเปิดไปได้เลยก็มีเยอะแยะ จะได้ไม่ต้องไปถูกหลอกเสียเงินค่าซิมเกือบ 1,000 บาทอย่างผม สุดท้ายแล้วเน็ตก็เล่นได้แค่ 4 GB เท่านั้น วันหลังๆ นี่แทบจะเดาทางสุ่มมั่วกันเลยทีเดียว
หลังจากซื้อซิมเสร็จ มีหรือคนงกอย่างผมจะยอมนั่งรถแท็กซี่เพื่อเข้าเมืองฮานอย เพราะเรารีเสิชมาเป็นอย่างดีว่า ภายในสนามบินฮานอยนั้น จะมีรถประจำทาง หรือว่าบัสนั่นแหละ คล้ายๆ กับรถเมลล์บ้านเรานั่งเข้าไปลงตรงเมืองเก่าฮานอยได้เลย ง่าย สะดวก แล้วก็ถูกมาก เพราะสนนราคาประมาณ 30,000 VND หรือประมาณ 40 บาทบ้านเราไม่เกินนี้ (ไม่เกิน 50) โดยสายรถเมล์ที่ขึ้นคือ 86 ดูตัวเลขให้ดี รถจะจอดด้านหน้าสนามบิน เยื้องไปทางซ้าย ขึ้นคันอื่นไปผิดไม่รู้ด้วยหนาา
ลงมาจากรถเมล์ปุ๊ป ก็เดินหาโรงแรมปั๊ป โรงแรมที่เราพักในฮานอยคราวนี้ก็คือ ‘Gia Thinh Hotel’ คือชื่ออ่านยากมากก อ่านไม่ออกว่าอะไรเหมือนกันครับ ซึ่งที่พักคราวนี้ก็ได้มาจาก
Traveloka อีกเช่นเคย ถูกมาก ราคาไม่แรง ประมาณ 9xx บาทต่อคืน แต่จะบอกว่ากว่าจะได้ที่พักมา ผมทำการรีเสิชนานมาก และเห็นว่าที่พักแห่งนี้ก็ได้คะแนนดีมาก ทั้งเรื่องของทำเล ที่อยู่ถือว่าใจกลาง เดินทางง่าย ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และที่สำคัญคือพนักงานให้บริการดีมากครับ ถามไถ่ตลอด แนะนำได้หมด ถ้าใครมาเที่ยวเวียดนามครั้งแรก และไม่รู้จะพักที่ไหน ผมแนะนำเลยครับ เดี๋ยวใส่ทางไปจองที่พักให้ครับบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.traveloka.com/th-th/hotel/vietnam/gia-thinh-hotel-1000000414290
วันแรกผ่านไปไม่มีอะไรมาก มาถึงก็ดึกแล้ว กว่าจะถึงโรงแรม ประมาณ 4 ทุ่มได้ ก็แค่หาอะไรกินแถวโรงแรม แล้วก็หลับไป เตรียมเก็บแรงไว้ตะลุยวันต่อไปครับ
Day 2
ตื่นขึ้นมาก็เริ่มจะหิว ด้วยความที่ขี้งก เวลาจองโรงแรมก็ไม่อยากบวกเงินเพิ่มเพื่อซื้ออาหารเช้า เพราะอยากลองอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง ก็เลยต้องตื่นแต่เช้า ออกมาเดินหาของกิน ซึ่งของกินที่เลือกในเช้าวันนี้ก็คือเฝอนั่นเอง ซึ่งเฝอนั่นก็หากินได้ง่ายมากๆ ในเวียดนาม มีให้เลือกตั้งแต่เฝอไก่ เฝอเนื้อ เฝอหมู เยอะแยะมากมาย ใครชอบกินเฝอ อยากให้ลองหลายๆ ร้าน เพราะตั้งแต่ที่ลองมา ยังไม่มีร้านไหนรสชาติเหมือนกันเลย ฮาา
หน้าตาเฝอก็จะเป็นแบบนี้ เหมือนก๋วยเตี๋ยว แต่เส้นไม่ใช่ แล้วก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แถมบางร้านก็จะมีเส้นเฝอให้เลือกหลายแบบ ใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวก็จะฟินๆ กันไป ยิ่งตอนเช้าๆ อากาศหนาวๆ ซดน้ำไป คีบเส้นเข้าปากไป เผลอๆ ไม่นานก็หมดชามกันเลยทีเดียว
กินเสร็จอะไรเสร็จ ตกลงกันว่าเดี๋ยวจะค่อยๆ เดินไปยังทะเลสาบฮว๋านเกี๋ยม ก็เดินๆๆ มาเรื่อยๆ เลย ตามทางก็จะมีทั้งร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ เต็มไปหมดเลย เสียดายที่วันนี้ฟ้าไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่
เดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึง St. Joseph's Cathedral โบสถ์ที่ใครๆ ก็นิยมมาถ่ายรูปกัน ปกติแล้วไม่รู้ว่าเปิดให้เข้าชมหรือเปล่า ตอนแรกเห็นแค่ด้านนอก คงคิดว่าข้างในคงปิดไปแล้วแน่เลย แต่ผิดคาด อยู่ดีๆ วันนี้ผมก็สังเกตเห็นคนเริ่มเดินเข้าไปในโบสถ์ ก็แสดงว่าวันนี้โบสถ์เปิด ก็เลยลองเดินตามเข้าไปดูบ้าง ปรากฏว่าข้างในโบสถ์ก็มีสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ มีคนมานั่งสวดภาวนาด้วย เดินเล่นอยู่แถวนั้นสักพักก็ตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรดื่มกัน
ด้วยความที่ร้านกาแฟในเวียดนามมีเยอะมากๆๆ มีให้เลือกแบบไม่รู้จะนั่งร้านไหนดี มีทั้งร้านโลคอล ร้านหรูๆ ร้านฮิตๆ ฮิปๆ คือมีหมด สุดท้ายเราก็เลยเลือกร้าน ‘Cộng Cà Phê’ ออกเสียงว่ายังไงก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ฮาาา รู้แต่ว่าดังสุดอะไรสุด มีตั้งตามย่านแหล่งท่องเที่ยว หาง่าย และมีคอนเซ็ปท์ออกทหารๆ เวียดนาม ตกแต่งร้านดี มีของตกแต่งดีเทลเยอะแยะ ที่ชอบก็คือพนักงานก็แต่งชุดเหมือนทหารเวียดนามด้วยเช่นกัน เลยลองสั่งกาแฟมาชิม และสมูทตี้โยเกิร์ต
พอนั่งชิลล์ร้านกาแฟไปสักพัก ก็เลยตัดสินใจเดินเล่นรอบๆ เมืองเก่าฮานอยไปเรื่อยๆ พบว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าสนใจมากๆ มีทั้งวัฒนธรรมความเก่า และความใหม่กลมกลืนกันไป ยังคงมีวัด และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย แทรกไปด้วยคาเฟ่ โรงแรม หรือแม้แต่ร้านขายเบียร์คราฟท์ก็ยังมี เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เดินได้เพลินมากๆ พอเดินๆ เสร็จปุ๊ปก็ถึงเวลาเติมเสบียงลงท้อง หยิบมือถือมาเสิรช์ปุ๊ปปั๊ป ก็ได้ร้านนี้มา
นั่นก็คือร้านอาหารที่ชื่อว่า ‘New Day Restaurant’ ฟังชื่อยังไงก็ไม่เวียดนามสักที แต่ทีเด็ดของร้านนี้คือได้คะแนนเยอะมาก (เชื่อแต่คนอื่นอีกละ 555) แถมยังมีคนไปคอมเม้นว่าเป็นร้านที่เมนูกินง่าย ถึงแม้ใครไม่สันทัดอาหารเวียดนามก็กินได้อย่างแน่นอน! ไม่รอช้ารีบไปทันที พบว่าร้านก็คนเยอะอยู่เหมือนกัน ชำเลืองมองดูแต่ละโต๊ะก็ไม่เห็นจะสั่งเหมือนกัน แสดงว่าจะต้องมีเมนูหลากหลายอย่างแน่นอน ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปเพราะกว่าจะหยิบกล้องขึ้นมา ทุกคนก็กินไปซะหมดแล้ว เพราะว่าหิวกันมากๆๆ
หลังจากกินอะไรเสร็จ คืนนี้แหละจะเป็นคิวที่เราจะไปเดินเล่นกันที่ถนน Ta Hien Street ที่เหมือนกับเป็นย่านข้าวสารบ้านเรา จะเต็มไปด้วยผับ บาร์ และคาเฟ่ รวมถึงมี street food มากมายให้เลือก สุดท้ายมาเจอร้านหนึ่ง ซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าร้านไหน ขายเบียร์สดด แล้วคือที่พีคครับคุณผู้ชม เพราะว่าเบียร์สด 1 แก้ว มีสนนราคาประมาณ 15 บาทไทยเท่านั้นเองครับ ใช่แล้วครับ ฟังไม่ผิดครับ เป็นอะไรที่ผมตื่นเต้นมาก จัดไปหน่อยสักหนึ่งแก้ว รสชาติก็ไม่แย่ ไม่ขม และไม่เข้มมาก มีความจางๆ ซ่าๆ นิดๆ แต่ถือว่าดี ใครอยากเผาหัว จัดไปครับ
กินเบียร์เดินเล่นกันไปสักพัก ก่อนกลับโรงแรมเกิดหิวขึ้นมาอีกครับ คราวนี้มีพี่คนหนึ่งที่เคยมาที่นี่บอกพิกัดร้านหมูย่างให้ นั่นก็คือให้ปักหมุดที่โรงแรม Hanoi Brother & Travel Inn จากนั้นเมื่อเดินมาถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอร้านหมูย่าง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังมีขายอยู่ไหม ถ้าใครไปแล้วอยากลองชิมดู ก็ให้เดินไปตามพิกัดนี้ได้เลย บอกเลยหมูย่างเด็ดมาก มีความติดมันหน่อยๆ ราดซอสมายองเนสก็ยิ่งเด็ด แต่ราคาไม่ถูกเท่าไหร่ ประมาณไม้ละ 15 บาท
หลังจากกินอิ่มก็นอนหลับ ผ่านพ้นไปอีกคืน
[CR] รีวิวทริปเวียดนาม 4 วัน 3 คืน พาเที่ยวฮานอย เดินชิลล์ย่านเมืองเก่า จิบเบียร์แก้วละ 15 บาท
สวัสดีครับทุกคน เรามาพบเจอกันอีกแล้วในกระทู้รีวิวทริปเวียดนาม ซึ่งบอกก่อนว่าทริปเวียดนามนี้เป็นทริปที่ผมดองมาค่อนข้างนานพอสมควร เพราะไม่มีเวลาเขียนเลยจริงๆ แต่เมื่อพอมีเวลาว่างก็เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้พอนำไปเป็นแนวทาง สำหรับใครที่อยากลองเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง บอกเลยครับว่าไม่ยากอย่างที่คิด
เรื่องของเรื่องก็คือ ช่วงที่ตัดสินใจจะไปเวียดนามนั้น เกิดว่างพอดี อยู่ดีๆ ก็ตกงานซะอย่างนั้นก็เลยตัดสินใจออกไปผจญภัยกับเค้าดูบ้าง ประกอบกับเพื่อนชวนไปเวียดนามพอดี ก็เลยตกลง เอ้าไปก็ไป และอีกสิ่งที่ตัดสินใจทำให้ไปก็คือ เวียดนาม เป็นประเทศที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะเลย แค่ค่าเครื่องบิน ถ้าหากหาดีๆ จะได้ในราคาที่ไม่เกิน 3,500 แบบไป-กลับ ซึ่งถือว่าดีมากๆๆ
แต่คราวนี้เรื่องตั๋วเครื่องบินไปเวียดนามผมใช้ Traveloka ในการเป็นตัวช่วยหา เพราะสะดวกมากก สะดวกไปอีก แค่กดๆ เลื่อนๆ ระบบก็จะโชว์ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกสุดของวันมาให้ สุดท้ายได้ตั๋วไปกลับเวียดนามในราคาฟินๆ แค่ประมาณ 2,700 บาทเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Day 1
พอลงมาจากเครื่องบินปุ๊ปป ผมก็ตรงดิ่งไปหาซื้อซิมปั้ปป เพราะทุกอย่างผมไม่ได้กะเตรียมมาล่วงหน้า แม้กระทั่งสถานที่ๆ จะไปก็ยังไม่รู้ 5555 เนื่องจากเคยมาเที่ยวเวียดนามแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เลยอยากจะชิลล์ๆ ไม่ไปที่เดิมแล้ว อยากจะเน้นเที่ยวแถวย่านเมืองเก่า เดินเก็บบรรยากาศเสียมากกว่า ก็เลยกะซื้อซิม เสิรช์หาที่เที่ยว เปิดดูกูเกิ้ลแมปไปพร้อมๆ กัน สำหรับใครที่จะไปเวียดนามเดี๋ยวนี้ ซื้อซิมจากไทยเปิดไปได้เลยก็มีเยอะแยะ จะได้ไม่ต้องไปถูกหลอกเสียเงินค่าซิมเกือบ 1,000 บาทอย่างผม สุดท้ายแล้วเน็ตก็เล่นได้แค่ 4 GB เท่านั้น วันหลังๆ นี่แทบจะเดาทางสุ่มมั่วกันเลยทีเดียว
หลังจากซื้อซิมเสร็จ มีหรือคนงกอย่างผมจะยอมนั่งรถแท็กซี่เพื่อเข้าเมืองฮานอย เพราะเรารีเสิชมาเป็นอย่างดีว่า ภายในสนามบินฮานอยนั้น จะมีรถประจำทาง หรือว่าบัสนั่นแหละ คล้ายๆ กับรถเมลล์บ้านเรานั่งเข้าไปลงตรงเมืองเก่าฮานอยได้เลย ง่าย สะดวก แล้วก็ถูกมาก เพราะสนนราคาประมาณ 30,000 VND หรือประมาณ 40 บาทบ้านเราไม่เกินนี้ (ไม่เกิน 50) โดยสายรถเมล์ที่ขึ้นคือ 86 ดูตัวเลขให้ดี รถจะจอดด้านหน้าสนามบิน เยื้องไปทางซ้าย ขึ้นคันอื่นไปผิดไม่รู้ด้วยหนาา
ลงมาจากรถเมล์ปุ๊ป ก็เดินหาโรงแรมปั๊ป โรงแรมที่เราพักในฮานอยคราวนี้ก็คือ ‘Gia Thinh Hotel’ คือชื่ออ่านยากมากก อ่านไม่ออกว่าอะไรเหมือนกันครับ ซึ่งที่พักคราวนี้ก็ได้มาจาก Traveloka อีกเช่นเคย ถูกมาก ราคาไม่แรง ประมาณ 9xx บาทต่อคืน แต่จะบอกว่ากว่าจะได้ที่พักมา ผมทำการรีเสิชนานมาก และเห็นว่าที่พักแห่งนี้ก็ได้คะแนนดีมาก ทั้งเรื่องของทำเล ที่อยู่ถือว่าใจกลาง เดินทางง่าย ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และที่สำคัญคือพนักงานให้บริการดีมากครับ ถามไถ่ตลอด แนะนำได้หมด ถ้าใครมาเที่ยวเวียดนามครั้งแรก และไม่รู้จะพักที่ไหน ผมแนะนำเลยครับ เดี๋ยวใส่ทางไปจองที่พักให้ครับบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันแรกผ่านไปไม่มีอะไรมาก มาถึงก็ดึกแล้ว กว่าจะถึงโรงแรม ประมาณ 4 ทุ่มได้ ก็แค่หาอะไรกินแถวโรงแรม แล้วก็หลับไป เตรียมเก็บแรงไว้ตะลุยวันต่อไปครับ
Day 2
ตื่นขึ้นมาก็เริ่มจะหิว ด้วยความที่ขี้งก เวลาจองโรงแรมก็ไม่อยากบวกเงินเพิ่มเพื่อซื้ออาหารเช้า เพราะอยากลองอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง ก็เลยต้องตื่นแต่เช้า ออกมาเดินหาของกิน ซึ่งของกินที่เลือกในเช้าวันนี้ก็คือเฝอนั่นเอง ซึ่งเฝอนั่นก็หากินได้ง่ายมากๆ ในเวียดนาม มีให้เลือกตั้งแต่เฝอไก่ เฝอเนื้อ เฝอหมู เยอะแยะมากมาย ใครชอบกินเฝอ อยากให้ลองหลายๆ ร้าน เพราะตั้งแต่ที่ลองมา ยังไม่มีร้านไหนรสชาติเหมือนกันเลย ฮาา
หน้าตาเฝอก็จะเป็นแบบนี้ เหมือนก๋วยเตี๋ยว แต่เส้นไม่ใช่ แล้วก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แถมบางร้านก็จะมีเส้นเฝอให้เลือกหลายแบบ ใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวก็จะฟินๆ กันไป ยิ่งตอนเช้าๆ อากาศหนาวๆ ซดน้ำไป คีบเส้นเข้าปากไป เผลอๆ ไม่นานก็หมดชามกันเลยทีเดียว
กินเสร็จอะไรเสร็จ ตกลงกันว่าเดี๋ยวจะค่อยๆ เดินไปยังทะเลสาบฮว๋านเกี๋ยม ก็เดินๆๆ มาเรื่อยๆ เลย ตามทางก็จะมีทั้งร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ เต็มไปหมดเลย เสียดายที่วันนี้ฟ้าไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่
เดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึง St. Joseph's Cathedral โบสถ์ที่ใครๆ ก็นิยมมาถ่ายรูปกัน ปกติแล้วไม่รู้ว่าเปิดให้เข้าชมหรือเปล่า ตอนแรกเห็นแค่ด้านนอก คงคิดว่าข้างในคงปิดไปแล้วแน่เลย แต่ผิดคาด อยู่ดีๆ วันนี้ผมก็สังเกตเห็นคนเริ่มเดินเข้าไปในโบสถ์ ก็แสดงว่าวันนี้โบสถ์เปิด ก็เลยลองเดินตามเข้าไปดูบ้าง ปรากฏว่าข้างในโบสถ์ก็มีสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ มีคนมานั่งสวดภาวนาด้วย เดินเล่นอยู่แถวนั้นสักพักก็ตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรดื่มกัน
ด้วยความที่ร้านกาแฟในเวียดนามมีเยอะมากๆๆ มีให้เลือกแบบไม่รู้จะนั่งร้านไหนดี มีทั้งร้านโลคอล ร้านหรูๆ ร้านฮิตๆ ฮิปๆ คือมีหมด สุดท้ายเราก็เลยเลือกร้าน ‘Cộng Cà Phê’ ออกเสียงว่ายังไงก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ฮาาา รู้แต่ว่าดังสุดอะไรสุด มีตั้งตามย่านแหล่งท่องเที่ยว หาง่าย และมีคอนเซ็ปท์ออกทหารๆ เวียดนาม ตกแต่งร้านดี มีของตกแต่งดีเทลเยอะแยะ ที่ชอบก็คือพนักงานก็แต่งชุดเหมือนทหารเวียดนามด้วยเช่นกัน เลยลองสั่งกาแฟมาชิม และสมูทตี้โยเกิร์ต
พอนั่งชิลล์ร้านกาแฟไปสักพัก ก็เลยตัดสินใจเดินเล่นรอบๆ เมืองเก่าฮานอยไปเรื่อยๆ พบว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าสนใจมากๆ มีทั้งวัฒนธรรมความเก่า และความใหม่กลมกลืนกันไป ยังคงมีวัด และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย แทรกไปด้วยคาเฟ่ โรงแรม หรือแม้แต่ร้านขายเบียร์คราฟท์ก็ยังมี เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เดินได้เพลินมากๆ พอเดินๆ เสร็จปุ๊ปก็ถึงเวลาเติมเสบียงลงท้อง หยิบมือถือมาเสิรช์ปุ๊ปปั๊ป ก็ได้ร้านนี้มา
นั่นก็คือร้านอาหารที่ชื่อว่า ‘New Day Restaurant’ ฟังชื่อยังไงก็ไม่เวียดนามสักที แต่ทีเด็ดของร้านนี้คือได้คะแนนเยอะมาก (เชื่อแต่คนอื่นอีกละ 555) แถมยังมีคนไปคอมเม้นว่าเป็นร้านที่เมนูกินง่าย ถึงแม้ใครไม่สันทัดอาหารเวียดนามก็กินได้อย่างแน่นอน! ไม่รอช้ารีบไปทันที พบว่าร้านก็คนเยอะอยู่เหมือนกัน ชำเลืองมองดูแต่ละโต๊ะก็ไม่เห็นจะสั่งเหมือนกัน แสดงว่าจะต้องมีเมนูหลากหลายอย่างแน่นอน ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปเพราะกว่าจะหยิบกล้องขึ้นมา ทุกคนก็กินไปซะหมดแล้ว เพราะว่าหิวกันมากๆๆ
หลังจากกินอะไรเสร็จ คืนนี้แหละจะเป็นคิวที่เราจะไปเดินเล่นกันที่ถนน Ta Hien Street ที่เหมือนกับเป็นย่านข้าวสารบ้านเรา จะเต็มไปด้วยผับ บาร์ และคาเฟ่ รวมถึงมี street food มากมายให้เลือก สุดท้ายมาเจอร้านหนึ่ง ซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าร้านไหน ขายเบียร์สดด แล้วคือที่พีคครับคุณผู้ชม เพราะว่าเบียร์สด 1 แก้ว มีสนนราคาประมาณ 15 บาทไทยเท่านั้นเองครับ ใช่แล้วครับ ฟังไม่ผิดครับ เป็นอะไรที่ผมตื่นเต้นมาก จัดไปหน่อยสักหนึ่งแก้ว รสชาติก็ไม่แย่ ไม่ขม และไม่เข้มมาก มีความจางๆ ซ่าๆ นิดๆ แต่ถือว่าดี ใครอยากเผาหัว จัดไปครับ
กินเบียร์เดินเล่นกันไปสักพัก ก่อนกลับโรงแรมเกิดหิวขึ้นมาอีกครับ คราวนี้มีพี่คนหนึ่งที่เคยมาที่นี่บอกพิกัดร้านหมูย่างให้ นั่นก็คือให้ปักหมุดที่โรงแรม Hanoi Brother & Travel Inn จากนั้นเมื่อเดินมาถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอร้านหมูย่าง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังมีขายอยู่ไหม ถ้าใครไปแล้วอยากลองชิมดู ก็ให้เดินไปตามพิกัดนี้ได้เลย บอกเลยหมูย่างเด็ดมาก มีความติดมันหน่อยๆ ราดซอสมายองเนสก็ยิ่งเด็ด แต่ราคาไม่ถูกเท่าไหร่ ประมาณไม้ละ 15 บาท
หลังจากกินอิ่มก็นอนหลับ ผ่านพ้นไปอีกคืน