
สวัสดีค่ะ

หายหน้ากันไปนานสำหรับ Pantip.com เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ความที่อยู่ดีๆก็คิดอยากไปเทศกาล Holi สักครั้งในชีวิตแล้วมาคิดได้ 1 อาทิตย์ก่อนเดินทาง ทริปนี้จึงเกิด เพื่อไม่ให้เกิดดราม่า เราขอแจ้งเจตนาเรื่อง เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ การเตรียมตัวทุกขั้นตอน สำหรับผู้หญิงคนเดียว ไม่ได้มีเจตนาจะอวดตัว หรือ ชักชวนให้ไปเที่ยวคนเดียวจ้า แต่เผื่อสำหรับใครที่ไม่มีใครไปด้วย เรื่องพีคๆของทริปนี้คือ
ใครจะไปรู้มี 45 บาทก็มาถึงทัชมาฮาลได้

ทริปนี้ไปไหนมาบ้าง

ทริปนี้ใช้งบเท่าไร

รายละเอียดการเตรียมตัว
1. เอกสารที่ต้องปริ้นคือ วีซ่า ส่วนเอกสารที่ควรปริ้นคือ เอกสารจองที่พัก และ ตั๋วเครื่องบิน เพราะเวลาจะเข้าที่พัก เราต้องจ้างพวกริกชอร์ เลยไม่แนะนำให้ยื่นโทรศัพท์ให้พวกเขา แนะนำให้ยื่นกระดาษไปให้เข้าอ่านแทน
2. จองตั๋วรถไฟเป็นสิ่งสำคัญแต่ปัญหาคือเขาไม่เปิดให้คนที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์อินเดียจอง ดังนั้นลองหาคนที่รับจองตามเว็บก็ได้ ส่วนเวลาไปอยู่อินเดียแล้ว ก็วานให้พนักงานโรงแรมช่วย
3. แลกเงินถ้าเป็น Super rich ต้องโทรจองแล้วค่อยไปรับ แต่ครั้งนี้เราแลกที่สนามบินนิวเดลี ก็ไม่ต่างกันมากเราแลกน้อยด้วยแหละเลยไม่ซีเรียส
4. อินเตอร์เน็ต เป็นที่ทราบกันว่าที่อินเดียไม่ขายซิมส์กันง่ายๆ ทริปนี้เราลองใช้ AIS Sim 2 fly ก็โอเคอยู่ หรือ ใครจะเช่า Pocket wifi ไปก็ดีเราแนะนำ
5. อย่าลืมเตรียมหัวปลั๊กไฟ Universal ไปนะเพราะที่อินเดียหัวคนละแบบกับที่ประเทศไทย

คลิปการเดินทาง 5 วันของเรา


การเดินทางรูปแบบต่างๆที่เราใช้

1.
รถไฟ การเดินทางข้ามเมืองกับรถไฟเป็นของคู่กัน โดยรถไฟอินเดียจะให้ดีต้องจองล่วงหน้า เพราะเต็มบ่อยมาก แนะนำให้ใช้บริการคนจองรถไฟจากไทย สามารถหาได้จาก Google ถ้าแบบจองก็จะดูดีเลยแหละ มีแอร์ มีที่นั่งที่นอนนุ่มสบาย แต่ถ้าไม่ได้จอง ก็จะพบชะตากรรมแบบเรา ฮ่าๆ

2.
Metro ในนิวเดลี เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายในเมืองหลวง เราว่ารถไฟ Metro บ้านเขาดีกว่าบ้านเราอีกนะ ใหม่ ไม่มีเสียงโฆษณาใดๆ ผู้คนก็ดูแต่งตัวสะอาด ที่สำคัญมีแอพพลิเคชั่นดูได้ด้วยว่าจะไปสถานีไหน ต้องนั่งสายอะไร เราเขียนขั้นตอนการใช้งานไว้ให้ดังภาพข้างล่าง

3.
Uber ด้วยความที่เราอยู่เมืองไทย เราก็ใช้ Uber อยู่แล้ว มาที่นี่ก็พบอีกรูปแบบการบริการคือ เขามีเรียกแบบถูกๆ แต่จะแชร์กัน เขาเรียกว่าแบบ Pool แต่ก็แชร์กันแบบคนสองคน โดยเขาจะมีจุดหมายเดียวกับเราบ้าง ทางเดียวกับเราบ้าง ลงก่อนเราบ้าง ลงหลังเราบ้างในรถคันเดียว ราคาแต่ล่ะรอบ 15-20 บาทไทยเองเวลาที่แชร์กับคนอื่น ส่วนใครที่อยากนั่งแบบเมืองไทยก็เลือกแบบ Go ในความคิดเราก็ไม่แพงนะ
คำเตือน อย่าไปเรียกในย่านที่พลุกพล่าน มิฉะนั้นจะหากันไม่เจอ แล้วติดต่อกันไม่ได้ เพราะอย่าลืมเราไม่มีเบอร์อินเดีย
4.
เรียกรถผ่าน Ola เจ้านี้ก็สงวนให้กับคนที่มีเบอร์อินเดียอีกแล้ว เราใช้เจ้านี้สำหรับหารรถข้ามเมืองกัน เพราะเพื่อนชาวฝรั่งมาอยู่นาน นางเลยมีเบอร์ที่นี่ หรือใครขอให้เจ้าหน้าที่ทางโรงแรมช่วยก็ได้ ข้อดีคือเห็นราคาก่อนเรียก เราจะพอใจไม่พอใจค่อยเรียก ก็ดีไปอีกแบบ
แนะนำ ตรงสถานีนิวเดลี จะมีบูท Ola ตั้งอยู่เราเคยขอให้เข้าช่วยเหลือเรียกให้เขาก็ช่วยนะ ดีไปอีกแบบ

5.
ริกชอร์ ถ้าเราอยู่นิวเดลีนะ เราจะให้ริกชอร์เป็นทางเลือกสุดทายด้วยความที่ในนิวเดลี มันพูดเป็นอยู่คำสองคำคือ One-fifty และ two-hundred ห่าน !!! ถ้าอยู่ต่างเมืองแนะนำให้ต่อไปเลย 50% หรือใครจะต่อมากกว่านั้นก็ได้ เราลองหาเทคนิคอีกเรื่อง คือ ทำเป็นทักคนอินเดียที่ดูดี เหมือนมีตัง ทำเป็นบอกว่าเนี่ยเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ช่วยฉันหน่อยสิ เขาจะไปพูดให้ถ้ามันเรียกแพงเขาก็ต่อให้เสร็จสรรพ ลองๆ
มีคำถาม อยากเมาส์ เชิญที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Facebook Page : https://www.facebook.com/6AugustJourney/
IG : 6augustJourney
Website : www.sixaugust.com
Twitter : https://twitter.com/Pjj_peung?lang=th

1st DAY : 24 ชั่วโมงแรกที่ อินเดีย
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับทริปนี้ เราก็มาเริ่มต้นที่ สุวรรณภูมิ ความรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาจริงๆ นี่เรากำลังจะไปอินเดียคนเดียวนะ เจ้าหน้าที่เช็คอินของสายการบิน Jet Airways ก็ถามว่าไปครั้งแรกใช่ไหม มีเอกสารวีซ่าพร้อมใช่ไหม เดียวช่วยตรวจ

สิ่งแรกที่เราทำเมื่อมานั่งรอที่ เกรตคือ เราหาคนไทยที่นั่งรอหน้าเกรตเดียวกัน ที่มีน้อยเหลือเกินนับจำนวนคนได้ อย่างน้อยก็รู้สึกปลอดภัยหน่อย 55+ ก็เจอพี่ผู้ชายคนนึง แกขายของที่จตุจักร แล้วก็มาซื้อของที่อินเดียไปขาย แกเล่าว่ามานิวเดลี มาพักวัดไทยสิ ฟรีนะ !!! ต้องลองนะคุณ

เราขึ้นเครื่องไปพร้อมกับความคิดที่ว่า มันต้องขมคอแน่ๆ แต่ตามจริงแล้วไม่ใช่เลยนะ หรือว่าแขกที่นี่เขาพัฒนาแล้ว มันไม่ใช่กลิ่นตัวแบบที่เราเจอที่ไทย ระยะเวลาในการบิน 4 ชั่วโมงนี้ก็มีอะไรให้น่าตื่นเต้นตลอด เพราะเพิ่งเคยขึ้นสายการบินนี้ เขามี Wifi ให้เล่นดูหนัง ฟังเพลง รอเวลากันไป ที่สำคัญอาหารอินเดียบนเครื่องอร่อยกว่าที่คิด

ในที่สุดเราก็มาถึงสนามบินนิวเดลี เริ่มปฎิบัติการอีกรอบด้วยการหาเพื่อน 55+ จังหวะที่เดินเข้าสู่ด่านคนตรวจคนเข้าเมือง อย่าลืมนะเราเป็นคนไทย ต้องมีวีซ่า โดยเราทำวีซ่าออนไลน์ไว้ 24 ชั่วโมงรู้ผลเลย ก็ปริ้นมาใช้ตอนตรวจคนเข้าเมือง คำถามที่เราเจอก็จะงงๆหน่อย เราฟังสำเนียงไม่ออกด้วยแหละ เราก็เล่าว่าเรามาเทศกาล Holi นะ ไปสามเมือง Agra, Mathura และ New Delhi

ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วก็มารับกระเป๋า แลกเงินอินเดียที่ตอนแรกเราไป Super rice แต่เราไม่ได้โทรจองที่เมืองไทยไว้ เลยต้องมาแลกที่นี่เรตก็โอเคนะไม่คิดอะไรมากเอาเงินไทยคูณสองไปจะได้เงินอินเดีย เราแลกแค่ 6000 บาทไทยสำหรับทริปนี้ ส่วนเวลาใช้เงินก็เอาราคาที่เห็นหารสองสบายๆ

มีคนเคยเล่าว่าที่นี่มีรถไฟแบบ Airport Metro Express ที่จะวิ่งเข้าสถานีใหญ่ๆอย่างสถานีนิวเดลี โดยมันจะมีป้ายใหญ่ๆ บอกว่าตรงนี้คือ Metro Express นะ โดยที่เราต้องเดินออกมาจากสนามบินประมาณ 10 ก้าวก็จะมีอุโมงใต้ดินให้เราเดินไป Metro Express เอง

จังหวะที่เดินออกจากสนามบิน แน่นอนว่าคุณจะเจอพวกแท็กซี่มาเดินตามคุณ เทคนิคที่เราใช้คือ เราเดินตามผู้ชายอินเดียคนนึงที่มีกระเป๋าเดินทางลากมาเหมือนกัน ให้ความรู้สึกฉันเป็นเมียเค้า 55+ แล้วพวกแท็กซี่ก็จะไม่ตามตื้ออีกต่อไป เพราะเข้าใจว่ามาด้วยกัน

ลงสถานีมาเราก็ต้องซื้อ เหรียญเหมือน MRT บ้านเราในราคา 60 IDR ก็จะถึงสถานี New Dehli รถไฟดูดีกว่าบ้านเรามากบอกเลย สิ่งหนึ่งที่จะแปลกๆหน่อยคือ เวลาจะเข้าสถานีรถไฟ เราต้องเอากระเป๋าเข้าสายพาน เครื่องตรวจเหมือนสนามบินเลย ก็จะช้าๆหน่อย แล้วเราก็มาโผล่ที่ สถานีนิวเดลี

ความวุ่นวายบังเกิด ราวกับคนล่ะโลกกันเลย คือแบบ… ผู้คนพวกแท็กซี่ ริกเชอร์ก็ดูน่ากลัว พร้อมจะหลอกเราทุกเมื่อ เราเลยทักผู้ชายอินเดียคนนึง ที่เขาก็ถือกระเป๋าเดินทางข้ามเมืองเหมือนกัน ให้เขาช่วยเราหน่อย เรามาที่นี่ครั้งแรกอยากไป Taj Mahal ที่เมือง Agra ดีที่เขาใจดีพาเราไปจุดซื้อตั๋ว (เอาเข้าจริงถ้าไม่มีเขา เราก็หลงนะ)

แล้วเขาก็พาเราไปซื้อตั๋วธรรมดา !!! ที่ราคา 45 บาทไทยก็พาเราไปทัชมาฮาลได้ เน้นว่าธรรมดาเพราะเราไม่จองมาก่อน รถไฟคลาสดีๆต้องจองมานะ เพราะโอกาสเต็มก็มีสูง แล้วแถวที่ต่อซื้อตั๋วก็แยกกันชัดเจน แถวผู้ชาย และ ผู้หญิง มีเจ้าหน้าที่ถือกระบองคอยไล่ถ้ามีการล้ำเส้นกัน สภาพโคตรเสื่อมโทรม

แล้วเราก็เจอแก๊งสาวๆ สเปนที่ก็มายืนต่อแถวซื้อตั๋วเหมือนเรา เราเลยเริ่มทักทาย แล้วบังเอิญว่าปลายทางเดียวกับเรา เราเลยบอกเขาว่าเราไปด้วยได้ไหม ยูก็รู้ผู้หญิงคนเดียวมาเที่ยวที่นี่มันดูไม่ปลอดภัยนัก พวกนางก็ยินดีมาก พวกนางมาเที่ยวอินเดียกัน 2 อาทิตย์

แล้วก็มีหญิงสาวใจดีชาวอินเดียคนนึง ที่ใจดีพาเราขึ้นรถไฟกัน เพราะนางก็จะไปทางเดียวกัน พูดภาษาอังกฤษได้ดี คอยพูดคุย แนะนำการนั่งรถไฟอย่างดี และชวนคุยไปด้วยตลอดทาง ความพีคและชีวิตจริงบนรถไฟบังเกิด !!! สิ่งแรกที่ได้พบคือ กลิ่นฉี่ กลิ่นขี้ตลบอบอวลมาก !!!

แล้วกว่ารถไฟจะออกก็นานมาก ดีที่ช่วงที่ไปไม่ร้อนมาก แต่สิ่งที่ค้นพบในรถไฟมันก็มีค่ามากมายเลยแหล่ะ อย่างเด็กคนนี้ที่พ่อแม่ก็เลี้ยงด้วยการให้นั่งตามทางเดินของรถไฟ แล้วเวลาที่คนขึ้นรถไฟมา พวกคนอินเดียก็จะชวนกันเบียดให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้นั่งให้ได้มากที่สุด

ด้วยความที่ผู้หญิงชาวอินเดียที่เขาอาสาดูแลพวกเรา เขาก็เล่าเรื่องสารพัดเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ครอบครัว การเป็นอยู่หนึ่งในนั้นคือเรื่อง ของกินบนรถไฟ นางซื้อให้พวกเราชิมเลย ไม่ว่าจะเป็น xxx ที่มันคือข้าวเกรียบบ้านเรา แต่โรยผงเค็ม ๆ ประมาณ 5 บาทไทยได้ 3 แผ่นใหญ่ ๆ

แล้วก็มีพวกถั่ว เข้าใจเลยว่าทำไมแขกที่มาในเมืองไทยเขาขายถั่วกัน แล้วก็มีขนม Samosa หรือ กะหรี่ปั๊บบ้านเราเอาจริงๆเราก็ลองหมดนะ คือ รสชาติมันก็จะหวานๆ บ้าง เค็มๆ บ้าง โดยที่ระหว่างทาง กลิ่นขี้ กลิ่นฉี่ก็โชยมาเป็นระลอก ชีวิตโคตรพีค !!!

ประมาณ 5 ชั่วโมงบนรถไฟได้ก็มาถึงสถานี Agra Cantt คือถ้านั่งรถไฟที่จองนะก็ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงแถมมีแอร์ มีที่นั่งสบายให้นั่ง แต่นี่มาแบบ 45 บาทไงจะเอาอะไรมาก ฮาๆ 24 ชั่วโมงแรกในอินเดียโคตร Amazing จากนั้นผู้หญิงชาวอินเดียคนนั้นก็มาช่วยต่อราคาริกเชอร์ เราก็เช็คกับที่พักมาแล้วแหละประมาณ 200 IDR หรือ 100 บาทไทยได้

เอาจริงๆนะ เรามาถึงจุดๆนี้เราโคตรเหนื่อย นั่งจนกางเกงในเปียก แล้วต้องมาเจอการขับรถสไตล์อินเดียเข้าไปอีก เวียนหัวจะอ้วก โรงแรมที่เราเลือกพักในคืนนี้เป็น Hostel แบบดอร์มเพราะเรามีความคิดว่า เอาวะ…ไปหาเพื่อนในที่พักก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวที่ Moustache hostel คืนล่ะ 300 IDR หรือ 150 บาทไทย

[SR] India 1st time : เมื่อผู้หญิงคนเดียวเที่ยวอินเดีย (6 AUGUST JOURNEY)
หายหน้ากันไปนานสำหรับ Pantip.com เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ความที่อยู่ดีๆก็คิดอยากไปเทศกาล Holi สักครั้งในชีวิตแล้วมาคิดได้ 1 อาทิตย์ก่อนเดินทาง ทริปนี้จึงเกิด เพื่อไม่ให้เกิดดราม่า เราขอแจ้งเจตนาเรื่อง เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ การเตรียมตัวทุกขั้นตอน สำหรับผู้หญิงคนเดียว ไม่ได้มีเจตนาจะอวดตัว หรือ ชักชวนให้ไปเที่ยวคนเดียวจ้า แต่เผื่อสำหรับใครที่ไม่มีใครไปด้วย เรื่องพีคๆของทริปนี้คือ
1. เอกสารที่ต้องปริ้นคือ วีซ่า ส่วนเอกสารที่ควรปริ้นคือ เอกสารจองที่พัก และ ตั๋วเครื่องบิน เพราะเวลาจะเข้าที่พัก เราต้องจ้างพวกริกชอร์ เลยไม่แนะนำให้ยื่นโทรศัพท์ให้พวกเขา แนะนำให้ยื่นกระดาษไปให้เข้าอ่านแทน
2. จองตั๋วรถไฟเป็นสิ่งสำคัญแต่ปัญหาคือเขาไม่เปิดให้คนที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์อินเดียจอง ดังนั้นลองหาคนที่รับจองตามเว็บก็ได้ ส่วนเวลาไปอยู่อินเดียแล้ว ก็วานให้พนักงานโรงแรมช่วย
3. แลกเงินถ้าเป็น Super rich ต้องโทรจองแล้วค่อยไปรับ แต่ครั้งนี้เราแลกที่สนามบินนิวเดลี ก็ไม่ต่างกันมากเราแลกน้อยด้วยแหละเลยไม่ซีเรียส
4. อินเตอร์เน็ต เป็นที่ทราบกันว่าที่อินเดียไม่ขายซิมส์กันง่ายๆ ทริปนี้เราลองใช้ AIS Sim 2 fly ก็โอเคอยู่ หรือ ใครจะเช่า Pocket wifi ไปก็ดีเราแนะนำ
5. อย่าลืมเตรียมหัวปลั๊กไฟ Universal ไปนะเพราะที่อินเดียหัวคนละแบบกับที่ประเทศไทย
คำเตือน อย่าไปเรียกในย่านที่พลุกพล่าน มิฉะนั้นจะหากันไม่เจอ แล้วติดต่อกันไม่ได้ เพราะอย่าลืมเราไม่มีเบอร์อินเดีย
4. เรียกรถผ่าน Ola เจ้านี้ก็สงวนให้กับคนที่มีเบอร์อินเดียอีกแล้ว เราใช้เจ้านี้สำหรับหารรถข้ามเมืองกัน เพราะเพื่อนชาวฝรั่งมาอยู่นาน นางเลยมีเบอร์ที่นี่ หรือใครขอให้เจ้าหน้าที่ทางโรงแรมช่วยก็ได้ ข้อดีคือเห็นราคาก่อนเรียก เราจะพอใจไม่พอใจค่อยเรียก ก็ดีไปอีกแบบ
แนะนำ ตรงสถานีนิวเดลี จะมีบูท Ola ตั้งอยู่เราเคยขอให้เข้าช่วยเหลือเรียกให้เขาก็ช่วยนะ ดีไปอีกแบบ
มีคำถาม อยากเมาส์ เชิญที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับทริปนี้ เราก็มาเริ่มต้นที่ สุวรรณภูมิ ความรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาจริงๆ นี่เรากำลังจะไปอินเดียคนเดียวนะ เจ้าหน้าที่เช็คอินของสายการบิน Jet Airways ก็ถามว่าไปครั้งแรกใช่ไหม มีเอกสารวีซ่าพร้อมใช่ไหม เดียวช่วยตรวจ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น