ครอบครัวของแฟนเราเป็นครอบครัวชาวบ้านในชนบท ฐานะไม่ร่ำรวยแต่ไม่ถึงกับอดอยาก ลูกชายคนที่สองของบ้าน(น้องชายของแฟนเรา)กับแฟนของเขาซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จัดงานแต่งงานกันหลังจากรู้ว่าฝ่ายหญิงท้อง(โดยไม่ตั้งใจ) แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ฝ่ายหญิงย้ายมาอยู่ที่บ้านฝ่ายชายจนคลอด ทางบ้านฝ่ายชายเลี้ยงดูออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพราะฝ่ายหญิงไม่มีอาชีพไม่มีรายได้ มาอยู่ก็ไม่ได้ช่วยงานอะไรนอกจากดูแลสิ่งของของตัวเองนิดหน่อย และระหองระแหงกับสามีตั้งแต่ยังไม่คลอด เขาคลอดลูกตอนอายุประมาณ 18-19 ปี ตอนคลอดฝ่ายชายอยู่ด้วยตลอด เป็นคนดำเนินการต่างๆให้ พาไป รพ. ดำเนินการเรื่องแจ้งเกิด จดทะเบียนรับรองบุตร เป็นคนตั้งชื่อลูก เด็กใช้นามสกุลฝ่ายชาย
หลังจากคลอดฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ช่วยงานอะไรมากมายเหมือนเดิม เมื่อเด็กอายุได้ 2-3 เดือนก็มีปัญหากับแม่สามี(ย่าของเด็ก) คือเขาเที่ยวไปนินทาแม่สามีให้คนข้างบ้านรอบๆฟัง แม้ว่าคนข้างบ้านจะไม่ได้ญาติดีแบบดี๊ดีกับแม่สามี แต่คนข้างบ้านเค้าก็เอากลับมาเล่าให้แม่สามีฟัง ทำให้มีปัญหาทะเลาะทุ่มเถียงกันจนฝ่ายหญิงเก็บของออกจากบ้านไป ส่วนกับสามีนั้นก็ทะเลาะกันเลิกกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่ที่ฝ่ายหญิงยังอยู่ก็เพราะยังมีลูกอยู่ ฝ่ายหญิงไม่ได้เอาลูกไปด้วย เราไม่แน่ใจว่าย่าของเด็กเป็นคนพูดหรือเปล่านะว่าให้ไปแต่ตัวอย่าเอาหลานแกไป ซึ่งฝ่ายหญิงก็ย้ายออกไปแต่ตัวจริงๆ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมลูกสักครั้ง และไม่เคยส่งเสียลูกแม้แต่บาทเดียว จนกระทั่งตอนนี้ที่เด็กอายุครบ 2 ขวบ
เด็กคนนี้เติบโตมาได้เพราะปู่เป็นคนหา ย่าเป็นคนเลี้ยง ลุงคอยซัพพอร์ต ส่วนพ่อของเขาเองนั้นทำงานอยู่ที่อื่น ช่วยเหลืออยู่บ้างตามกำลัง แต่ก็ไม่มากเพราะรายได้น้อยแค่พอเลี้ยงตัวเองไม่ให้เป็นภาระ ปัญหาก็คือนานๆครั้งญาติฝ่ายหญิงพวกยายและพี่น้องของยายจะมาเยี่ยมหลานบ้าง(คนตามชนบทอายุ 40-50 ก็เป็นย่าเป็นยายกันแล้วค่ะ) ล่าสุดก็ประมาณเกือบปีที่แล้ว ตอนมาก็ซื้อผลไม้มาฝากและมาเล่นกับหลาน สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาคือยายของเด็กพูดหยอกกับเด็กว่า ไปอยู่กับยายมั้ยๆ พูดซ้ำๆอย่างนั้นหลายครั้ง จนย่าของเด็กรู้สึกไม่ดี แต่ไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ ย่าก็เงียบปาก รอจนฝ่ายนั้นยกขบวนกันกลับไปแล้วโทรมาเล่าเชิงบ่นให้ลุงของเด็กฟัง ลุงของเด็กซึ่งเป็นแฟนของเราก็มาเล่าให้เราฟังต่อ เราซึ่งเป็นคนหัวร้อนกว่าย่าและลุงฟังแล้วรู้สึกว่าไม่โอเค และเข้าใจหัวอกคนเป็นย่าที่เลี้ยงหลานคนแรกของแกมาตั้งแต่ยังแบเบาะว่าแกก็คงรู้สึกกลัวและเป็นกังวลว่าสิ่งที่ยายของเด็กพูดมันจะเกิดขึ้นจริง เนื่องจากสิ่งที่รู้กันทั่วๆไปคือลูกนอกสมรสนั้นสิทธิ์การเลี้ยงดูเป็นของมารดาเพียงฝ่ายเดียว หากมีการฟ้องร้องอะไรกันในอนาคตก็ไม่น่าจะชนะ ทางครอบครัวฝ่ายชายเขาก็ได้แต่รู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เคยคุยกันว่าจะรับหลานเป็นบุตรบุญธรรมดีไหมเผื่อว่าจะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นหากต้องฟ้องร้องกัน ปีนี้ลุงเขาอายุ 25 สามารถรับบุตรบุญธรรมได้แล้วอีกสักพักอาจจะเริ่มดำเนินการกัน แต่เราคิดว่ามันอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น ก็เลยหาข้อมูลดู แต่เราเองก็ไม่รู้กฎหมาย หาอ่านข้อมูลในอินเตอร์เนตแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าให้ฝึกอ่านตีความกฎหมายเองน่าจะใช้เวลานานเกินไป
เราจึงขอรบกวนสอบถามท่านผู้ที่มีความรู้หรือมีประสบการณ์ให้ช่วยแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้หน่อยค่ะ ว่าจะทำอย่างไรได้บ้างที่จะให้สิทธิ์เลี้ยงดูเป็นของทางฝ่ายชายเพียงฝ่ายเดียว ให้ยายเขามาพรากเอาไปไม่ได้หากเขาจะทำ และเราคิดถึงเอกสารที่เด็กต้องใช้ในอนาคตที่เป็นเอกสารของแม่เขา จะมีความยุ่งยากอะไรในอนาคตไหมคะ ตอนนี้เขาอายุแค่ 2 ขวบอาจจะยังไม่ถึงเวลาต้องใช้ แต่เรากลัวว่าเมื่อถึงเวลาต้องใช้ซึ่งอาจจะล่วงเลยไปนานแล้ว อาจจะติดต่อตามหากันยากค่ะ ควรเตรียมอะไรไว้ก่อนบ้าง หรือมีวิธีไหนบ้างไหมที่จะไม่ต้องใช้เอกสารของมารดาค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากที่เราเจอว่าที่แม่สามีของเราอยู่หลายครั้งนั้น แกเป็นคนใจดีมากค่ะ ไม่ลำไยเรื่องมาก คุยง่าย ไม่ทะเลาะกับคน ไม่ใช่คนหัวร้อนเกรี้ยวกราด แค่ชอบพูดเอะอะเสียงดังตามสไตล์คนบ้านๆค่ะ ทั้งนี้เราไม่ใช่ลูกสะใภ้ประเภทที่ใครจะชอบได้ง่ายๆด้วย เราไม่ใช่คนพูดเก่ง ไม่อัธยาศัยดี ไม่ปากหวาน ไม่ตลก ไม่รวย ทำงานบ้านไม่เป็น กวาดบ้านยังไม่สะอาดเลย ไปค้างบ้านเขาก็ไม่เคยช่วยหยิบจับอะไรนอกจากช่วยดูหลาน (ข้อไม่กี่อย่างคือเราเป็นคนตรง ชัดเจน ไม่หน้าไหว้หลังหลอก) แต่แกก็ไม่เคยเขม่นหรือบ่นเราเลย ทำกับข้าวที่เราชอบให้กินตลอด (เราว่าแกไม่ได้ชอบเราแต่ก็ไม่ได้เกลียด แต่เราค่อนข้างจะชอบแกนะ เราว่าเราน่าจะจูนกับแกไม่ยาก) ส่วนปู่ก็เป็นคนนิ่งๆ ไม่พูดมากขี้บ่นหรือขี้หงุดหงิด ขยันทำมาหากิน ใจดี ลุงของเด็กไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็รักเอ็นดูมาตั้งแต่แรกเกิด กลับไปบ้านมีของฝากหลานเสมอ มีสมุดเงินฝากเพื่อหลานทยอยฝากให้ทีละนิด วีดีโอคอลคุยกับหลานบ่อยๆ ทุกคนรักหลานมาก และเรามั่นใจว่าครอบครัวนี้สามารถส่งเสียเลี้ยงดูได้จนเด็กโตค่ะ
ผู้หญิงทิ้งลูกไปตั้งแต่ 2 เดือน ปู่ย่าเลี้ยงดูมาตลอด 2 ปี ฝ่ายชายต้องการอำนาจปกครองบุตร
หลังจากคลอดฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ช่วยงานอะไรมากมายเหมือนเดิม เมื่อเด็กอายุได้ 2-3 เดือนก็มีปัญหากับแม่สามี(ย่าของเด็ก) คือเขาเที่ยวไปนินทาแม่สามีให้คนข้างบ้านรอบๆฟัง แม้ว่าคนข้างบ้านจะไม่ได้ญาติดีแบบดี๊ดีกับแม่สามี แต่คนข้างบ้านเค้าก็เอากลับมาเล่าให้แม่สามีฟัง ทำให้มีปัญหาทะเลาะทุ่มเถียงกันจนฝ่ายหญิงเก็บของออกจากบ้านไป ส่วนกับสามีนั้นก็ทะเลาะกันเลิกกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่ที่ฝ่ายหญิงยังอยู่ก็เพราะยังมีลูกอยู่ ฝ่ายหญิงไม่ได้เอาลูกไปด้วย เราไม่แน่ใจว่าย่าของเด็กเป็นคนพูดหรือเปล่านะว่าให้ไปแต่ตัวอย่าเอาหลานแกไป ซึ่งฝ่ายหญิงก็ย้ายออกไปแต่ตัวจริงๆ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมลูกสักครั้ง และไม่เคยส่งเสียลูกแม้แต่บาทเดียว จนกระทั่งตอนนี้ที่เด็กอายุครบ 2 ขวบ
เด็กคนนี้เติบโตมาได้เพราะปู่เป็นคนหา ย่าเป็นคนเลี้ยง ลุงคอยซัพพอร์ต ส่วนพ่อของเขาเองนั้นทำงานอยู่ที่อื่น ช่วยเหลืออยู่บ้างตามกำลัง แต่ก็ไม่มากเพราะรายได้น้อยแค่พอเลี้ยงตัวเองไม่ให้เป็นภาระ ปัญหาก็คือนานๆครั้งญาติฝ่ายหญิงพวกยายและพี่น้องของยายจะมาเยี่ยมหลานบ้าง(คนตามชนบทอายุ 40-50 ก็เป็นย่าเป็นยายกันแล้วค่ะ) ล่าสุดก็ประมาณเกือบปีที่แล้ว ตอนมาก็ซื้อผลไม้มาฝากและมาเล่นกับหลาน สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาคือยายของเด็กพูดหยอกกับเด็กว่า ไปอยู่กับยายมั้ยๆ พูดซ้ำๆอย่างนั้นหลายครั้ง จนย่าของเด็กรู้สึกไม่ดี แต่ไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ ย่าก็เงียบปาก รอจนฝ่ายนั้นยกขบวนกันกลับไปแล้วโทรมาเล่าเชิงบ่นให้ลุงของเด็กฟัง ลุงของเด็กซึ่งเป็นแฟนของเราก็มาเล่าให้เราฟังต่อ เราซึ่งเป็นคนหัวร้อนกว่าย่าและลุงฟังแล้วรู้สึกว่าไม่โอเค และเข้าใจหัวอกคนเป็นย่าที่เลี้ยงหลานคนแรกของแกมาตั้งแต่ยังแบเบาะว่าแกก็คงรู้สึกกลัวและเป็นกังวลว่าสิ่งที่ยายของเด็กพูดมันจะเกิดขึ้นจริง เนื่องจากสิ่งที่รู้กันทั่วๆไปคือลูกนอกสมรสนั้นสิทธิ์การเลี้ยงดูเป็นของมารดาเพียงฝ่ายเดียว หากมีการฟ้องร้องอะไรกันในอนาคตก็ไม่น่าจะชนะ ทางครอบครัวฝ่ายชายเขาก็ได้แต่รู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เคยคุยกันว่าจะรับหลานเป็นบุตรบุญธรรมดีไหมเผื่อว่าจะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นหากต้องฟ้องร้องกัน ปีนี้ลุงเขาอายุ 25 สามารถรับบุตรบุญธรรมได้แล้วอีกสักพักอาจจะเริ่มดำเนินการกัน แต่เราคิดว่ามันอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น ก็เลยหาข้อมูลดู แต่เราเองก็ไม่รู้กฎหมาย หาอ่านข้อมูลในอินเตอร์เนตแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าให้ฝึกอ่านตีความกฎหมายเองน่าจะใช้เวลานานเกินไป
เราจึงขอรบกวนสอบถามท่านผู้ที่มีความรู้หรือมีประสบการณ์ให้ช่วยแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้หน่อยค่ะ ว่าจะทำอย่างไรได้บ้างที่จะให้สิทธิ์เลี้ยงดูเป็นของทางฝ่ายชายเพียงฝ่ายเดียว ให้ยายเขามาพรากเอาไปไม่ได้หากเขาจะทำ และเราคิดถึงเอกสารที่เด็กต้องใช้ในอนาคตที่เป็นเอกสารของแม่เขา จะมีความยุ่งยากอะไรในอนาคตไหมคะ ตอนนี้เขาอายุแค่ 2 ขวบอาจจะยังไม่ถึงเวลาต้องใช้ แต่เรากลัวว่าเมื่อถึงเวลาต้องใช้ซึ่งอาจจะล่วงเลยไปนานแล้ว อาจจะติดต่อตามหากันยากค่ะ ควรเตรียมอะไรไว้ก่อนบ้าง หรือมีวิธีไหนบ้างไหมที่จะไม่ต้องใช้เอกสารของมารดาค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้