
สวัสดีครับ
ผมเป็นฟรีแลนซ์ แฟนผมเป็นฟรีแลนซ์
เราไม่ต้องเข้าออฟฟิส และทำงานที่ไหนก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ เรามักนั่งทำที่ร้านกาแฟสักแห่ง
แต่ก็มีบ้างครับ ที่เราจะเปลี่ยนบรรยากาศ.. ยกโน้ตบุ้ค สะพายกล้อง ขนปลาเก๋า เอ๊ย กระเป๋า ไปทำงานที่รีสอร์ทสงบๆ ในต่างจังหวัดกัน
และนี่คือ จุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ครับ เรามาทำงาน ( จริงๆ คือเที่ยวซะมากกว่า ) ที่ จ. จันทบุรี ครับ ตามมาเลยยย
และเนื่องจากเราไม่มีรถส่วนตัว
ผมและแฟนเลยมาเริ่มต้นเดินทางกันที่นี่ครับ บขส เอกมัย

ตีตั๋วคนละ 180 บาท แล้วก็ Let’s Go ได้เลยครับผม
(ขออนุญาตใช้รูปตั๋วกลับ เพราะตั๋วขาไป ลืมถ่ายคร้าบบบบ)
ตั๋วราคานี้ ถึงรถจะไม่ใหม่มาก แต่ก็นั่งสบาย ได้เอนหลัง และก็มีห้องน้ำ แค่นี้ แฟนผมก็สบายใจละครับ ( ฉี่บ่อยเป็นบ้า )
จากนั้น หลับๆ ตื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงครับผม
มาคราวนี้ ผมจองรีสอร์ทไว้ ชื่อ บ้านริมอ่าว
ซึ่งเพื่อนแนะนำมา แถมเคลมว่า สวย สงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะกับการทำงาน (หรือเที่ยว!?) สุดๆ
อาหารก้ออร่อยขึ้นชื่อ อู้หูยยย.. เคลมไว้ดีเบอร์นี้ ต้องไปดูกันครับ
ออกจาก กทม. 9 โมงเช้า ถึงจันทบุรีประมาณบ่ายโมงกว่า
ก้มดูแผนที่ที่รีสอร์ทส่งมาให้ทางไลน์แล้ว จากขนส่งถึงรีสอร์ทค่อนข้างไกลเลยล่ะ

แต่จากที่ศึกษามาอย่างดี ก็มี 2 ทางเลือกให้เดินทาง ..

หนึ่งคือ เหมารถกระบะสีแดงมีหลังคา หรือที่คนแถวนี้เรียกว่า มาสด้า ไปครับ ราคาประมาณ 150 – 200 บาท
สองคือ ให้ที่รีสอร์ทขับรถมารับครับ ราคาประมาณ ฟรี! ครับ แหมมมมม่.. ไม่ต้องเดา ก็ทายถูกนะครับ ว่าผมเลือกข้อไหน อิอิ
( รถจากรีสอร์ทมารับฟรีเฉพาะที่ บขส นะครับ ถ้าไกลกว่านั้น จะมีค่าใช้จ่ายครับผม และต้องโทรแจ้งล่วงหน้าก่อนสักระยะนะครับ หากโทรกระชั้นชิด แล้วรถไม่ว่างอาจจะแป๊กครับ )
ที่ไปรีสอร์ทค่อนข้างคดเคี้ยวทีเดียวครับผม และอีกอย่างป้ายแจ้งทางไปรีสอร์ทแทบไม่มีเลยครับ ขับมาเองนี่ มีสิทธิ์หลงครับ
แต่สำหรับโชเฟอร์ที่ชำนาญเส้นทางแล้ว ประมาณ 10 นาที ก็ถึงรีสอร์ทละคร้าบบบบบ เย้! เห็นทางเข้าแล้วววววว

ดูจากข้างหน้า รีสอร์ทธรรมดามากเลยแฮะ
แต่พอเข้ามาที่ล็อบบี้ ก็เริ่มเห็นความสวยและคลาสสิคครับ

เพดาน และโคมไฟ เป็นงานสาน เข้าถึงความเป็นพื้นบ้าน แต่ระ
แนงโค้งกลับทำให้ภาพรวมดูประณีตและแพง ส่วนเก้าอี้ทรงเหลี่ยมสีเหลืองมะนาว ทำให้โถงนี้ดูโมเดิร์นขึ้นมาทันที
โดยรวมผมว่า มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกำลังพอดี
และที่สำคัญที่สุด.. ผมและแฟนมาถึงที่นี่ตอนบ่าย 2 แต่ไม่ร้อนเลย ลมโกรกเย็นสบายมากครับ

แต่นอกเหนือจากศิลปะที่ผมกล่าวมา สิ่งที่แฟนผมเธอชอบที่สุด คือ สิ่งนี้ครับ น้ำสำรอง (เอาจริงผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อ)
เป็น welcome drink ที่พนักงานต้อนรับแจ้งว่า ดื่มแล้วสดชื่นที่สุด เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยดับกระหาย แก้ร้อนในได้เป็นอย่างดี
ผมลองดื่มดู สัมผัสคือ เหมือนมีวุ้นเล็กๆๆ ลอยอยู่ในน้ำเต็มไปหมด กลืนแล้วลื่นๆ คล่องๆ ให้ความรู้สึกที่โอเคดีเหมือนกัน
แต่ผมว่า รสชาติหวานเจี๊ยบเกินไปหน่อย

หลังจากยืนให้อาหารปลาสักพัก พนักงานก็นำเราไปที่ห้องที่จองไว้
และ ห้อง 1207 คือเป้าหมายของการมาพักผ่อน เอ๊ย ทำงาน ครั้งนี้ครับ ^^;

ตามมาครับ
โอออออ้.. กว้างกว่าที่คิดครับผม และห้องมีกลิ่นหอมแบบอ่อนๆ ครับ มีตลอดเวลา ( 2 วัน 2 คืน)
แถมไม่มีเสียงเครื่องฉีดสเปรย์อัตโนมัติกวนใจ (แบบที่ห้องผม) แต่อย่างใด เค้าทำได้อย่างไรกัน อยากได้ม่างงงงง ><
และนี่ครับ ผมเข้ามาก็สะดุดตากับโซนนี้ก่อนเลย โซนทำงานครับ
จัดเป็นกิจจะลักษณะเลย มี 2 ที่นั่ง พร้อมปลั๊กแยก ผมเชื่อว่า ฟรีแลนซ์คนไหนมาเห็นจะต้องฟินคร้าบบบบบ
นี่มันโรงแรม หรือ Co-working space เนี้ยะ 555555
ถัดจากโซนทำงานก็เป็นเตียงครับผม มีผ้าเช็ดตัวพับเป็นช้างน้อย 2 ตัว น่ารักดีครับ
เตียงนอนหนา แต่ไม่เด้งดึ๋งดั๋งจนเกินงาม ดีมากครับ ถ้าเด้งมากๆ พอดึกๆ ลุกไปฉี่ แล้วกลับมานอนทีไร ทำคนข้างๆ เด้งตื่นตลอด = =

มองขึ้นไป มีทั้งแอร์ และพัดลมเพดาน ..แปลกแฮะ ??
น้อยที่จะเห็นรีสอร์ทมีพัดลมเพดาน เมื่อสงสัยซะแล้วก็ต้องถามน้องพนักงาน
จึงได้ความว่า หากวันไหนนึกครึ้มอยากรับลมชิลๆ จากอ้อมอ่าว ก็สามารถปิดแอร์ แล้วเปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุด
เพื่อรับลมธรรมชาติสุดสดชื่นที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ ได้เลยครับ ส่วนพัดลมเพดาน จะช่วยดึงลมเข้ามา และทำให้อากาหมุนเวียนได้ดีขึ้นคับผม

และไฮไลท์ของห้องนี้ก็คือ อ่างจากุซซี่ที่อยู่ริมระเบียง
กับวิวมุมกว้างที่สามารถมองเห็นทั้งรีสอร์ท สระว่ายน้ำ และอ่าวมะนาวไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับว่า ห้องที่เราพักเป็นจุดชมวิวดีๆ นี่เอง

แฟนผมเธอกรี๊ดกร๊าดน่าดู กับอ่างจากุซซี่
แต่ผมขอบายล่ะครับ ถ้าจะให้อาบน้ำริมระเบียงแบบนี้ มันก็จั๊กจี้เกินไปสำหรับผู้ชายฮิปสเตอร์แบบเราๆ
สระบัวใหญ่ด้านล่าง น้ำแห้งพอสมควรครับ
น้องพนักงานแจ้งว่า ช่วงน้ำหลาก น้ำจะสูงมาก
หากพักชั้น 1 จะลงไปให้อาหารปลาได้ด้วย ว๊า.. เสียดายจัง มาหน้าแล้ง

* ยืมรูประเบียงช่วงน้ำหลากมาจากอากรู๋วครับ *
หลังจากนอนกลิ้งเล่นบนเตียงกันสักพัก ประมาณบ่าย 3 ครึ่ง เราก็ไปเดินเล่น และจิบกาแฟกันครับ
ร้านกาแฟอยู่ใกล้สระว่ายน้ำ และติดกับริมอ่าวด้วย
เฟอนิเจอร์ทำจากไม้เก่า ให้อารมณ์วินเทจครับ ที่สำคัญ ต้นไม้เยอะมาก ร่มรื่นเลยทีเดียว

แฟนผมเธอเลือกนั่งโซนริมอ่าวครับ แหมมม่ เห็นเป็นเงาตะคุ่มนึกว่านางไม้ >_<

เธอเลือกดื่มกาแฟคาปูชิโน่เย็น แต่ผมขอจัดเป็นโกโก้เบาๆ พอครับ บ่ายแก่ๆ แบบนี้ ดื่มกาแฟ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ

ถึงจะเป็นร้านกาแฟในรีสอร์ท แต่ราคาไม่แรงเลยครับ
คาปูชิโน่เย็น และโกโก้ แก้วละ 70 บาท เท่านั้น
คนที่ไม่ได้พัก ก็สามารถมาดื่มได้ครับ ผมว่าราคานี้ แค่ซื้อวิว ก็เกินคุ้มครับผม
หลังจากนั่งเงียบๆ จมจ่อมอยู่กับหนังสือเล่นโปรดกันสักพักใหญ่ เราก็ไปเดินเล่นกันต่อ
ข้างๆ ร้านกาแฟ เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดังร้านหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีเลยครับ
ชื่อว่า บางมะนาว ใกล้มื้อเย็นแล้ว ลูกค้าเริ่มทยอยมาแล้วครับ

ร้านค่อนข้างกว้างขวาง บรรยากาศสวน
มีหลายโซนให้เลือกนั่งทั้งริมน้ำ ลานโล่ง และห้องอาหาร
ที่จุดชมวิว ลูกค้าแวะเวียนมาถ่ายรูปไม่ขาดสายเลยครับ
ได้ยินว่า ร้านนี้คนจันทบุรี นิยมมาจัดงานแต่งงานด้วย

เนื่องจากเราไม่มีรถ แพลนเที่ยวของเรา ก็เลยมักจะใช้ชีวิตพักผ่อนอย่างเต็มที่ในรีสอร์ทซะเป็นส่วนใหญ่
เย็นนี้ เราก็เลยขอฝากท้องไว้ที่นี่เลยแล้วกันครับ
และนี่คือ อาหาร 3 อย่างที่ผมสั่งมาทาน เพราะเพื่อนผมเคลมไว้ว่า อร่อยลื้มมมมมม ถ้ามาต้องไม่พลาด!
โอเค ไม่พลาด็ไม่พลาดครับ จัดไป!
เริ่มที่จานแรก ซิกเนเจอร์ของร้านครับ

แกงคั่วปูไข่ ปูตัวใหญ่เนื้อแน่นมากครับ ไข่ไม่เละ เนื้อไม่ยุ่ย
คั่วกับน้ำแกงกะทิที่ติดหวานเล็กๆ แต่ตัดรสชาติด้วยผักดอง
ได้รสกลมกล่อมตามแบบฉบับจันทบุรี ข้นแบบนี้
ถ้าตักราดเส้นขนมจีนทานก็น่าจะอร่อยอย่าบอกใครเลย
เหมือนกัน (คิดแล้วอยากซื้อไปฝากแม่ 5555)
จานนี้ ราคา 700 บาท ครับ

จานที่สอง แฟนผมชอบมากกกกกกกก
เพราะมันแซ่บเว่อออร์ <3
ตำไหลบัว ใส่กุ้งสด+หอยนางรม
สายบัวกรอบๆ กุ้งตัวใหญ่ หอยนางรมสดๆ
คลุกน้ำตำสไตล์อีสานจ๋า มันแบบว่าแซ่บอีหลี นัวกำลังดี ไม่เปรี้ยวนำ และไม่เผ็ดเกินไป มีกลิ่นเหมือนใส่ปลาร้า แต่พนักงานบอกว่า ใส่กะปิครับ จานนี้ ผมบอกเลยว่า พลาดไม่ได้ครับ ของเค้าเด็ดจริง มาถึงต้องสั่ง!
ราคา 150 บาท
อ่านไม่ผิด! ถูกเหลือเชื่อ กุ้ง – หอย ตัวใหญ่มาก

จานที่สาม หมึกแดดเดียวทอดน้ำปลา
หมึกตัวใหญ่มากครับ
ทานตอนร้อนๆ กำลังเคี้ยวเพลิน รสชาติเค็มนำหวานบางๆกำลังดี ทานกับพริกน้ำปลา และข้าวสวยร้อนๆ นี่อร่อยโฮกกก
แต่ แต่ แต่ แต่ หลังผ่านไปสัก 10 นาที
พออาหารเย็นนี่ หมึกกลายเป็นยางเลยคร้าบบบ
เคี้ยวยาก เหนียวสุดๆ กว่าจะหมดเมื่อยขากรรไกรกันไปเลยทีเดียว TT TT
ใครชอบหมึก แนะนำให้สั่งครับ แต่มีทริคนิดนึง ต้องรีบทาน ไม่งั้นยาวครับ (เคี้ยวไปยาวๆ)
ราคา 150 บาท
มีอีกหลายอย่างน่าทาน
แต่แค่ 3 อย่าง ผมกับแฟนก็แทบจะท้องแตกแล้วคร้าบบบบบ
หลังทานเราต่างก็พากันอุ้มท้อง(!?) ไปเก็บภาพสระว่ายน้ำยามเย็น ก่อนขึ้นห้องพักครับ



07.00 น. นาฬิกาปลุกปลุกผมและแฟนให้ลืมตาตื่นขึ้นมา
น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นที่อ่าว ไม่งั้นเราคงได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากห้องนอน
ผมชงกาแฟ 3 in 1 แล้วไปยืนชิลล์ริมระเบียง รอคุณแฟนเขียนคิ้วสักครู่
( หน้าโล้นอ่ะได้ แต่ไม่มีคิ้วอ่า ไม่ด๊ายยย! )

จากนั้นเราก็ไปทาน ABF ที่โรงแรมจัดให้กันครับผม
มีให้เลือกทานได้ 3 อย่าง คือ ABF / ข้าวต้ม / ข้าวผัด ครับ
และบุพเฟต์ขนมปัง ซีเรียล นม น้ำส้ม ทานได้ไม่อั้นครับผม


หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็ไปอาบน้ำแต่งตัว
และแฟนผมมีงานด่วนเข้ามา เราเลยมาหาที่นั่งร่มรื่นทำงานกันครับ เล็งไว้แล้วว่า มุมนี้น่าจะโอเค

เช้านี้ผมลองทานกาแฟส้มโซดา วิธีดื่มไม่ยากครับ แค่เททุกอย่างรวมกัน ดื่มดูแล้วส้มๆ ซ่าๆ ดีครับ
ที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟค่อนข้างเข้ม รสชาติกาแฟจะโดดขึ้นมานิดนึงนะครับ ใครชอบแบบแรงๆ รับรองตื่นครับ
** มีต่อข้างล่างครับ **
[SR] [REVIEW] “บ้านริมอ่าว” @จันทบุรี สงบ & สบาย & ผ่อนคลาย รับลมอุ่น พร้อมล่องเรือชมเหยี่ยว เที่ยวเชิงธรรมชาติในที่เดียว
สวัสดีครับ
ผมเป็นฟรีแลนซ์ แฟนผมเป็นฟรีแลนซ์
เราไม่ต้องเข้าออฟฟิส และทำงานที่ไหนก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ เรามักนั่งทำที่ร้านกาแฟสักแห่ง
แต่ก็มีบ้างครับ ที่เราจะเปลี่ยนบรรยากาศ.. ยกโน้ตบุ้ค สะพายกล้อง ขนปลาเก๋า เอ๊ย กระเป๋า ไปทำงานที่รีสอร์ทสงบๆ ในต่างจังหวัดกัน
และนี่คือ จุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ครับ เรามาทำงาน ( จริงๆ คือเที่ยวซะมากกว่า ) ที่ จ. จันทบุรี ครับ ตามมาเลยยย
และเนื่องจากเราไม่มีรถส่วนตัว
ผมและแฟนเลยมาเริ่มต้นเดินทางกันที่นี่ครับ บขส เอกมัย
ตีตั๋วคนละ 180 บาท แล้วก็ Let’s Go ได้เลยครับผม
(ขออนุญาตใช้รูปตั๋วกลับ เพราะตั๋วขาไป ลืมถ่ายคร้าบบบบ)
ตั๋วราคานี้ ถึงรถจะไม่ใหม่มาก แต่ก็นั่งสบาย ได้เอนหลัง และก็มีห้องน้ำ แค่นี้ แฟนผมก็สบายใจละครับ ( ฉี่บ่อยเป็นบ้า )
จากนั้น หลับๆ ตื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงครับผม
มาคราวนี้ ผมจองรีสอร์ทไว้ ชื่อ บ้านริมอ่าว
ซึ่งเพื่อนแนะนำมา แถมเคลมว่า สวย สงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะกับการทำงาน (หรือเที่ยว!?) สุดๆ
อาหารก้ออร่อยขึ้นชื่อ อู้หูยยย.. เคลมไว้ดีเบอร์นี้ ต้องไปดูกันครับ
ออกจาก กทม. 9 โมงเช้า ถึงจันทบุรีประมาณบ่ายโมงกว่า
ก้มดูแผนที่ที่รีสอร์ทส่งมาให้ทางไลน์แล้ว จากขนส่งถึงรีสอร์ทค่อนข้างไกลเลยล่ะ
แต่จากที่ศึกษามาอย่างดี ก็มี 2 ทางเลือกให้เดินทาง ..
หนึ่งคือ เหมารถกระบะสีแดงมีหลังคา หรือที่คนแถวนี้เรียกว่า มาสด้า ไปครับ ราคาประมาณ 150 – 200 บาท
สองคือ ให้ที่รีสอร์ทขับรถมารับครับ ราคาประมาณ ฟรี! ครับ แหมมมมม่.. ไม่ต้องเดา ก็ทายถูกนะครับ ว่าผมเลือกข้อไหน อิอิ
( รถจากรีสอร์ทมารับฟรีเฉพาะที่ บขส นะครับ ถ้าไกลกว่านั้น จะมีค่าใช้จ่ายครับผม และต้องโทรแจ้งล่วงหน้าก่อนสักระยะนะครับ หากโทรกระชั้นชิด แล้วรถไม่ว่างอาจจะแป๊กครับ )
ที่ไปรีสอร์ทค่อนข้างคดเคี้ยวทีเดียวครับผม และอีกอย่างป้ายแจ้งทางไปรีสอร์ทแทบไม่มีเลยครับ ขับมาเองนี่ มีสิทธิ์หลงครับ
แต่สำหรับโชเฟอร์ที่ชำนาญเส้นทางแล้ว ประมาณ 10 นาที ก็ถึงรีสอร์ทละคร้าบบบบบ เย้! เห็นทางเข้าแล้วววววว
ดูจากข้างหน้า รีสอร์ทธรรมดามากเลยแฮะ
แต่พอเข้ามาที่ล็อบบี้ ก็เริ่มเห็นความสวยและคลาสสิคครับ
เพดาน และโคมไฟ เป็นงานสาน เข้าถึงความเป็นพื้นบ้าน แต่ระ
แนงโค้งกลับทำให้ภาพรวมดูประณีตและแพง ส่วนเก้าอี้ทรงเหลี่ยมสีเหลืองมะนาว ทำให้โถงนี้ดูโมเดิร์นขึ้นมาทันที
โดยรวมผมว่า มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกำลังพอดี
และที่สำคัญที่สุด.. ผมและแฟนมาถึงที่นี่ตอนบ่าย 2 แต่ไม่ร้อนเลย ลมโกรกเย็นสบายมากครับ
แต่นอกเหนือจากศิลปะที่ผมกล่าวมา สิ่งที่แฟนผมเธอชอบที่สุด คือ สิ่งนี้ครับ น้ำสำรอง (เอาจริงผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อ)
เป็น welcome drink ที่พนักงานต้อนรับแจ้งว่า ดื่มแล้วสดชื่นที่สุด เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยดับกระหาย แก้ร้อนในได้เป็นอย่างดี
ผมลองดื่มดู สัมผัสคือ เหมือนมีวุ้นเล็กๆๆ ลอยอยู่ในน้ำเต็มไปหมด กลืนแล้วลื่นๆ คล่องๆ ให้ความรู้สึกที่โอเคดีเหมือนกัน
แต่ผมว่า รสชาติหวานเจี๊ยบเกินไปหน่อย
หลังจากยืนให้อาหารปลาสักพัก พนักงานก็นำเราไปที่ห้องที่จองไว้
และ ห้อง 1207 คือเป้าหมายของการมาพักผ่อน เอ๊ย ทำงาน ครั้งนี้ครับ ^^;
ตามมาครับ
โอออออ้.. กว้างกว่าที่คิดครับผม และห้องมีกลิ่นหอมแบบอ่อนๆ ครับ มีตลอดเวลา ( 2 วัน 2 คืน)
แถมไม่มีเสียงเครื่องฉีดสเปรย์อัตโนมัติกวนใจ (แบบที่ห้องผม) แต่อย่างใด เค้าทำได้อย่างไรกัน อยากได้ม่างงงงง ><
และนี่ครับ ผมเข้ามาก็สะดุดตากับโซนนี้ก่อนเลย โซนทำงานครับ
จัดเป็นกิจจะลักษณะเลย มี 2 ที่นั่ง พร้อมปลั๊กแยก ผมเชื่อว่า ฟรีแลนซ์คนไหนมาเห็นจะต้องฟินคร้าบบบบบ
นี่มันโรงแรม หรือ Co-working space เนี้ยะ 555555
ถัดจากโซนทำงานก็เป็นเตียงครับผม มีผ้าเช็ดตัวพับเป็นช้างน้อย 2 ตัว น่ารักดีครับ
เตียงนอนหนา แต่ไม่เด้งดึ๋งดั๋งจนเกินงาม ดีมากครับ ถ้าเด้งมากๆ พอดึกๆ ลุกไปฉี่ แล้วกลับมานอนทีไร ทำคนข้างๆ เด้งตื่นตลอด = =
มองขึ้นไป มีทั้งแอร์ และพัดลมเพดาน ..แปลกแฮะ ??
น้อยที่จะเห็นรีสอร์ทมีพัดลมเพดาน เมื่อสงสัยซะแล้วก็ต้องถามน้องพนักงาน
จึงได้ความว่า หากวันไหนนึกครึ้มอยากรับลมชิลๆ จากอ้อมอ่าว ก็สามารถปิดแอร์ แล้วเปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุด
เพื่อรับลมธรรมชาติสุดสดชื่นที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ ได้เลยครับ ส่วนพัดลมเพดาน จะช่วยดึงลมเข้ามา และทำให้อากาหมุนเวียนได้ดีขึ้นคับผม
และไฮไลท์ของห้องนี้ก็คือ อ่างจากุซซี่ที่อยู่ริมระเบียง
กับวิวมุมกว้างที่สามารถมองเห็นทั้งรีสอร์ท สระว่ายน้ำ และอ่าวมะนาวไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับว่า ห้องที่เราพักเป็นจุดชมวิวดีๆ นี่เอง
แฟนผมเธอกรี๊ดกร๊าดน่าดู กับอ่างจากุซซี่
แต่ผมขอบายล่ะครับ ถ้าจะให้อาบน้ำริมระเบียงแบบนี้ มันก็จั๊กจี้เกินไปสำหรับผู้ชายฮิปสเตอร์แบบเราๆ
สระบัวใหญ่ด้านล่าง น้ำแห้งพอสมควรครับ
น้องพนักงานแจ้งว่า ช่วงน้ำหลาก น้ำจะสูงมาก
หากพักชั้น 1 จะลงไปให้อาหารปลาได้ด้วย ว๊า.. เสียดายจัง มาหน้าแล้ง
หลังจากนอนกลิ้งเล่นบนเตียงกันสักพัก ประมาณบ่าย 3 ครึ่ง เราก็ไปเดินเล่น และจิบกาแฟกันครับ
ร้านกาแฟอยู่ใกล้สระว่ายน้ำ และติดกับริมอ่าวด้วย
เฟอนิเจอร์ทำจากไม้เก่า ให้อารมณ์วินเทจครับ ที่สำคัญ ต้นไม้เยอะมาก ร่มรื่นเลยทีเดียว
แฟนผมเธอเลือกนั่งโซนริมอ่าวครับ แหมมม่ เห็นเป็นเงาตะคุ่มนึกว่านางไม้ >_<
เธอเลือกดื่มกาแฟคาปูชิโน่เย็น แต่ผมขอจัดเป็นโกโก้เบาๆ พอครับ บ่ายแก่ๆ แบบนี้ ดื่มกาแฟ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ
ถึงจะเป็นร้านกาแฟในรีสอร์ท แต่ราคาไม่แรงเลยครับ
คาปูชิโน่เย็น และโกโก้ แก้วละ 70 บาท เท่านั้น
คนที่ไม่ได้พัก ก็สามารถมาดื่มได้ครับ ผมว่าราคานี้ แค่ซื้อวิว ก็เกินคุ้มครับผม
หลังจากนั่งเงียบๆ จมจ่อมอยู่กับหนังสือเล่นโปรดกันสักพักใหญ่ เราก็ไปเดินเล่นกันต่อ
ข้างๆ ร้านกาแฟ เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดังร้านหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีเลยครับ
ชื่อว่า บางมะนาว ใกล้มื้อเย็นแล้ว ลูกค้าเริ่มทยอยมาแล้วครับ
ร้านค่อนข้างกว้างขวาง บรรยากาศสวน
มีหลายโซนให้เลือกนั่งทั้งริมน้ำ ลานโล่ง และห้องอาหาร
ที่จุดชมวิว ลูกค้าแวะเวียนมาถ่ายรูปไม่ขาดสายเลยครับ
ได้ยินว่า ร้านนี้คนจันทบุรี นิยมมาจัดงานแต่งงานด้วย
เนื่องจากเราไม่มีรถ แพลนเที่ยวของเรา ก็เลยมักจะใช้ชีวิตพักผ่อนอย่างเต็มที่ในรีสอร์ทซะเป็นส่วนใหญ่
เย็นนี้ เราก็เลยขอฝากท้องไว้ที่นี่เลยแล้วกันครับ
และนี่คือ อาหาร 3 อย่างที่ผมสั่งมาทาน เพราะเพื่อนผมเคลมไว้ว่า อร่อยลื้มมมมมม ถ้ามาต้องไม่พลาด!
โอเค ไม่พลาด็ไม่พลาดครับ จัดไป!
เริ่มที่จานแรก ซิกเนเจอร์ของร้านครับ
แกงคั่วปูไข่ ปูตัวใหญ่เนื้อแน่นมากครับ ไข่ไม่เละ เนื้อไม่ยุ่ย
คั่วกับน้ำแกงกะทิที่ติดหวานเล็กๆ แต่ตัดรสชาติด้วยผักดอง
ได้รสกลมกล่อมตามแบบฉบับจันทบุรี ข้นแบบนี้
ถ้าตักราดเส้นขนมจีนทานก็น่าจะอร่อยอย่าบอกใครเลย
เหมือนกัน (คิดแล้วอยากซื้อไปฝากแม่ 5555)
จานนี้ ราคา 700 บาท ครับ
จานที่สอง แฟนผมชอบมากกกกกกกก
เพราะมันแซ่บเว่อออร์ <3
ตำไหลบัว ใส่กุ้งสด+หอยนางรม
สายบัวกรอบๆ กุ้งตัวใหญ่ หอยนางรมสดๆ
คลุกน้ำตำสไตล์อีสานจ๋า มันแบบว่าแซ่บอีหลี นัวกำลังดี ไม่เปรี้ยวนำ และไม่เผ็ดเกินไป มีกลิ่นเหมือนใส่ปลาร้า แต่พนักงานบอกว่า ใส่กะปิครับ จานนี้ ผมบอกเลยว่า พลาดไม่ได้ครับ ของเค้าเด็ดจริง มาถึงต้องสั่ง!
ราคา 150 บาท
อ่านไม่ผิด! ถูกเหลือเชื่อ กุ้ง – หอย ตัวใหญ่มาก
จานที่สาม หมึกแดดเดียวทอดน้ำปลา
หมึกตัวใหญ่มากครับ
ทานตอนร้อนๆ กำลังเคี้ยวเพลิน รสชาติเค็มนำหวานบางๆกำลังดี ทานกับพริกน้ำปลา และข้าวสวยร้อนๆ นี่อร่อยโฮกกก
แต่ แต่ แต่ แต่ หลังผ่านไปสัก 10 นาที
พออาหารเย็นนี่ หมึกกลายเป็นยางเลยคร้าบบบ
เคี้ยวยาก เหนียวสุดๆ กว่าจะหมดเมื่อยขากรรไกรกันไปเลยทีเดียว TT TT
ใครชอบหมึก แนะนำให้สั่งครับ แต่มีทริคนิดนึง ต้องรีบทาน ไม่งั้นยาวครับ (เคี้ยวไปยาวๆ)
ราคา 150 บาท
มีอีกหลายอย่างน่าทาน
แต่แค่ 3 อย่าง ผมกับแฟนก็แทบจะท้องแตกแล้วคร้าบบบบบ
หลังทานเราต่างก็พากันอุ้มท้อง(!?) ไปเก็บภาพสระว่ายน้ำยามเย็น ก่อนขึ้นห้องพักครับ
07.00 น. นาฬิกาปลุกปลุกผมและแฟนให้ลืมตาตื่นขึ้นมา
น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นที่อ่าว ไม่งั้นเราคงได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากห้องนอน
ผมชงกาแฟ 3 in 1 แล้วไปยืนชิลล์ริมระเบียง รอคุณแฟนเขียนคิ้วสักครู่
( หน้าโล้นอ่ะได้ แต่ไม่มีคิ้วอ่า ไม่ด๊ายยย! )
จากนั้นเราก็ไปทาน ABF ที่โรงแรมจัดให้กันครับผม
มีให้เลือกทานได้ 3 อย่าง คือ ABF / ข้าวต้ม / ข้าวผัด ครับ
และบุพเฟต์ขนมปัง ซีเรียล นม น้ำส้ม ทานได้ไม่อั้นครับผม
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็ไปอาบน้ำแต่งตัว
และแฟนผมมีงานด่วนเข้ามา เราเลยมาหาที่นั่งร่มรื่นทำงานกันครับ เล็งไว้แล้วว่า มุมนี้น่าจะโอเค
เช้านี้ผมลองทานกาแฟส้มโซดา วิธีดื่มไม่ยากครับ แค่เททุกอย่างรวมกัน ดื่มดูแล้วส้มๆ ซ่าๆ ดีครับ
ที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟค่อนข้างเข้ม รสชาติกาแฟจะโดดขึ้นมานิดนึงนะครับ ใครชอบแบบแรงๆ รับรองตื่นครับ
** มีต่อข้างล่างครับ **