TRIP 8 Day 4 มะม่วงรีวิว
ทริปครั้งนี้ก็ใกล้จะหมดลงแล้ว วันนี้เราจะไปกันที่ MARUNOUCHI โตเกียว และไป「JNTO Tourist Information Center」ศูนย์ให้ข้อมูลองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นที่สามารถลองใส่ชุดกิโมโน หรือทดลองเขียนพู่กันได้ฟรี
ดูรีวิว Day1 เที่ยวโตเกียว ตลาดปลาซุกิจิ เก็บสตอเบอรี่ และชมซากุระก่อนใครที่ KAWAZU ZAKURA
https://pantip.com/topic/37477478/comment2
Day2 ชมวิวฟูจิที่โรงแรม เที่ยวไร่สตอเบอรี่ ร่องเรือสำราญชมทะเลญี่ปุ่น รีวิวโรงแรมหรู Shimoda Tokyu Hotel
https://pantip.com/topic/37478169/comment5
Day3 ชมซากุระที่ KAWAZU-ชิมวาซาบิสดๆจากไร่ที่ JOREN NO TAK -รีวิวที่พักย่าน ASAKUSA TOKYO ( HOTEL KEIHAN)
https://pantip.com/topic/37527806
ค่าใช้จ่ายและการเดินทาง
ออกมาจากอาซากุสะที่ที่พักของเราแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยัง「JNTO Tourist Information Center」ที่มารุโนะอุจิ โตเกียวกัน
สถานีที่ใกล้「JNTO Tourist Information Center」มากที่สุดคือสถานีโตเกียวให้นั่ง TOKYO METRO GINZA LINE เพื่อไปยังสถานีกินซ่า หลังจากน้ันให้เปลี่ยนเป็น TOKYO METRO MARUNOUCHI LINE เพื่อไปยังสถานีโตเกียว
วิธีซื้อตั๋วก็ง่ายนิดเดียว
ก่อนอื่นต้องเช็คราคาจากป้ายที่อยู่ด้านบนตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ในครั้งนี้ให้ดูราคาเพื่อไปสถานีโตเกียวหลังจากนั้นก็เลือกภาษา ในตอนนี้ยังไม่มีภาษาไทยดังนั้นให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษจากนั้นแตะไปที่ราคา(สถานีโตเกียว 200 เยน)และใส่เงินเป็นขั้นตอนสุดท้ายเท่านี้ก็เรียบร้อย
เมื่อผ่านเครื่องตรวจตั๋วเข้าไปแล้วก็ให้ไปขึ้นเส้นกินซ่าที่ชานชาลา 1 หรือ 2เบียดๆกับคนที่กำลังจะไปทำงานประมาณ 18 นาที และลงรถไฟที่สถานีกินซ่า
ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ช่วงท้ายๆขบวนไปหนึ่งชั้นและไปทางขวา ตรงไปเรื่อยๆไปประมาณ 200 เมตร ขึ้นบันไดเล็กๆ ไปก็จะเจอป้าย「MARUNOUCHI LINE」อยู่ด้านซ้าย จากนั้นจะเจอบันไดเพื่อลงไปที่ชานชาลา
ให้ขึ้นรถไฟที่มีสถานีปลายทาง IKEBUKURO ที่ชานชาลาที่ 4จากสถานีกินซ่าไปสถานีโตเกียวนั่งไปแค่สถานีเดียว แปปเดียวก็ถึง
เมื่อถึงสถานีโตเกียวแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนแถวๆท้ายขบวนเพื่อไปที่เครื่องตรวจตั๋ว เครื่องตรวจตั๋วจะอยู่ด้านซ้ายมือ พอออกมากแล้วก็ให้ไปทางซ้าย เมื่อเจอทางเดินเส้นใหญ่ให้เดินไปจนสุดและเลี้ยวขวา
เมื่อเลี้ยวมาทางซ้ายแล้วก็จะเจอกับ『MARU BIRU』ตึกมารุโนะอุจิ
เมื่อเข้ามาในตึกแล้วให้ตรงไปเรื่อยๆ จะมี Starbuck อยู่ด้านขวามือ เดินไปอีกก็จะเจอ FRUITS PARLOR SEMBIKIYA เป็นร้านที่จำหน่ายผลไม้ชั้นดี และมีของหวานด้วย
MARU BIRU ยังมีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นอยู่มากมายหลายร้าน มีร้านอาหารอร่อยๆมากมาย ที่ชั้น 35F・36F ยังมีร้านช้อปปิ้งต่างๆที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวของโตเกียวระหว่างทางไปร้านอาหารอีกด้วย
เข้ามาใน MARU BIRU แล้วให้ตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอบันไดอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วก็จะเจอกับ 「MARUNOUCHI NAKADOURI」
เป็นทางที่ปูด้วยหิน จะมีต้นไม้อยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง และเรียงรายไปด้วยร้านแบรนด์เนม คาเฟ่ห์ และร้านอาหารมากมาย เดินเส้นทางที่มีร้านค้ามากมายแบบนี้ไปซักพักก็จะเจอกับสี่แยกไฟแดงใหญ่ และให้เดินข้ามไป ก็จะเจอกับ 「SHIN-TOKYO Building」
จากสถานีโตเกียวมาประมาณ 7 นาที สามารถเดินเพลิดเพลินไปกับร้านค้าสวยงามต่างๆระหว่างทางได้ด้วย
ตึก「SHIN-TOKYO Building」ขนาดใหญ่ที่เรียบ MARUNOUCHI NAKADOURI มี 「JNTO Tourist Information Center」อยู่ด้านใน『VISIT JNTO TIC』
https://www.jnto.go.jp/eng/arrange/travel/guide/jnto_tic.html
「JNTO Tourist Information Center」นี้อาจจะดูเหมือนคาเฟห์แต่จริงๆแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นอย่างด้านในมี「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」เพื่อให้เราได้ลองใส่ชุดกิโมโน พับกระดาษโอริกามิ หรือทดลองเขียนพูกันได้แบบฟรีๆเลย
เรานัดเพื่อนไว้ที่นี่ และวันนี้จะมาสนุกกันที่นี่กัน ถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะนั่งรถไฟใต้ดินสายมารุโนะอุจิมาที่สถานีโตเกียว แต่ที่นี่ยังอยู่ใกล้สถานี JR โตเกียว หรือสถานี JR ยูระกุโจด้วยมีรายละเอียดวิธีไปเป็นไฟล์ PDF ในลิงค์ด้านล่างนี้ด้วย『How to get to the Tourist Information Center (TIC)』
ที่เคาเตอร์ด้านใน「JNTO Tourist Information Center」จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีภาษาไทยแต่ที่นี่สามารถแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี และภาษาญี่ปุ่นได้เราไม่จำเป็นต้องพูดภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษแบบคล่องๆก็สามารถสื่อสารได้ไม่ต้องห่วงเลยสามารถถามได้ตั้งแต่คำถามว่า「ซากุระที่ไหนสวย ?」ไปจนถึง「ถ้าจะไปภูเขาฟูจิไปยังไงจะสะดวกที่สุด?」ก็สามารถถามได้หมด ที่นี่จะมีพนักงานมืออาชีพคอยตอบคำถามให้เราอย่างละเอียดเลยถ้ามีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นก็ลองถามดูได้เลย
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการ WIFI ให้ฟรีภายในตึก และยังมีให้เช่า WIFI สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย(วันละ 1000 เยน)
ถ้าสำหรับใครที่จะต้องใช้ WIFI ตลอดการเดินทางก็แนะนำให้เช่ามาจากที่ไทยจะดีกว่า แต่ถ้าใช้แค่ชั่วคราวก็ยืมได้เลย
เข้าไปข้างในกันเลยสงสัยจะถึงเร็วไปหน่อย เพื่อนยังไม่มาเลย ระหว่างรอไปหาข้อมูลทริปต่อไปดีกว่า ที่「JNTO Tourist Information Center」มีแผ่นพับข้อมูลการท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษด้วย
「JNTO Tourist Information Center」สามารถทดลองใส่ชุดกิโมโนได้ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 16:30 เลย ใช้เวลาแค่ 15
นาทีเอง แล้วสามารถใส่ถ่ายภายในตึกหรือถ่ายรูปแถวๆ MARUNOUCHI NAKADOURI ได้ด้วยถ้าสนใจสามารถเข้าไปติดต่อพนักงานได้เลยแบบไม่ต้องจองนอกจากนี้ล่าสุดตอนนี้มีให้ทดลองใส่ ฮากามะ HAKAMA ได้ด้วย อยู่ที่ 1500 เยน (ขณะนี้กำลังมีส่วนลด 1000 เยน)มีเวลา 90 นาที สามารถเดินถ่ายรูปบริเวณ MARUNOUCHI NAKADOURI หรือบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย
พอไปติดต่อพนักงานก็จะพาเราไปด้านใน
มีทั้งชุดกิโมโน ยูกาตะ หรือรองเท้าให้เลือกมากมาย สามารถเลือกให้เขาใส่ให้ได้ตามความชอบเลยมันน่ารักไปหมด เลือกไม่ถูกเลย
แต่ความจริงก็คือความจริง.............ก็มันไม่มีไซส์ที่ใส่ได้น่ะสิ!!ครั้งนี้เลยจะให้เพื่อนที่รู้จักกันที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นใส่แทน แล้วค่อยถ่ายรูปด้วยกันก็ได้
ขออนุญาติ นำภาพเพื่อนลงนะคะ (ชุดกิโมโนสีชมพู น่ารักเชียว )
พวกที่รัดชุดอย่างโอบิเราไม่มีทางใส่คนเดียวได้เลย พนักงานก็ช่วยใส่ให้อย่างรวดเร็วสวยงาม
ผ่านไปประมาณ 10 นาทีใส่ชุดกิโมโนสีชมพูแล้วเหมือนคนละคนเลย ดูดีแล้วก็น่ารักมากๆยืมร่มสีแดงมากางแล้วก็ถ่ายกับซักรูป
ใส่ชุดถ่ายรูปได้ทั้งข้างในและข้างนอกเลย ก่อนอื่นก็ถ่ายรูปกับดอกซากุระที่ตกแต่งอยู่ที่ประตูทางเข้าซักใบ เก็บไว้เป็นความทรงจำในทริปนี้หน่อย ♪ข้างหน้า「JNTO Tourist Information Center」เป็นทางที่ปูด้วยหินและเป็นทางที่มีต้นไม้อยู่สองฝั่งข้างทาง เป็นมุมที่สวยดีถ่ายรูปข้างนอกแบบนี้ก็ได้นะ
มุมนึงของที่นี่มีแผนที่โลกแปะไว้อยู่ด้วยถ้าดูดีๆทุกรูปที่แปะอยู่เป็นรูปที่ชาวต่างชาติใส่ชุดกิโมโนทุกรูปเลยเราสามารถขอถ่ายรูปโพราลอยด์เพื่อเอาไปติดที่แผนที่โลกได้ด้วย
นอกจากทดลองใส่ชุดกิโมโนแล้วที่「JNTO Tourist Information Center」ยังมีให้「เขียนพู่กัน」ด้วย อันนี้ก็เหมือนกับตอนใส่ชุดกิโมโนคือ สามารถติดต่อพนักงานได้เลย พนักงานก็จะพาไปที่「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」「การเขียนพู่กัน」เป็นศิลปะของซีกโลกตะวันออก
ที่ไทยอาจจะเห็นการเขียนพู่กันได้ตามร้านอาหารจีนที่ถูกประดับเอาไว้ และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นของจีนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ 「การเขียนพู่กัน」 ที่ญี่ปุ่นก็มีการเขียนพู่กันอยู่เยอะจนมีคาบเรียนในหลักสูตรประถมหรือมัธยมต้นด้วย
「การเขียนพู่กัน」สำหรับคนที่ไม่เคยเขียนก็ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีตัวอย่างคำต่างๆไว้ให้ดูด้วย เราสามารถดูและเขียนตามได้เลย ในรูปที่ 2 「幸福」คือความสุข ส่วนรูปที่ 3 「家族」คือ ครอบครัว และรูปที่ 4 คือ คนสวย ICHIGO-CHAN ก็ต้องเป็นรูปที่ 4 ก็สินะ 555
สตาร์ฟก็จะช่วยแนะนำวิธีการจับพู่กันอย่างถูกต้อง หรือวิธีเขียนให้สวยงามด้วยเวลาเขียนให้ตั้งพู่กันขึ้นให้ตรงจะเขียนได้สวย
กำลังเพลินเลยเวลาก็ผ่านไปเร็วจริงๆ
แต่ก่อนไปสนามบินจะขอแวะไป「ตลาดปลาสึกิจิ」ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่สตาร์ฟแนะนำมาซักหน่อย
[CR] เที่ยวโตเกียว ตลาดปลาสึกิจิ- ใส่ชุดกิโมโนถ่ายรูปฟรีที่ JNTO Tourist Information Center
ทริปครั้งนี้ก็ใกล้จะหมดลงแล้ว วันนี้เราจะไปกันที่ MARUNOUCHI โตเกียว และไป「JNTO Tourist Information Center」ศูนย์ให้ข้อมูลองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นที่สามารถลองใส่ชุดกิโมโน หรือทดลองเขียนพู่กันได้ฟรี
ดูรีวิว Day1 เที่ยวโตเกียว ตลาดปลาซุกิจิ เก็บสตอเบอรี่ และชมซากุระก่อนใครที่ KAWAZU ZAKURA
https://pantip.com/topic/37477478/comment2
Day2 ชมวิวฟูจิที่โรงแรม เที่ยวไร่สตอเบอรี่ ร่องเรือสำราญชมทะเลญี่ปุ่น รีวิวโรงแรมหรู Shimoda Tokyu Hotel
https://pantip.com/topic/37478169/comment5
Day3 ชมซากุระที่ KAWAZU-ชิมวาซาบิสดๆจากไร่ที่ JOREN NO TAK -รีวิวที่พักย่าน ASAKUSA TOKYO ( HOTEL KEIHAN)
https://pantip.com/topic/37527806
ออกมาจากอาซากุสะที่ที่พักของเราแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยัง「JNTO Tourist Information Center」ที่มารุโนะอุจิ โตเกียวกัน
สถานีที่ใกล้「JNTO Tourist Information Center」มากที่สุดคือสถานีโตเกียวให้นั่ง TOKYO METRO GINZA LINE เพื่อไปยังสถานีกินซ่า หลังจากน้ันให้เปลี่ยนเป็น TOKYO METRO MARUNOUCHI LINE เพื่อไปยังสถานีโตเกียว
วิธีซื้อตั๋วก็ง่ายนิดเดียว
ก่อนอื่นต้องเช็คราคาจากป้ายที่อยู่ด้านบนตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ในครั้งนี้ให้ดูราคาเพื่อไปสถานีโตเกียวหลังจากนั้นก็เลือกภาษา ในตอนนี้ยังไม่มีภาษาไทยดังนั้นให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษจากนั้นแตะไปที่ราคา(สถานีโตเกียว 200 เยน)และใส่เงินเป็นขั้นตอนสุดท้ายเท่านี้ก็เรียบร้อย
เมื่อผ่านเครื่องตรวจตั๋วเข้าไปแล้วก็ให้ไปขึ้นเส้นกินซ่าที่ชานชาลา 1 หรือ 2เบียดๆกับคนที่กำลังจะไปทำงานประมาณ 18 นาที และลงรถไฟที่สถานีกินซ่า
ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ช่วงท้ายๆขบวนไปหนึ่งชั้นและไปทางขวา ตรงไปเรื่อยๆไปประมาณ 200 เมตร ขึ้นบันไดเล็กๆ ไปก็จะเจอป้าย「MARUNOUCHI LINE」อยู่ด้านซ้าย จากนั้นจะเจอบันไดเพื่อลงไปที่ชานชาลา
ให้ขึ้นรถไฟที่มีสถานีปลายทาง IKEBUKURO ที่ชานชาลาที่ 4จากสถานีกินซ่าไปสถานีโตเกียวนั่งไปแค่สถานีเดียว แปปเดียวก็ถึง
เมื่อถึงสถานีโตเกียวแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนแถวๆท้ายขบวนเพื่อไปที่เครื่องตรวจตั๋ว เครื่องตรวจตั๋วจะอยู่ด้านซ้ายมือ พอออกมากแล้วก็ให้ไปทางซ้าย เมื่อเจอทางเดินเส้นใหญ่ให้เดินไปจนสุดและเลี้ยวขวา
เมื่อเลี้ยวมาทางซ้ายแล้วก็จะเจอกับ『MARU BIRU』ตึกมารุโนะอุจิ
เมื่อเข้ามาในตึกแล้วให้ตรงไปเรื่อยๆ จะมี Starbuck อยู่ด้านขวามือ เดินไปอีกก็จะเจอ FRUITS PARLOR SEMBIKIYA เป็นร้านที่จำหน่ายผลไม้ชั้นดี และมีของหวานด้วย
MARU BIRU ยังมีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นอยู่มากมายหลายร้าน มีร้านอาหารอร่อยๆมากมาย ที่ชั้น 35F・36F ยังมีร้านช้อปปิ้งต่างๆที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวของโตเกียวระหว่างทางไปร้านอาหารอีกด้วย
เข้ามาใน MARU BIRU แล้วให้ตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอบันไดอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วก็จะเจอกับ 「MARUNOUCHI NAKADOURI」
เป็นทางที่ปูด้วยหิน จะมีต้นไม้อยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง และเรียงรายไปด้วยร้านแบรนด์เนม คาเฟ่ห์ และร้านอาหารมากมาย เดินเส้นทางที่มีร้านค้ามากมายแบบนี้ไปซักพักก็จะเจอกับสี่แยกไฟแดงใหญ่ และให้เดินข้ามไป ก็จะเจอกับ 「SHIN-TOKYO Building」
ตึก「SHIN-TOKYO Building」ขนาดใหญ่ที่เรียบ MARUNOUCHI NAKADOURI มี 「JNTO Tourist Information Center」อยู่ด้านใน『VISIT JNTO TIC』https://www.jnto.go.jp/eng/arrange/travel/guide/jnto_tic.html
「JNTO Tourist Information Center」นี้อาจจะดูเหมือนคาเฟห์แต่จริงๆแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นอย่างด้านในมี「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」เพื่อให้เราได้ลองใส่ชุดกิโมโน พับกระดาษโอริกามิ หรือทดลองเขียนพูกันได้แบบฟรีๆเลย
เรานัดเพื่อนไว้ที่นี่ และวันนี้จะมาสนุกกันที่นี่กัน ถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะนั่งรถไฟใต้ดินสายมารุโนะอุจิมาที่สถานีโตเกียว แต่ที่นี่ยังอยู่ใกล้สถานี JR โตเกียว หรือสถานี JR ยูระกุโจด้วยมีรายละเอียดวิธีไปเป็นไฟล์ PDF ในลิงค์ด้านล่างนี้ด้วย『How to get to the Tourist Information Center (TIC)』
ที่เคาเตอร์ด้านใน「JNTO Tourist Information Center」จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีภาษาไทยแต่ที่นี่สามารถแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี และภาษาญี่ปุ่นได้เราไม่จำเป็นต้องพูดภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษแบบคล่องๆก็สามารถสื่อสารได้ไม่ต้องห่วงเลยสามารถถามได้ตั้งแต่คำถามว่า「ซากุระที่ไหนสวย ?」ไปจนถึง「ถ้าจะไปภูเขาฟูจิไปยังไงจะสะดวกที่สุด?」ก็สามารถถามได้หมด ที่นี่จะมีพนักงานมืออาชีพคอยตอบคำถามให้เราอย่างละเอียดเลยถ้ามีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นก็ลองถามดูได้เลย
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการ WIFI ให้ฟรีภายในตึก และยังมีให้เช่า WIFI สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย(วันละ 1000 เยน)
ถ้าสำหรับใครที่จะต้องใช้ WIFI ตลอดการเดินทางก็แนะนำให้เช่ามาจากที่ไทยจะดีกว่า แต่ถ้าใช้แค่ชั่วคราวก็ยืมได้เลย
เข้าไปข้างในกันเลยสงสัยจะถึงเร็วไปหน่อย เพื่อนยังไม่มาเลย ระหว่างรอไปหาข้อมูลทริปต่อไปดีกว่า ที่「JNTO Tourist Information Center」มีแผ่นพับข้อมูลการท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษด้วย
「JNTO Tourist Information Center」สามารถทดลองใส่ชุดกิโมโนได้ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 16:30 เลย ใช้เวลาแค่ 15
นาทีเอง แล้วสามารถใส่ถ่ายภายในตึกหรือถ่ายรูปแถวๆ MARUNOUCHI NAKADOURI ได้ด้วยถ้าสนใจสามารถเข้าไปติดต่อพนักงานได้เลยแบบไม่ต้องจองนอกจากนี้ล่าสุดตอนนี้มีให้ทดลองใส่ ฮากามะ HAKAMA ได้ด้วย อยู่ที่ 1500 เยน (ขณะนี้กำลังมีส่วนลด 1000 เยน)มีเวลา 90 นาที สามารถเดินถ่ายรูปบริเวณ MARUNOUCHI NAKADOURI หรือบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย
พอไปติดต่อพนักงานก็จะพาเราไปด้านใน
มีทั้งชุดกิโมโน ยูกาตะ หรือรองเท้าให้เลือกมากมาย สามารถเลือกให้เขาใส่ให้ได้ตามความชอบเลยมันน่ารักไปหมด เลือกไม่ถูกเลย
แต่ความจริงก็คือความจริง.............ก็มันไม่มีไซส์ที่ใส่ได้น่ะสิ!!ครั้งนี้เลยจะให้เพื่อนที่รู้จักกันที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นใส่แทน แล้วค่อยถ่ายรูปด้วยกันก็ได้
ใส่ชุดถ่ายรูปได้ทั้งข้างในและข้างนอกเลย ก่อนอื่นก็ถ่ายรูปกับดอกซากุระที่ตกแต่งอยู่ที่ประตูทางเข้าซักใบ เก็บไว้เป็นความทรงจำในทริปนี้หน่อย ♪ข้างหน้า「JNTO Tourist Information Center」เป็นทางที่ปูด้วยหินและเป็นทางที่มีต้นไม้อยู่สองฝั่งข้างทาง เป็นมุมที่สวยดีถ่ายรูปข้างนอกแบบนี้ก็ได้นะ
มุมนึงของที่นี่มีแผนที่โลกแปะไว้อยู่ด้วยถ้าดูดีๆทุกรูปที่แปะอยู่เป็นรูปที่ชาวต่างชาติใส่ชุดกิโมโนทุกรูปเลยเราสามารถขอถ่ายรูปโพราลอยด์เพื่อเอาไปติดที่แผนที่โลกได้ด้วย
นอกจากทดลองใส่ชุดกิโมโนแล้วที่「JNTO Tourist Information Center」ยังมีให้「เขียนพู่กัน」ด้วย อันนี้ก็เหมือนกับตอนใส่ชุดกิโมโนคือ สามารถติดต่อพนักงานได้เลย พนักงานก็จะพาไปที่「มุมวัฒนธรรมญี่ปุ่น」「การเขียนพู่กัน」เป็นศิลปะของซีกโลกตะวันออก
ที่ไทยอาจจะเห็นการเขียนพู่กันได้ตามร้านอาหารจีนที่ถูกประดับเอาไว้ และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นของจีนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ 「การเขียนพู่กัน」 ที่ญี่ปุ่นก็มีการเขียนพู่กันอยู่เยอะจนมีคาบเรียนในหลักสูตรประถมหรือมัธยมต้นด้วย
「การเขียนพู่กัน」สำหรับคนที่ไม่เคยเขียนก็ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีตัวอย่างคำต่างๆไว้ให้ดูด้วย เราสามารถดูและเขียนตามได้เลย ในรูปที่ 2 「幸福」คือความสุข ส่วนรูปที่ 3 「家族」คือ ครอบครัว และรูปที่ 4 คือ คนสวย ICHIGO-CHAN ก็ต้องเป็นรูปที่ 4 ก็สินะ 555
สตาร์ฟก็จะช่วยแนะนำวิธีการจับพู่กันอย่างถูกต้อง หรือวิธีเขียนให้สวยงามด้วยเวลาเขียนให้ตั้งพู่กันขึ้นให้ตรงจะเขียนได้สวย
กำลังเพลินเลยเวลาก็ผ่านไปเร็วจริงๆ
แต่ก่อนไปสนามบินจะขอแวะไป「ตลาดปลาสึกิจิ」ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่สตาร์ฟแนะนำมาซักหน่อย