เมื่อการเที่ยวของผมโดน ‘ตีกรอบ’ จากสิ่งรอบข้าง

ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสพบเห็นคนมากมายหลากหลายแบบ หลากหลายเชื้อชาติ สิ่งหนึ่งที่ผมพบคือพวกเขาเหล่านี้ทำแต่งาน ไม่มีอิสระในชีวิต หรือถ้ามีอิสระ ก็ใช้มันไม่เป็น ‘อิสระ 101’ คือหลักสูตรที่ควรจะบรรจุในระบบการศึกษา เป็นคำง่ายๆสั้นๆที่หลายๆคนบริหารมันไม่เป็น ซึ่งอิสระที่ตั้งอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงในยุคสมัยที่ทุกคนต่างดิ้นรนสร้างรากฐาน และพิสูจน์ตัวเอง มันมีจริงหรือ ?  ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ ผมขอแนะนำตัวในแบบน่ารักๆ และไม่ซ้ำใครดีกว่า ลองจินตนาการกันดูนะครับ หุ่นผมเหมือนโอ๊ต ปราโมทย์ แต่ทรงผมเหมือน Michael Scofield หน้าตาผมไม่มีใครเหมือน เวลาผมยิ้มคนมักจะพูดกันว่าผมเหมือนคุณลุงซานต้า ส่วนชื่อของผม ผมให้อิสระพวกคุณในการตั้งชื่อละกัน  กระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิป ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพื่อนๆ และคนรอบตัวที่มักจะวิ่งเข้ามาถามอยู่เสมอว่าทำงาน Full time แล้วยังมีธุรกิจของตัวเองอีกหลายที่
ด้วยอายุแค่เพียง 30 ต้นๆ เมื่อเทียบกับคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน

“ งานก็เยอะ เอาเวลาที่ไหนไปเที่ยว ? ”

“ ไปเที่ยวงี้คนรอบตัวไม่บ่นหรอ ? ”

“ ไปเที่ยวแล้วปล่อยลูกน้องทำงานกันเอง จะมีความสุขได้ไง ? ”

          คำถามต่างๆมากมายพรั่งพรูเข้ามาราวกับมันเป็นสิ่งที่พวกเขาโหยหาความเป็นอิสระในการเที่ยว เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ความคิดหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวว่า พวกเขาถูกตีกรอบจากสังคมหรอ หรือพวกเขามุ่งมั่นสร้างตัวตนมากจนลืมโฟกัสถึงความสุข หรือว่าจริงๆแล้วพวกเขามีภาระบางอย่างที่ติดพันอยู่ ทำให้ผมคิดได้ว่าผมก็ผ่านปัญหาเหล่านี้มาแล้ว

          เรื่องการเรียน และหน้าที่การงานที่ทำให้ผมต้องไปๆมาๆกว่า 15 ประเทศ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นความโชคดีของผมที่ทำให้ได้รับวัฒนธรรม มุมมอง แนวคิด และแรงบันดาลใจต่างๆที่หลากหลายของทั้งคนเอเชีย และยุโรป ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นชนวนที่จุดประกายความคิดขึ้นมาว่าโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ผู้คน วัฒนธรรม หรือว่าจะเป็นอาหารการกิน  มันทำให้ผมรู้ว่าตัวตนของผมชอบการเดินทาง ชอบการท่องเที่ยว และชอบการกิน แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องมีการวางภาพลักษณ์ และสร้างความน่าเชื่อถือ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ และผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นตัวของตัวเองบ้างนอกเหนือจากเวลางาน เพราะฉะนั้นเวลาที่ไปเที่ยว ผมมักจะให้อิสระกับตัวเอง เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ทำในสิ่งที่อยากทำ  เลยฉุกคิดถึงวลีเด็ดประโยคหนึ่งของนักการเมืองชาวเยอรมัน เชื้อชาติออสเตรียผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากสมัยก่อน Adolf Hitler (ต้องออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้ชื่นชมนาซี หรือสนับสนุนการเผด็จการ) กับประโยคของเขา

“ Don’t let what other people think, stop you from doing the things you love ”

          พูดง่ายๆก็คือ อย่ายอมให้สิ่งที่คนอื่นคิด มาตีกรอบ หรือหยุดยั้งคุณจากการทำในสิ่งที่คุณรัก เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมไปเที่ยว ผมหาจุดยืนให้ตัวเองว่าต้องการอะไรจากการไปเที่ยวครั้งนี้ และแค่ทำมันโดยที่ไม่ต้องสนใจคนรอบข้างว่าจะมองเรายังไง แต่เรื่องทุกเรื่องก็ไม่ได้ง่ายดายเสมอไป แค่การไม่แคร์คนรอบข้างคงไม่พอ ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบข้างก็เพิ่มขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นงานที่ทำ หรือครอบครัวที่ต้องดูแล ทำให้ไม่สามารถหาเวลาไปเที่ยวได้ง่ายเหมือนครั้งยังเป็นเด็ก ซึ่งคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นปัญหาของใครหลายๆคนเหมือนกัน เลยอยากจะมาเล่าเรื่องราว แลกเปลี่ยนความคิด และแชร์เทคนิคในการ Get away จากหลายๆเรื่องที่เป็นอุปสรรคต่อการออกไปเที่ยว และเที่ยวได้อย่างอิสระแบบที่พวกคุณต้องการ


         อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะมีบางคนเริ่มหมั่นไส้ผมบ้างแล้วล่ะ แต่พวกคุณคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาง่ายๆ” .. ใช่แล้วครับ เรื่องราวของผมก็เฉกเช่นเดียวกัน ในทางที่ทุกคนต่างเห็นว่ามันสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่ามันยากมาก เริ่มจากการเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พ่อแม่ไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะส่งเสียให้ได้เรียนสูงๆ ตอนที่เรียนจบมัธยมตอนต้น ทำให้ผมต้องพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหาทุนเรียนต่อ ก็วุ่นวายกับการหาทุน และการสอบอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ได้ทุนไปเรียนจนจบปริญญาตรี แต่ดราม่ายังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะปีที่ผมเรียนจบก็ดันเป็นปีที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ไม่ค่อยมีคนอยากจ้างงานเพิ่ม ครั้นจะกลับมาไทยก็ไม่รู้จักใครเลย เมื่อชีวิตคนไทยในต่างแดนก็ไม่ง่าย และสบายเหมือนที่ตอนเด็กๆได้ฝันไว้  นอกจากไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนแล้ว ยังได้รับการปฏิบัติตัวเสมือนเป็น Second Class แต่แน่นอนครับผมไม่โทษใคร เพราะใครๆก็อยากสนับสนุนคนในประเทศของตัวเองก่อน สิ่งที่ทำได้ก็คือพึ่งตัวเอง ถีบตัวสร้างผลงานให้ออกมาโดดเด่นเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไปของคนที่นู่น  หลังจากพยายามอยู่นานสองนาน ก็ได้ทำงานอยู่ที่นั่นพักนึง และย้ายไปทำงานในประเทศต่างๆอีกหลายๆประเทศระยะเวลานานพอสมควรก่อนจะกลับไทย

          ดังนั้นผมเลยอยากมาบอกเล่าเรื่องราว และแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างๆ ให้คนที่รักการเที่ยวเหมือนกันกับผม แต่คงไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบธรรมดาๆแน่นอน   เพราะคิดว่าคงมี Blogger เก่งๆทำกันหลายคนแล้ว ผมเลยจะมาพูดผ่านมุมมองที่คิดว่าคงยังไม่มีใครพูดถึง ก็คือช่วงเวลาก่อนการไปเที่ยวว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้คนอยากเที่ยวแบบเราต้องอดเที่ยว  คิดว่าคนที่รักการเที่ยวหลายๆท่าน หรือ Blogger ชื่อดังหลายๆคน คงเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มามากพอสมควรแล้ว ผมเลยอยากให้คนที่คิดเหมือนผมออกมาช่วยกัน Inspire ให้คนที่อยากเที่ยวแต่ติดปัญหาหลายๆอย่าง เช่น หน้าที่การงาน ครอบครัว เวลา แฟน หรือแม้แต่ความมั่นใจในตัวเอง ได้ออกมาเพิ่มความสุขกันเยอะๆ

ปล. ถ้าใครอยากปรึกษาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด หรือถ้าหากประสบปัญหาคล้ายๆผม เรามาพูดคุยเพิ่มเติมกันได้ในเพจ A Way Away นะครับ ผมสร้างเพจนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว โดยใช้คอนเซปของการ ‘ หลุด ’ ออกมาจากกรอบความคิดของคนอื่นที่มาเป็นกำแพงกั้นไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่