รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเรา เขียนผิดเขียนถูกเขียนตกหล่นไม่ว่ากันนะค่ะ. เริ่มต้นกันเลยดีกว่าเราไปเที่ยวกับเพื่อนๆรวมกัน 6 คน ช่วงวันที่ 21 มีนาคม -27 มีนาคม 2561. ราคา ก็เอาเป็นว่า หาร 6 คนเอาละกันนะ
โปรแกรมเที่ยวของเราก็
- บินจาก สนามบินดอนเมือง วันที่ 20 มีนาคม ในเวลา 5 ทุ่มกว่า ไปลงสนามบินฉางชูย คุนหมิง ประมาณ ตี 2 ของประเทศจีน ใช้เวลาบิน 2 ชม.นะค่ะ (เวลาประเทศจีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม.)ตอนผ่าน ตม.จีนก็แอบตืนเต้นหน่อย 5555+ ตอนอยู่บนเครืองก็จะได้ใบสีเหลืองๆมาให้เขียน
***ราคาค่าตั๋วก็ จองตอนโปรโมชั่นของสายการบิน AirAsia 1990฿ ต่อคน
-แล้วต่อเครื่องจากสนามบินฉางซูย คุนหมิง 7.15 โมงเช้า ไป สนามบินตี๋ชิง แชงกีร่า ถึง 8.35 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม. 20 นาที
*** ราคาค่าตั๋วก็ จองตอนโปรโมชั่นอีกเช่นเคย ของสายการบิน China Eastern 1600฿ ต่อคน
*** ในขณะที่เรารอขึ้นเครื่อง ทางสนามบินก็จะมีที่พักให้สำหรับผู้โดยสาร โดยลงลิฟตัวกลาง แล้วไปยังชั้นใต้ดิน 3 จะมีผ้าห่มให้บริการฟรีคนละ 1ผืน โดยการเอาพาสป๊อตไปยื่นให้เจ้าหน้าที่แล้วจะได้ผ้าห่ม มานอนห่มเล่น 1 ผืน แนะนำเลยว่าหาพื้นที่นอนได้เลย มีน้ำร้อนให้ฟรี พกมาม่า กาแฟ ไปกินได้เลย
ส่วนถ้าใครงบเยอะ ก็เปิดห้องพัก โรงแรมในสนามบิน ซึ่งอยู่ชั้นที่ 2 ราคาก็ 340 หยวน ต่อคืน เงินไทยก็ตกราวๆ 1700฿ พักได้ 2 คนต่อห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกก็มาตราฐานโรงแรมทั่วไป
พอเช็กอินแนะนำเลยว่าถ้าได้ตั๋วมาแล้วรีบเข้าไปรอด้านในเลย เพราะตรงจุดตรวจสัมภาระคนเยอะมากแถวยาวมาก
ภาพขณะอยู่บนเครื่องบิน
อากาศยามเช้าของ แชงกีร่าตอนรับพวกเราที่ 2 องศา พูดควันออกปากกันเลยทีเดียว อากาศก็เบาบาง เดินไวๆก็จะเหนื่อย เราก็นั่งปรับตัวกันประมาณ 20 นาที แล้วก็เดินไปหารถแท็กซี่
***เมื่อเราเดินออกจากประตูสนามบิน ก็จะมีคนขับแท็กซี่มากมายมาเสนอราคา ค่าแท็กซี ไปยังที่พัก เราพักกันแถวเมืองเก่าแชงกีร่า จ่ายไป 40หยวน ก็ราวๆ 200฿.
เรามาถึงที่พักประมาณ 9 โมงครึ่ง ตอนแรกก็คิดว่าจะฝากกระเป๋าไว้แล้วไปเดินเล่น แต่เจ้าของห้องพักใจดี เลยให้พวกเราเข้าห้องพักกันก่อนได้เลย
เราพักที่นี้ 2 คืน คือ วันที่ 21-22. มีนาคม เราพักกันที่ Shangri-la Namcha Bhawa Inn เจ้าของที่พักใจดีมาก แถม พูดอังกฤษได้
เจเจ่ เจ้าของที่พักต้อนรับเราด้วย ชาน้ำขิง อุ่นๆ มันชั่งฟินอะไรปานนั้น. พอเราขึ้นห้องพัก ทุกคนก็พากันสลบ เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ประมาณบ่าย 2 เราก็ออก หาร้านกินข้าวกัน ขอบบอกก่อนเลยว่า รสชาติอาหารเมืองนี้ช่างถูกปากยิ่งนัก อร่อยทุกอย่าง
อาหารเราก็สั่งๆกันเอา ชี้ๆ ตามรูปเอา แต่เมนูที่พวกเราชอบคือ ล่าเจเจ่ (ไก่ทอดจนกรอบแล้วผัดกับเครืองเทศ พริกหมาล่า หอม กระเทียม ประมาณนั้น) อาหารมื้อแรก ของเรา กับข้าว 4 อย่าง ข้าวสวย 1 โถ ช่างเป็นอาหารที่เริสรสเกินที่คาดไว้เยอะเลย ราคาก็. 182 หยวน
หลังจากนั้นก็เดินเล่นบริเวณเมืองเก่าเก่า
เดินไปหาโน้นนี้กินไปเรือยๆ ของกินอร่อยๆเยอะแยะราคาไม่แพง
แต่ๆๆๆๆๆที่ไม่แนะนำให้กินอย่างยิ่งคือสิ่งนี้ ในทีมที่ไปลองกินไม่มีใครบอกว่าอร่อยเลยสักคน แต่ใครอยากลองก็ไม่ว่ากัน มันหน้าตา กลมๆ เป็นแผ่นๆ รสชาติจืดมากๆๆ
เดินไปเรื่อยๆก็เจอน้องหมา หมาแถวนี้จะหน้าสั่นๆเป็นพิเศษ แลดูเป็นมิตรดี ^^
พอเดินเที่ยวเรื่อยๆถึงวัดต้าฝอ วัดสำคัญของที่นั้นเลยก็ว่าได้
ตรงบริเวณหน้าวัดก็จะมีลานกว้าง มีชุดให้เช่าถ่ายรูป
มี จามรีให้ถ่ายรูป มี สนุขพันธิเบตันให้ถ่ายรูป
ค่าเช่าชุดก็ ชุดละ 20 หยวน
ค่าถ่ายรูปกับจามรีก็ 20 หยวน
ค่าถ่ายรูปกับสุนัขธิเบตันก็ 40 หยวน
แนะนำว่าถ้าชอบถ่ายรูปก็ไม่ควรพลาด ถือว่าราคาไม่แพงมาก 5555+ และชุดเช่า จามรีและสุนัข พอราวๆ 5-6โมงเย็น เขาก็เก็บหายกันไปหมดละค่ะ ถ้าใครชอบก็แต่งองค์ทรงเครืองถ่ายกันก่อนแล้วคอยขึ้นไปชมวัดต้าฝอ ด้านบน เพราะ 2ทุ่มก็ยังสว่างอยู่เลยค่ะ มืดช้ามากๆค่ะ ถ้าเราขึ้นไปด้านบนก็จะเหนือยๆหน่อย เพราะอากาศมันก็จะเบาบาง เดินช้าๆเอาค่ะ ขึ้นไปเราก็จะพบ ความงามของวัดมากมาย และที่สำคัญคือเราสามารถไปดูทะเลหลังคาของเมืองแชงกีร่าได้บนวัดต้าฝอนี้แหละค่ะ
บนวัดก็จะมี ธงมนตรา 5 สี หมายถึงธาตุทั้ง 5
- สีเหลือง หมายถึง ดิน
- สีเขียว หมายถึง น้ำ
- สีแดง หมายถึง ไฟ
- สีขาว หมายถึง ลม
- สีฟ้า หมายถึง อากาศธาตุ
อีกอย่างที่สำคัญเลยก็คือ
- กงล้อมนตรา ตั้งสูงสง่าสีทองอร่ามใหญ่โตอยู่หน้าวัด เขาบอกกันว่าถ้าหมุนกงล้อนี้เปรียบเสมือนได้สวดมนต์เป็นพันๆบท แต่กงล้อที่วัดนี้ใช้คนหมุนถึง 10 คน หมุน 3 รอบ และสวดว่า ( โอม มณี ปัทเม ฮุม ) ประมาณว่า ขออัญเชิญพระธรรมอันล้ำค่าดุจมณีมาสถิตในหัวใจอันบริสุทธิ์ดั่งดอกบัวของเรา
หลังจากเดินลงจากวัดมา อากาศหนาว -2 องศา ตอนนั้นก็หิว เรารู้สึกว่าหิวง่ายกว่าปกติ เราก็ไปหาไรกินกัน ก็เดินเล่นในเมืองเก่า ก็อยู่ข้างๆวัดต้าฝอแหละ^^
และก็เจอร้านหม้อไฟ หม้อใหญ่มาก และอาหารหลักของเราอีกเช่นเคย ล่าเจเจ่ อีก 1 จาน ค่าเสียหายในครานี้ก็ 240 หยวน อร่อยคุ้มค่าอีกเช่นเคย
พอเดินมาเรื่อยๆข้างๆที่พักก็มาเจอร้านขายหมาล่า รออะไรอยู่เข้าไปก็สั่งเลยค่ะ ไม้ละ 3-4 หยวน หน้าตาก็สมราคาอยู่ และมาแชงกีร่าทั้งที่ พลาดไม่ได้ก็คือเนื้อ จามรี ถ้าถามว่ารสชาติเป็นไง่ก็ เหมือนเนื้อวัว แต่จืดกว่าหน่อย
และสิ่งที่อยากนำเสนอที่สุดคือ ผีจิ่วของเมืองแชงกีร่า อร่อย รสชาตินุ่ม ละมุนลิ้น บอกเลยต้องลอง มันช่วยให้ร่างกายอบอุ่นด้วย กินน้ำชาร้อนๆตามเบาๆ กลมกล่อมยิ่งนัก
ตื่นเช้ามาเจเจ่ เจ้าของที่พัก ก็เตรียมอาหารเช้าให้พวกเราทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ซาลาเปาจามรี ชา กาแฟ ข้าวต้ม บราๆ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันโดยให้ เจเจ่เจ้าของที่พักช่วยหารถให้เรา เพื่อไปเที่ยว ยัง The Valley of Blue moon หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน และ ก็วัดจงซานหลิน หรือ Golden sumtseling monastery
ค่ารถพร้อมคนขับในราคา 250 หยวน ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะ พาไปตั้งแต่เช้า ยันเย็น
ที่แรกที่เราไปก็คือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน
อุปกรณ์หลักที่ต้องพกพาติดตัว ก็คือ กระป๋องอ๊อกซิเจน เราซื้อมาก็ 30 หยวน ตามร้านค้าแถวที่พักมีขาย 25-30หยวน แล้วแต่ขนาด.
มาถึงปากทางขึ้นก็รู้สึกตืนเต้นเบาๆ เข้าไปเราก็ซื้อตั๋วค่าเข้า+ค่านั้งกระเช้าก็ คนละ 260 หยวน
พอเราเข้าไปก็เอาตั๋วให้พนักงานดูตรงปากทางเข้าละเราก็เตรียมใจ ขึ้นกระเช้ากันได้เลย ก็สูงๆ เสียวๆ พอเป็นพิธี โชคดีที่กระเช้า มี 2 ต่อ คนกลัวความสูงจะได้พักหัวใจ เข้าห้องน้ำได้บ้างก่อนจะขึ้นสถานีต่อไป
ตรงจุดแวะพักก็จะมีห้องน้ำ ให้เข้า แต่บอกเลยทำใจ 5555+ หลับตาเข้าไปเอาละกัน เข้าห้องน้ำขาดไม่ได้ชิชชู่เปียก
รีวิวเที่ยวจีน 7วัน6คืน แชงกีร่า ลี่เจียง ต้าหลี่ คุณหมิง
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเรา เขียนผิดเขียนถูกเขียนตกหล่นไม่ว่ากันนะค่ะ. เริ่มต้นกันเลยดีกว่าเราไปเที่ยวกับเพื่อนๆรวมกัน 6 คน ช่วงวันที่ 21 มีนาคม -27 มีนาคม 2561. ราคา ก็เอาเป็นว่า หาร 6 คนเอาละกันนะ
โปรแกรมเที่ยวของเราก็
- บินจาก สนามบินดอนเมือง วันที่ 20 มีนาคม ในเวลา 5 ทุ่มกว่า ไปลงสนามบินฉางชูย คุนหมิง ประมาณ ตี 2 ของประเทศจีน ใช้เวลาบิน 2 ชม.นะค่ะ (เวลาประเทศจีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม.)ตอนผ่าน ตม.จีนก็แอบตืนเต้นหน่อย 5555+ ตอนอยู่บนเครืองก็จะได้ใบสีเหลืองๆมาให้เขียน
***ราคาค่าตั๋วก็ จองตอนโปรโมชั่นของสายการบิน AirAsia 1990฿ ต่อคน
-แล้วต่อเครื่องจากสนามบินฉางซูย คุนหมิง 7.15 โมงเช้า ไป สนามบินตี๋ชิง แชงกีร่า ถึง 8.35 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม. 20 นาที
*** ราคาค่าตั๋วก็ จองตอนโปรโมชั่นอีกเช่นเคย ของสายการบิน China Eastern 1600฿ ต่อคน
*** ในขณะที่เรารอขึ้นเครื่อง ทางสนามบินก็จะมีที่พักให้สำหรับผู้โดยสาร โดยลงลิฟตัวกลาง แล้วไปยังชั้นใต้ดิน 3 จะมีผ้าห่มให้บริการฟรีคนละ 1ผืน โดยการเอาพาสป๊อตไปยื่นให้เจ้าหน้าที่แล้วจะได้ผ้าห่ม มานอนห่มเล่น 1 ผืน แนะนำเลยว่าหาพื้นที่นอนได้เลย มีน้ำร้อนให้ฟรี พกมาม่า กาแฟ ไปกินได้เลย
ส่วนถ้าใครงบเยอะ ก็เปิดห้องพัก โรงแรมในสนามบิน ซึ่งอยู่ชั้นที่ 2 ราคาก็ 340 หยวน ต่อคืน เงินไทยก็ตกราวๆ 1700฿ พักได้ 2 คนต่อห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกก็มาตราฐานโรงแรมทั่วไป
พอเช็กอินแนะนำเลยว่าถ้าได้ตั๋วมาแล้วรีบเข้าไปรอด้านในเลย เพราะตรงจุดตรวจสัมภาระคนเยอะมากแถวยาวมาก
ภาพขณะอยู่บนเครื่องบิน
อากาศยามเช้าของ แชงกีร่าตอนรับพวกเราที่ 2 องศา พูดควันออกปากกันเลยทีเดียว อากาศก็เบาบาง เดินไวๆก็จะเหนื่อย เราก็นั่งปรับตัวกันประมาณ 20 นาที แล้วก็เดินไปหารถแท็กซี่
***เมื่อเราเดินออกจากประตูสนามบิน ก็จะมีคนขับแท็กซี่มากมายมาเสนอราคา ค่าแท็กซี ไปยังที่พัก เราพักกันแถวเมืองเก่าแชงกีร่า จ่ายไป 40หยวน ก็ราวๆ 200฿.
เรามาถึงที่พักประมาณ 9 โมงครึ่ง ตอนแรกก็คิดว่าจะฝากกระเป๋าไว้แล้วไปเดินเล่น แต่เจ้าของห้องพักใจดี เลยให้พวกเราเข้าห้องพักกันก่อนได้เลย
เราพักที่นี้ 2 คืน คือ วันที่ 21-22. มีนาคม เราพักกันที่ Shangri-la Namcha Bhawa Inn เจ้าของที่พักใจดีมาก แถม พูดอังกฤษได้
เจเจ่ เจ้าของที่พักต้อนรับเราด้วย ชาน้ำขิง อุ่นๆ มันชั่งฟินอะไรปานนั้น. พอเราขึ้นห้องพัก ทุกคนก็พากันสลบ เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ประมาณบ่าย 2 เราก็ออก หาร้านกินข้าวกัน ขอบบอกก่อนเลยว่า รสชาติอาหารเมืองนี้ช่างถูกปากยิ่งนัก อร่อยทุกอย่าง
อาหารเราก็สั่งๆกันเอา ชี้ๆ ตามรูปเอา แต่เมนูที่พวกเราชอบคือ ล่าเจเจ่ (ไก่ทอดจนกรอบแล้วผัดกับเครืองเทศ พริกหมาล่า หอม กระเทียม ประมาณนั้น) อาหารมื้อแรก ของเรา กับข้าว 4 อย่าง ข้าวสวย 1 โถ ช่างเป็นอาหารที่เริสรสเกินที่คาดไว้เยอะเลย ราคาก็. 182 หยวน
หลังจากนั้นก็เดินเล่นบริเวณเมืองเก่าเก่า
เดินไปหาโน้นนี้กินไปเรือยๆ ของกินอร่อยๆเยอะแยะราคาไม่แพง
แต่ๆๆๆๆๆที่ไม่แนะนำให้กินอย่างยิ่งคือสิ่งนี้ ในทีมที่ไปลองกินไม่มีใครบอกว่าอร่อยเลยสักคน แต่ใครอยากลองก็ไม่ว่ากัน มันหน้าตา กลมๆ เป็นแผ่นๆ รสชาติจืดมากๆๆ
เดินไปเรื่อยๆก็เจอน้องหมา หมาแถวนี้จะหน้าสั่นๆเป็นพิเศษ แลดูเป็นมิตรดี ^^
พอเดินเที่ยวเรื่อยๆถึงวัดต้าฝอ วัดสำคัญของที่นั้นเลยก็ว่าได้
ตรงบริเวณหน้าวัดก็จะมีลานกว้าง มีชุดให้เช่าถ่ายรูป
มี จามรีให้ถ่ายรูป มี สนุขพันธิเบตันให้ถ่ายรูป
ค่าเช่าชุดก็ ชุดละ 20 หยวน
ค่าถ่ายรูปกับจามรีก็ 20 หยวน
ค่าถ่ายรูปกับสุนัขธิเบตันก็ 40 หยวน
แนะนำว่าถ้าชอบถ่ายรูปก็ไม่ควรพลาด ถือว่าราคาไม่แพงมาก 5555+ และชุดเช่า จามรีและสุนัข พอราวๆ 5-6โมงเย็น เขาก็เก็บหายกันไปหมดละค่ะ ถ้าใครชอบก็แต่งองค์ทรงเครืองถ่ายกันก่อนแล้วคอยขึ้นไปชมวัดต้าฝอ ด้านบน เพราะ 2ทุ่มก็ยังสว่างอยู่เลยค่ะ มืดช้ามากๆค่ะ ถ้าเราขึ้นไปด้านบนก็จะเหนือยๆหน่อย เพราะอากาศมันก็จะเบาบาง เดินช้าๆเอาค่ะ ขึ้นไปเราก็จะพบ ความงามของวัดมากมาย และที่สำคัญคือเราสามารถไปดูทะเลหลังคาของเมืองแชงกีร่าได้บนวัดต้าฝอนี้แหละค่ะ
บนวัดก็จะมี ธงมนตรา 5 สี หมายถึงธาตุทั้ง 5
- สีเหลือง หมายถึง ดิน
- สีเขียว หมายถึง น้ำ
- สีแดง หมายถึง ไฟ
- สีขาว หมายถึง ลม
- สีฟ้า หมายถึง อากาศธาตุ
อีกอย่างที่สำคัญเลยก็คือ
- กงล้อมนตรา ตั้งสูงสง่าสีทองอร่ามใหญ่โตอยู่หน้าวัด เขาบอกกันว่าถ้าหมุนกงล้อนี้เปรียบเสมือนได้สวดมนต์เป็นพันๆบท แต่กงล้อที่วัดนี้ใช้คนหมุนถึง 10 คน หมุน 3 รอบ และสวดว่า ( โอม มณี ปัทเม ฮุม ) ประมาณว่า ขออัญเชิญพระธรรมอันล้ำค่าดุจมณีมาสถิตในหัวใจอันบริสุทธิ์ดั่งดอกบัวของเรา
หลังจากเดินลงจากวัดมา อากาศหนาว -2 องศา ตอนนั้นก็หิว เรารู้สึกว่าหิวง่ายกว่าปกติ เราก็ไปหาไรกินกัน ก็เดินเล่นในเมืองเก่า ก็อยู่ข้างๆวัดต้าฝอแหละ^^
และก็เจอร้านหม้อไฟ หม้อใหญ่มาก และอาหารหลักของเราอีกเช่นเคย ล่าเจเจ่ อีก 1 จาน ค่าเสียหายในครานี้ก็ 240 หยวน อร่อยคุ้มค่าอีกเช่นเคย
พอเดินมาเรื่อยๆข้างๆที่พักก็มาเจอร้านขายหมาล่า รออะไรอยู่เข้าไปก็สั่งเลยค่ะ ไม้ละ 3-4 หยวน หน้าตาก็สมราคาอยู่ และมาแชงกีร่าทั้งที่ พลาดไม่ได้ก็คือเนื้อ จามรี ถ้าถามว่ารสชาติเป็นไง่ก็ เหมือนเนื้อวัว แต่จืดกว่าหน่อย
และสิ่งที่อยากนำเสนอที่สุดคือ ผีจิ่วของเมืองแชงกีร่า อร่อย รสชาตินุ่ม ละมุนลิ้น บอกเลยต้องลอง มันช่วยให้ร่างกายอบอุ่นด้วย กินน้ำชาร้อนๆตามเบาๆ กลมกล่อมยิ่งนัก
ตื่นเช้ามาเจเจ่ เจ้าของที่พัก ก็เตรียมอาหารเช้าให้พวกเราทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ซาลาเปาจามรี ชา กาแฟ ข้าวต้ม บราๆ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันโดยให้ เจเจ่เจ้าของที่พักช่วยหารถให้เรา เพื่อไปเที่ยว ยัง The Valley of Blue moon หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน และ ก็วัดจงซานหลิน หรือ Golden sumtseling monastery
ค่ารถพร้อมคนขับในราคา 250 หยวน ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะ พาไปตั้งแต่เช้า ยันเย็น
ที่แรกที่เราไปก็คือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน
อุปกรณ์หลักที่ต้องพกพาติดตัว ก็คือ กระป๋องอ๊อกซิเจน เราซื้อมาก็ 30 หยวน ตามร้านค้าแถวที่พักมีขาย 25-30หยวน แล้วแต่ขนาด.
มาถึงปากทางขึ้นก็รู้สึกตืนเต้นเบาๆ เข้าไปเราก็ซื้อตั๋วค่าเข้า+ค่านั้งกระเช้าก็ คนละ 260 หยวน
พอเราเข้าไปก็เอาตั๋วให้พนักงานดูตรงปากทางเข้าละเราก็เตรียมใจ ขึ้นกระเช้ากันได้เลย ก็สูงๆ เสียวๆ พอเป็นพิธี โชคดีที่กระเช้า มี 2 ต่อ คนกลัวความสูงจะได้พักหัวใจ เข้าห้องน้ำได้บ้างก่อนจะขึ้นสถานีต่อไป
ตรงจุดแวะพักก็จะมีห้องน้ำ ให้เข้า แต่บอกเลยทำใจ 5555+ หลับตาเข้าไปเอาละกัน เข้าห้องน้ำขาดไม่ได้ชิชชู่เปียก