วันก่อนไปตอบกระทู้นึงที่มีเนื้อหาใกล้เคียงว่า
"ในสมัยพระนารายณ์มหาราช มีกะเทยหรือพวกรักร่วมเพศหรือยัง ?"
ถ้าอ้างอิงจากจดหมายเหตุหรือบันทึกต่างๆ เราก็จะพบว่า กระเทยหรือบันเดาะ (สมัยก่อนเขียนแบบนี้)
มีมาก่อนสมัยพระนารายณ์เสียอีก ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
1 ในกฏหมายเก่าสมัยอยุธยา ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ มาชำระใหม่ เป็นกฏหมายตราสามดวง
มีข้อหนึ่งที่บอกถึงลักษณะบุคคลที่ห้ามเป็นพยานในชั้นศาล หนึ่งในจำนวนนั้นมีการใช้คำว่า กระเทย และ บันเดาะ
(เขียนสะกดแบบสมัยนั้น)
เหตุผลที่ไม่ให้พวกนี้เป็นพยานในชั้นศาล เพราะความเชื่อที่ว่า
คนที่เป็นกะเทย หรือ บัณเฑาะก์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้บาปในชาติก่อนที่ไปผิดลูกเมียผู้อื่น ดังนั้นจึงถือ
เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ เชื่อถือไม่ได้
2 มีคนฮอลันดาคนหนึ่ง ค้าขายอยู่กรุงศรีอยุธยา (ประมาณสมัย พระเจ้าปราสาททอง ก่อนสมัย พระนารายณ์มหาราช)
ต่อมาพ่อค้าคนนี้กลับประเทศตน ภายหลังถูกจับและถูกประหารข้อหา
รักร่วมเพศ ซึ่งฝรั่งคนนั้นสารภาพว่า
เริ่มมีพฤติกรรมรักร่วมเพศมาตั้งแต่ตอนมาทำการค้าขายที่อยุธยา
เมื่อมี กะเทย และ บัณเฑาะก์แล้ว การรักร่วมเพศจึงมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งในสมัยก่อนมีคำเรียกที่ต่างกัน
เมื่อใดที่เป็นหญิงรักหญิง จะเรียกว่า
"เล่นเพื่อน"
กรณี เล่นเพื่อนของชาววัง ที่โด่งดังในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คือกรณี
หม่อมสุด กับ หม่อมขำ สองนางห้ามของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ ๓
(หม่อมขำ คนจะเรียกว่า เป็ด เพราะท่าเดินเหมือน เป็ด)
ส่วนหม่อมสุดนั้น มีฉายาว่า คุณโม่ง เพราะครั้งหนึ่งบังอาจไปเล่นเพื่อนต่อหน้าเจ้านาย
โดยคลุมโปงเข้าไป ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเจ้านายหลับไปแล้ว
การเล่นเพื่อนของ
คุณโม่ง เป็นทอม กับ คุณเป็ด เป็นดี้ รู้กันทั้งวัง
อันที่จริงในสมัยนั้นก็ผิดกฏมณเฑียรบาล ซึ่งมีบทลงโทษคือ
ต้องลงหวายที่หลัง 50 ที และสักที่คอ
แต่เจ้านายของคนทั้งสองคิอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓
ทรงเมตตาไม่เอาความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(อ้างอิงจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับปฐมฤกษ์ พฤศจิกายน ๒๕๒๒)
คู่ทอมดี้คู่นี้ ยังมีเรื่องฮาเรื่องหนึ่งคือ
คราวหนึ่งทั้งคู่ทะเลาะกันหนักมาก จนถึงขั้นจะเลิกกัน ต่างฝ่ายต่างทวงบุญคุณซึ่งกันและกัน
และที่น่าขบขันก็คือ สิ่งที่คุณโม่ง ทวง คุณเป็ด ก็คือ
ฟันกะลา หรือ ฟันปลอม ในสมัยนั้นนั่นเอง
กลอนคุณโม่ง ทะเลาะเง้างอน กับคุณเป็ด
คัดจากเพลงยาวเรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ บทประพันธ์ของคุณสุวรรณ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จนเกิดทะเลาะเบาะเถียงเสียงอึงไป จนขนัดใจโกรธขึ้งถึงตัดกัน
คุณโม่งว่าถึงจะตัดไม่ขัดใจ เรามิได้ร้อนจิตคิดพรั่น
แต่ของเข้าน้อยนิดที่ติดพัน คือเอาฟันกะลามาเดี๋ยวนี้
หม่อมเป็ดเข็ดปากไม่อยากพูด คลานเข้าพระวิสูตรหลบหน้าหนี
แล้วคิดได้ด้วยไวปัญญาดี ขึ้นลอยหน้าพาทีประชดประชัน
ขนมปลากริมที่ให้ไว้วานซืน โกรธข้าเจ้าเอาคืนมาให้ฉัน
คงจะให้ไม่ลวงที่พวงฟัน ให้สิ้นสวาทขาดกันแต่นี้ไป
คุณโม่งตอบพลางแล้วทางยิ้ม ขนมปลากริมของหลวงประทานให้
ยังแค่นทวงวุ่นวายไม่อายใจ หรือว่าเธอซื้อไว้ให้ข้ากิน
แม้นหม่อมไปตึกข้าเวลาใด ก็หาให้ไม่กลัวจะหมดสิ้น
หม่อมก็ได้ไปมาเป็นอาจิณ ของกินจัดไว้ให้รับประทาน
ครั้นถึงทีข้ามาหาแม่เป็ด ก็ซื้อลังเล็ดขนมทองเป็นของหวาน
ก็ถ้อยทีหนุนเกื้อกันเจือจาน นี่แกล้งพางบมิให้ทวงเอาพวงฟัน
หม่อมเป็ดน้อยว่าไม้สอยสนจำหลัก หม่อมเช็ดไรเสียให้หักกลางสะบั้น
หมึกหอมเอาไปฝนปนน้ำมัน โกรธกันจะขอรับประทานเอา
หม่อมโม่งว่าแป้งหินเขาสิ้นตลับ เาไปจับริมฝีปากต่างกระเหม่า
ฝางแสนเขาทั้งท่อนค่อนขูดเอา อมเข้าไว้เหมือนหมากให้ปากแดง
ปนกับปูนนูนเหมือนสีลิ้นจี่จิ้ม ให้จับขอบรอบริมขึ้นเป็นแสง
กานพลูผลกระวานสีพานแพง แกล้งเอาปนหมกตะบันทุกวันมา
หมึกหอมของหม่อมค่ากี่เฟื้อง ของเขาเปลืองยิ่งกว่านั้นฉันไม่ว่า
ทั้งสองฝ่ายหายกันอย่าฉันทา แต่ของสำคัญฟันกะลาเอามาคืน
ข้างหม่อมเป็ดฟังคำทำร้องไห้ สะทึกสะท้อนถอนใจให้สะอื้น
หมายจะโกรธจริงจังไม่ยั่งยืน พอกลางคืนคนหลับกลับดีกัน
มาถึงเรื่อง ชายรักชาย ซึ่งในสมัยนั้นบัญญัติคำว่า
เล่นสวาท
การเล่นสวาทที่อื้อฉาวที่สุดยังคงอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๓
ซึ่งเป็นเรื่องราวของ กรมหลวงรักษรณเรศวร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งเกือบจะได้เป็นวังหน้าของรัชกาลที่ ๓
กับพวกเล่นละครชาย จนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ความทราบถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓
พระองค์สั่งให้ตระลาการ (ตุลาการ) ชำระความได้ความว่าผิดจริง สุดท้ายถูกถอดยศมาเหลือแค่ หม่อมไกรศร
และถูกประหารชีวิตด้วยท่อนจันทร์ที่วัดปทุมคงคา
ตรงนี้มีบทบรรยายไว้ดังนี้ 18+
(คัดจากพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๓ เล่ม ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงค์ คุรุสภา ๒๕๐๔)
ได้ความสมกันว่าเป็นสวาทไม่ถึงกับชำเรา แต่เอามือเจ้าละครและมือท่านกำ คุยหฐาน ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเป็นแต่เท่านั้น...
แม่เจ้า !!! บรรยายซะเห็นภาพชัดแจ้ง
ภาพการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ (หม่อมไกรศร เป็นคนสุดท้ายที่ถูกประหารวิธีนี้)
ป.ล กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ในเนื้อเรื่องข้างบน เป็นพระราชธิดาองค์โปรดของรัชกาลที่ ๓
พระองค์ทรงสร้างวัดให้ กรมหมื่นอัปสร ฯ นั่นคือ
วัด เทพธิดาราม ที่อยู่ตรงข้าม ผัดไทยทิพย์สมัย
ป.ล 2 เม้นท์ย่อยยังมีเรื่องคำศัพท์ต่างๆที่เกี่ยวกับ รักร่วมเพศ เช่น ตุ๋ย ถั่วดำ มาเล่าให้ฟัง
ป.ล 3 มีตำนานเรื่องจริง ชายรักชาย คู่หนึ่ง อมตะจนถึงทุกวันนี้ ชื่อ
โลงคู่วัดหัวลำโพง
ป.ล 4 คำว่า
"ตัดชายเสื้อ" ในสุภาษิตจีน มีความหมายว่า ชายรักชาย (เรื่องของฮ่องเต้ รัก ขันที)
ป.ล 5 เชื่อหรือไม่ว่า ในราชสำนักไทย มีขันที ในสมัยอยุธยา เพิ่งมายกเลิกสมัยรัตนโกสินทร์
ป.ล 6 อาทิตย์หน้าถ้ากลับมาเขียนจะใช้
จุลศักราช ๑๓๘๐
ป.ล 7 รูปอาจจะไม่ตรงเนื้อหา ขออภัยมา ณ ที่นี้
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** ๓๐ เดือน ๓ จุลศักราช ๑๓๗๙ กะเทย บัณเฑาะก์...เล่นเพื่อน...เล่นสวาท cnck
ถ้าอ้างอิงจากจดหมายเหตุหรือบันทึกต่างๆ เราก็จะพบว่า กระเทยหรือบันเดาะ (สมัยก่อนเขียนแบบนี้)
มีมาก่อนสมัยพระนารายณ์เสียอีก ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
1 ในกฏหมายเก่าสมัยอยุธยา ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ มาชำระใหม่ เป็นกฏหมายตราสามดวง
มีข้อหนึ่งที่บอกถึงลักษณะบุคคลที่ห้ามเป็นพยานในชั้นศาล หนึ่งในจำนวนนั้นมีการใช้คำว่า กระเทย และ บันเดาะ
(เขียนสะกดแบบสมัยนั้น)
เหตุผลที่ไม่ให้พวกนี้เป็นพยานในชั้นศาล เพราะความเชื่อที่ว่า
คนที่เป็นกะเทย หรือ บัณเฑาะก์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้บาปในชาติก่อนที่ไปผิดลูกเมียผู้อื่น ดังนั้นจึงถือ
เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ เชื่อถือไม่ได้
2 มีคนฮอลันดาคนหนึ่ง ค้าขายอยู่กรุงศรีอยุธยา (ประมาณสมัย พระเจ้าปราสาททอง ก่อนสมัย พระนารายณ์มหาราช)
ต่อมาพ่อค้าคนนี้กลับประเทศตน ภายหลังถูกจับและถูกประหารข้อหา รักร่วมเพศ ซึ่งฝรั่งคนนั้นสารภาพว่า
เริ่มมีพฤติกรรมรักร่วมเพศมาตั้งแต่ตอนมาทำการค้าขายที่อยุธยา
เมื่อมี กะเทย และ บัณเฑาะก์แล้ว การรักร่วมเพศจึงมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งในสมัยก่อนมีคำเรียกที่ต่างกัน
เมื่อใดที่เป็นหญิงรักหญิง จะเรียกว่า "เล่นเพื่อน"
กรณี เล่นเพื่อนของชาววัง ที่โด่งดังในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คือกรณี
หม่อมสุด กับ หม่อมขำ สองนางห้ามของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ วังหน้าในสมัยรัชกาลที่ ๓
(หม่อมขำ คนจะเรียกว่า เป็ด เพราะท่าเดินเหมือน เป็ด)
ส่วนหม่อมสุดนั้น มีฉายาว่า คุณโม่ง เพราะครั้งหนึ่งบังอาจไปเล่นเพื่อนต่อหน้าเจ้านาย
โดยคลุมโปงเข้าไป ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเจ้านายหลับไปแล้ว
การเล่นเพื่อนของ คุณโม่ง เป็นทอม กับ คุณเป็ด เป็นดี้ รู้กันทั้งวัง
อันที่จริงในสมัยนั้นก็ผิดกฏมณเฑียรบาล ซึ่งมีบทลงโทษคือ ต้องลงหวายที่หลัง 50 ที และสักที่คอ
แต่เจ้านายของคนทั้งสองคิอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓
ทรงเมตตาไม่เอาความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คู่ทอมดี้คู่นี้ ยังมีเรื่องฮาเรื่องหนึ่งคือ
คราวหนึ่งทั้งคู่ทะเลาะกันหนักมาก จนถึงขั้นจะเลิกกัน ต่างฝ่ายต่างทวงบุญคุณซึ่งกันและกัน
และที่น่าขบขันก็คือ สิ่งที่คุณโม่ง ทวง คุณเป็ด ก็คือ ฟันกะลา หรือ ฟันปลอม ในสมัยนั้นนั่นเอง
กลอนคุณโม่ง ทะเลาะเง้างอน กับคุณเป็ด
คัดจากเพลงยาวเรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ บทประพันธ์ของคุณสุวรรณ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงเรื่อง ชายรักชาย ซึ่งในสมัยนั้นบัญญัติคำว่า เล่นสวาท
การเล่นสวาทที่อื้อฉาวที่สุดยังคงอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๓
ซึ่งเป็นเรื่องราวของ กรมหลวงรักษรณเรศวร [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กับพวกเล่นละครชาย จนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ความทราบถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓
พระองค์สั่งให้ตระลาการ (ตุลาการ) ชำระความได้ความว่าผิดจริง สุดท้ายถูกถอดยศมาเหลือแค่ หม่อมไกรศร
และถูกประหารชีวิตด้วยท่อนจันทร์ที่วัดปทุมคงคา
ตรงนี้มีบทบรรยายไว้ดังนี้ 18+
(คัดจากพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๓ เล่ม ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงค์ คุรุสภา ๒๕๐๔)
ได้ความสมกันว่าเป็นสวาทไม่ถึงกับชำเรา แต่เอามือเจ้าละครและมือท่านกำ คุยหฐาน ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเป็นแต่เท่านั้น...
แม่เจ้า !!! บรรยายซะเห็นภาพชัดแจ้ง
ภาพการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ (หม่อมไกรศร เป็นคนสุดท้ายที่ถูกประหารวิธีนี้)
ป.ล กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ในเนื้อเรื่องข้างบน เป็นพระราชธิดาองค์โปรดของรัชกาลที่ ๓
พระองค์ทรงสร้างวัดให้ กรมหมื่นอัปสร ฯ นั่นคือวัด เทพธิดาราม ที่อยู่ตรงข้าม ผัดไทยทิพย์สมัย
ป.ล 2 เม้นท์ย่อยยังมีเรื่องคำศัพท์ต่างๆที่เกี่ยวกับ รักร่วมเพศ เช่น ตุ๋ย ถั่วดำ มาเล่าให้ฟัง
ป.ล 3 มีตำนานเรื่องจริง ชายรักชาย คู่หนึ่ง อมตะจนถึงทุกวันนี้ ชื่อ โลงคู่วัดหัวลำโพง
ป.ล 4 คำว่า "ตัดชายเสื้อ" ในสุภาษิตจีน มีความหมายว่า ชายรักชาย (เรื่องของฮ่องเต้ รัก ขันที)
ป.ล 5 เชื่อหรือไม่ว่า ในราชสำนักไทย มีขันที ในสมัยอยุธยา เพิ่งมายกเลิกสมัยรัตนโกสินทร์
ป.ล 6 อาทิตย์หน้าถ้ากลับมาเขียนจะใช้ จุลศักราช ๑๓๘๐
ป.ล 7 รูปอาจจะไม่ตรงเนื้อหา ขออภัยมา ณ ที่นี้