วีซ่า เยอรมัน เอกสารครบ จบใน 2 วัน

สวัสดีครับอมยิ้ม17 วันนี้ผมจะมารีวิวการขอวีซ่าเชงเก้นของสถานทูตเยอรมัน วีซ่าที่ใครต่อใครคิดว่ายาก (ผมอ่านรีวิวเขามาอีกที) วีซ่าที่ผมขอเป็นวีซ่าประเภทเยี่ยมเยียนครับ คือหมายความว่าผมจะต้องมีคนรู้จักอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเขาจะต้องทำเอกสารหลายๆอย่างและส่งมาให้ผมที่ประเทศไทย ผมต้องขอกล่าวก่อนว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมที่มาเขียนรีวิวแบบค่อนข้างจริงจัง ถ้าผิดผลาดอย่างไรผมขอโทษด้วยครับอมยิ้ม17


เรามาดูกันว่าเอกสารที่จะต้องเตรียมมีอะไรกันบ้างเม่าเนิร์ด

1. หนังสือเดินทาง ตัวจริงและสำเนา
2. รูปถ่าย 2 รูป ผมไปถ่ายที่สถานทูตเลยครับ
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า เข้าไปกรอกในเว็บสถานทูตได้เลยครับ
4. ข้อตกลงการพำนักในประเทศเยอรมนี ปริ้นได้จากเว็บสถานทูตครับ
5. หลักฐานประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ
    - ของผมให้คนที่อยู่ในประเทศเยอรมันทำให้เลยครับ เพราะว่าถ้าทำในประเทศไทยบางบริษัทเราต้องจ่ายเงินเองก่อนเมื่อเราต้องเข้าโรงพยาบาลครับ พอกลับมาไทยถึงต้องนำบิลมาเบิกเงิน ผมเลยให้คนที่นั้นทำให้เลยครับ
6. ใบรับรองการเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ้งถ้าบางท่านไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว สามารถนำใบที่รับรองว่าท่านมีงานมีการทำอยู่ในประเทศไทยและมีภาระที่ต้องกลับมาครับ
7. *หนังสือรับรองค่าใช้จ่ายหรือหนังสือเชิญ
    - อันนี้สำคัญมากครับ เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ครับ คือต้องให้คนที่เรารู้จักที่จะสามารถรับรองค่าใช้จ่ายเราได้ที่อยู่ในประเทศเยอรมนีไปทำครับ สามารถไปทำได้ที่สถานตรวจคนเข้าเมืองในเมืองที่เขาอยู่กันครับ
8. จดหมายเชิญ
    - คนละอันกับหนังสือเชิญนะครับ อันนี้คนที่เชิญเราเป็นผู้ทำขึ้นมาเองครับ เขาก็จะบอกรายละเอียดว่าทำไมเขาถึงต้องเชิญเราไปบ้านเขาในประเทศ เยอรมนี สามารถหาดูฟอร์มได้ในกูเกิลครับเยอะโครต
9. จดหมายแนะนำตัว
    - อันนี้เราเป็นผู้ทำขึ้นมาเองครับ รายละเอียดก็จะคล้ายๆกับจดหมายเชิญที่คนรู้จักเราทำมาน่ะครับ ประมาณว่าตอนนี้เราทำอาชีพอะไร เรามีเหตุผลอะไร ที่จะต้องไปประเทศเยอรมนี เรารู้จักคนเชิญได้อย่างไร เรามีเหตุผลอะไรที่แสดงว่าเราไปแล้วจะกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง
10. สำเนาหนังสือเดินทาง ของคนเชิญ
11. *หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนเชิญ
    - ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกรูปถ่ายครับ รูปที่เราถ่ายคู่กับคนเชิญ รูปถ่ายที่สามารถแสดงได้ว่าเรากับคนเชิญสนิดกันจริงๆ
12. ใบนัดหมาย
    - เราสามารถเข้าไปนัดหมายวันเวลาการขอวีซ่าได้ในเว็บสถานทูตครับ และทางสถานทูตจะส่งอีเมลมาหาเราให้เราปริ้นอันนั้นแหละครับแล้วเอาไปยื่น ให้ทางสถานทูตในวันสัมภาษณ์
*เอกสารสำเนาทุกแผ่นจะต้องทำการลงชื่อไปด้วยนะครับ


ยิ้มและแล้วก็มาถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์และการขอวีซ่าของผมครับยิ้ม

ครั้งนี้เป็นการขอวีซ่าครั้งแรกในชีวิตของผมครับและผมก็ไปคนเดียวทำคนเดียว เดี่ยวๆเข้าไปเลยย 55 มันก็จะมีปัญหาอะไรนิดๆหน่อยๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีครับจะได้รู้ แก้ใขและนำมาบอกกล่าวจะได้ไม่มีตัวอย่างแบบผมอีก เรามาเริ่มกันที่หน้าสถานทูตกันเลยครับ ก่อนอื่นเราต้องทำการปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดก่อนครับและถอดชิ้นส่วนที่เป็นโลหะออกจากร่างกาย เพื่อเข้าเครื่องสแกนหลังจากนั้นก็นำเครื่องมือสื่อสารของเราไปฝากใว้กับพี่ที่รับฝากครับ พี่เขาก็จะให้เหรียญมามันมีเบอร์อยู่ในนั้นใว้ไปรับคืนครับ พอไปถึงผมก็ไปถ่ายรูปเลยครับ ถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งตรวจเอกสารเองซึงมันจะมีที่ให้ลงชื่อครับในใบคำร้องและข้อตกลงในการพำนักและผมก็ไม่รู้ว่าต้องลงชื่ออันไหนตรงไหนบ้างก็แอบมองคนข้างๆแล้วก็มีถามเขาดูครับ แต่มันก็ยังไม่เสร็จดี ผมเลยตัดสินใจรอเข้าไปที่ช่องสำภาษณ์ทีเดียวเลย ผมคิดว่าที่นั้นเขาคงต้องตรวจเอกสารเราแน่น่อน ถ้าเอกสารไม่ครบหรือเขาต้องการให้เซ็นตรงไหนเขาจะต้องบอกเราเอง คือจริงๆกลัวเซ็นผิดแล้วเขาไม่ให้ลบครับ เลยเก็บใว้ก่อน 55 ผมก็นั่งรอครับจนพี่ที่อยู่หน้าประตูก็ตะโกนเรียกว่าคนที่นัดมาในช่วงเวลานี้ถึงเวลานี้เข้าไปสัมภาษณ์ได้ เราก็นำใบนัดไปยื่นให้พี่ที่อยู่หน้าประตูคนที่ตะโกนเรียกน่ะครับ หลังจากนั้นพี่เขาก็จะตรวจชื่อเราแล้วให้เราไปกดใบคิวรอสัมภาษณ์อีกทีครับ ผมได้ช่องสุดท้ายครับมันเป็นห้องกระจก พอเดินไปถึงก็นั่งรอแปปเดียวก็ได้สัมภาษณ์เลยครับ ก็ตามระเบียบครับยื่นเอกสารไปให้พี่เขาตรงช่องส่งเอกสาร มันจะเป็นกล่องๆอะครับ ระวังมันหนีบนิ้วนะครับ 55 ผมยังเสียวเลย รีบส่งแล้วต้องรีบดึงมือออก เดี๋ยวโดนหนีบ!! แล้วพี่เขาก็ตรวจเอกสารเรา แล้วก็บอกเราว่าเราเซ็นเอกสารไม่ครบ เขาก็ติกใว้ให้แล้วส่งกลับมาผ่านช่องอันนั้นให้เราเซ็นครับ และก็ให้เอาคลิปหนีบออกด้วย พอเซ็นเสร็จก็ส่งกลับให้พี่เขาครับ พี่เขาก็จะคัดเอกสารครับ ของผมพี่เขาเอาเอกสารที่แสดงความสัมพันธ์ออกในบางส่วนที่เป็นรูปถ่ายน่ะครับ เพราะผมจัดเต็มมากครับหลายสิบรูปมันเยอะเกินเขาเลยเอาออก หลังจากนั้นพี่เขาก็จะถามหรือสัมภาษณ์ในเรื่องทั่วไปน่ะครับว่าเราทำอะไรอยู่ รู้จักกับคนเชิญได้อย่างไร ไปกี่วัน เรียนอยู่ปีไหน เรียนที่ไหน จะมารับเล่มเองหรือส่งไปรษณี ผมตอบส่งไปรษณีครับ ถามน้อยมากครับของผม แปปเดียวเอง แล้วพี่เขาก็จะเขียนกระดาษมาให้เราไปจ่ายเงินครับผมโดนไป 2,300 บาท พอจ่ายเสร็จรับใบเสร็จผมกลับบ้านเลยครับรอวีซ่าอย่างสบายใจ ในใจก็คิดสองวันก็ได้แล้วใครๆก็พูดแบบนั้น พอรอมาสองวันก็เงียบๆในใจก็เริ่มคิดบอกพี่เขาให้ส่งไปรษณีมาให้เราแต่ไม่ได้ให้ที่อยู่เขา เขาจะส่งมายังไง พอผ่านมา 4 วันเริ่มหากระทู้อ่านแล้วครับตกใจมากไปเจอกระทู้หนึ่งเขาบอกว่าส่งไปรษณีเราต้องซื้อซองไปรษณีไปให้พี่เขาด้วย ชิปหายแล้วล่ะ!! ผมไม่ได้ซื้อ!! และไม่มีใครบอกผมด้วยว่าจะต้องซื้อซองไปรษณีไปให้พี่เจ้าหน้าที่เขา ผมไปขอมาเมื่อวันพุธครับ มารู้ตัวก็วันเสาร์ เช้าวันจันทร์ผมเลยดิ่งเข้าไปที่สถานทูตอีกทีเลยครับ ไปเล่าเหตุการณ์ให้พี่ที่หน้าประตูตรงที่เขาให้กดคิวอะครับฟังว่าผมบอกให้เขาส่งทางไปรษณีแต่ผมดันลืมซื้อซองไปรษณี พี่เขาก็ถามว่าจำช่องได้ไหม? ซึ่งผมจำได้ พี่เขาก็บอกให้เรากดคิวไปที่ช่องนั้น ผมเลยทำการกดเข้าไปครับ เจอพี่คนเดิมที่สัมภาษณ์เมื่อ 5 วันก่อนพี่เขาก็จำได้ครับ และให้ผมไปซื้อซองไปรษณีแล้วนำไปให้พี่เขาเป็นอันเสร็จสิ้น ผมก็กลับมาบ้านครับประมาณสามโมงกว่าๆ มีเบอร์ขึ้นที่โทรศัพท์ผมไม่ได้รับ 2 สายซึ้งผมรู้ครับว่ามันเป็นเบอร์สถานทูต ผมพยายามโทรกลับเลยครับโทรไปก็เป็นเหมือนคอลเซนเตอร์อะครับให้กดนู้นกดนี้ ไม่มีอะไรที่ผมต้องการเลย ก็เลยไปหากระทู้อ่านเช่นเคยครับก็ไม่ได้ตรงกับตัวอย่างอย่างผมสักเท่าไร ผมก็เลยตั้งกระทู้ถามเลยครับซึ้งก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ซึ่งมีบางคนมาปั่นผมด้วยว่า ที่ทางสถานทูตโทรมาเพราะโดนปฏิเสธวีซ่า!! เฮ่ยเอาแล้วซิ! WTF!? ใจหายวาบบ.. ผมโทรจิกเลยครับ โทรไปหาสถานทูต แต่ก็เป็นอย่างเช่นเคยครับ ผมเลยตัดสินใจรอ แล้วเอาโทรศัพท์ติดตัวตลอดเลยครับ วันอังคารถัดมาพี่ที่สถานทูตน่าจะเป็นคนที่สัมภาษณ์ผมนะ โทรมาถามว่าไปครั้งนี้ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้แล้วเอกสารใบเชิญอยู่ใหน ที่พี่ไม่มีนะผมก็บอกไปว่าผมให้พี่ไปแล้วนะครับแต่พี่เอาออกมาคืนผม แล้วพี่เขาก็บอกว่าเขาเอาแค่สำเนาตัวจริงเขาไม่เอา ผมเลยตัดสินใจเอาไปให้พี่เขาที่สถานทูตอีกครั้งเลยครับก็ทำเหมือนเคยครับไปบอกพี่ที่หน้าประตูตรงกดคิว ว่าเอาเอกสารมาให้พี่ที่สัมภาษณ์เพิ่มครับ หลังจากนั้นก็ แล้วก็เอาไปให้พี่เขาครับแล้วพี่เขาก็บอกวันนั้นเลยว่าจะรอเอาเล่มเลยไหมจะได้ไม่ต้องส่งไปรษณี ถ้าเอาเลยช่วงบ่ายวันนี้เข้ามาหาพี่อีกที ผมก็เลยตัดสินใจรอเอาเลยครับ และพี่เขาก็คืนซองไปรษณีมาให้ผม ผมก็ออกไปรอจนถึงบ่าย และก็เข้าไปสถานทูตอีกที ตอนนั้นสถานทูตคนน้อยมากครับมีแต่คนที่จะมาเอาเล่มพาสปอส แต่เขาจะเอาตรงข้างหน้ากัน ของผมต้องเข้าไปข้างในครับช่องเดิมตรงที่สัมภาษณ์ พี่เขาฝากพี่ผู้ชายใว้คนที่นั่งตรงทางเดินอะครับที่มีโต๊ะอยู่ตรงโซนสัมภาษณ์ ถ้าใครเคยไปแล้วก็จะรู้ครับ แล้วเขาก็ยื่นเล่มหนังสือเดินทางมาให้ผมตรวจ ชื่อ-สกุล ว่าถูกต้องไหมและเก็บใว้ให้ดีๆ เท่านั้นแหละครับผมก็เดินยิ้มกลับบ้านสบายใจ รอวันไปอย่างเดียวเลย และเวลาที่ใช้ในการขอวีซ่าของผมทั้งหมดคือ 8 วันครับ ยิ้ม ต้องขอขอบคุณพี่ๆที่สถานทูตมากๆเลยนะครับที่ให้คำแนะนำผมเป็นอย่างดี อมยิ้ม17 ที่สถานทูตทุกๆคนใจดีหมดครับ ยิ้ม สำหรับผมสำคัญที่สุดที่จะได้วีซ่านะครับไม่ว่าจะประเทศไหนๆ คือเรื่องความน่าเชื่อถือครับไม่ใช่แค่คำพูดแต่ต้องเป็นเอกสารครับ ที่จะสามารถแสดงให้เจ้าหน้าเห็นว่าเราสมควรที่จะได้ไปครับ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนที่ได้มาอ่านกระทู้นี้ ที่กำลังจะไปขอวีซ่าไม่ว่าจะประเทศไหนๆขอให้ผ่าน ได้ไปเที่ยว ได้ไปหาคนที่ตัวเองรักกันทุกคนนะครับ อมยิ้ม17
แล้วผมจะมารีวิวการเที่ยวยุโรปของผมในไม่ช้านี้นะครับกับ 64 วัน 3 ประเทศ ยิ้มเพี้ยนออกทริป
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่