ติดตามลุง owl2 ไปเที่ยวพม่า พลอยสนุกตื่นเต้นไปด้วย
กับเรื่องราวที่นำเสนอ
แต่ก็ไปสะดุดอยู่กับความเชื่อของชาวพุทธในพม่า
ที่เหมือนกันกับชาวพุทธในประเทศไทยอยู่อย่างคือเรื่องของสิ่งต้องห้าม
สำหรับสตรีเพศในการเข้าไปยังปริมณฑล อันถือว่าศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนา
ก็เลยแปลกใจว่า ความเชื่อเช่นนี้ ทำไมชาวพุทธถึงไม่กระจ่างแจ้งเสียที
เพราะนั่นมันเป็นความเชื่อของพวกไสยเวทย์ มนต์ดำ ที่สร้างพิธีกรรมชั่วร้ายขึ้นมา
และกลัวการทำลายล้างอาถรรพ์จากสตรีเพศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่มีรอบเดือน !
(ขุนวิลังคะ หัวหน้าชุมชนลัวะ ยังต้องพ่ายแพ้หมดแรงพุ่งหอก
เพราะหมวกที่ทำจากผ้านุ่งพระนางจามเทวี)
นี่คือการลิดรอนสิทธิ และกดขี่ทางเพศ มาแต่โบราณกาล ว่า...
....เพศชาย...เท่านั้นที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน....
โดยใช้ "กโลบาย" อิงแอบไปกับ "กุศโลบาย"
ฝังความเชื่อสืบต่อกันมา
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เปิดกว้าง
เป็นศาสนาที่ไม่อิงคำสอน คำบอกเล่ามาจากผู้ใด
เป็นศาสนาที่พระพุทธองค์ เก็บมาจากสรรพสิ่งทั้งหลาย
ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติรอบๆตัว...แล้วนำมาอธิบายขยายความ
ให้เข้าใจกันถึงที่มาที่ไปของสรรพสิ่งเหล่านั้น
หลังจากบอกเล่าเสร็จแล้วยังสั่งอีกว่า อย่าเชื่อนะ...อย่าเชื่อในสิ่งที่บอก
กลับบ้านไปนั่งคิดนอนคิด ให้ดีเสียก่อนว่าจริงมั้ย ใช่มั้ย
มีศาสดาไหนบ้างที่ใจกว้างขนาดนี้
แต่งั้นก็เหอะ ยังมีคนไม่เข้าใจ ตีความไปต่างๆนานา
ตลอดจนแต่งเสริมเติมความไปตามความคิดความเห็น ความเข้าใจของตน
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ การสื่อสารกันด้วยภาษามนุษย์
มันไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด ไม่สามารถอธิบายขยายความ
จากนามธรรม ให้เป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จึงต้องมีการอุปมาอุปไมย ผูกแต่งเป็นนิทานประกอบให้เป็นเรื่องราว
เกิดเป็น ชาดก ให้หลวงตาสาธกหยิบยกขึ้นมาผูกเป็นกัณฑ์เทศนาสั่งสอนชาวบ้าน
อย่างสนุกสนาน โดยลืมไปเสียสนิทใจว่า...พระพุทธเจ้าสอนอะไร ?!
ตรงนี้เอง...คือสาเหตุหลัก ที่เกิดอิทธิปฏิหาริย์ขึ้นมาในพุทธศาสนา
โดยการเชื่อมโยงความเชื่อในลัทธิอื่นที่มีมากมายแต่ดั้งเดิม
ทั้งไสยเวทย์ มนต์ดำ พิธีกรรมบูชา ผี เทวดามากมายก่ายกอง
จนหลวงพี่หลวงน้าหลวงตาหลวงปู่ทั้งหลาย ยึดถือเป็นแบบอย่าง
และเพิ่มความขลังในพิธีกรรมสารพัดสารพัน อย่างที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้
เจ้าคุณขาเน่าแห่งวัดธัมกร่างยังขี่จานบินขึ้นไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าบนดาวดึงษ์
จนหายวับไปจากโลกอย่างไร้ร่องรอย
ราหูอมลูกระเบิดของหลวงพี่น้ำฟ้าแห่งนครปฐมก็โด่งดังทั่วพื้นปฐพี
แม้กระทั่งเจ้าคุณธงกายสิทธิ์แห่งวัดไตรมิตร ...ยังทำให้มงลงนางงามได้
พาลูกบอลเข้าประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตอนนี้ขี่ธงเหาะไปไหนแล้วไม่รู้!
นี่คือความเชื่อ
นี่คือกโลบายของอลัชชีที่ไม่มีแม้แต่ศีล ๕ สร้างสรรขึ้นมา
แล้วก็เกิดความเชื่อกันอย่างสนิทใจ...ว่านี่คือของแท้ ของจริง ของศักดิ์สิทธิ์
ที่พระพุทธองค์มอบให้แก่ชาวพุทธทั้งปวง
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง
ชาวพุทธก็ยังไหว้พระ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แม้จะไม่รู้แจ้งแทงตลอด ว่าพระพุทธองค์สอนอะไรเป็นสาระ
นี่คือความเชื่อ ที่สั่งสมกันมายาวนาน
จะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า...
องค์กำเนิดแห่งสตรีเพศนั้น
มุมหนึ่งอาจมองได้ว่า....เป็นศัตรูต่อพรหมจรรย์ ของนักบวช
แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า...
ณ ที่นี้....คือสถานที่ก่อกำเนิดแห่ง พระอรหันต์ขีนาสพด้วยเหมือนกัน...!!
Cr: ภาพจากเว็บไซด์
=========================== พาราสาวัตถี ========================
กับเรื่องราวที่นำเสนอ
แต่ก็ไปสะดุดอยู่กับความเชื่อของชาวพุทธในพม่า
ที่เหมือนกันกับชาวพุทธในประเทศไทยอยู่อย่างคือเรื่องของสิ่งต้องห้าม
สำหรับสตรีเพศในการเข้าไปยังปริมณฑล อันถือว่าศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนา
ก็เลยแปลกใจว่า ความเชื่อเช่นนี้ ทำไมชาวพุทธถึงไม่กระจ่างแจ้งเสียที
เพราะนั่นมันเป็นความเชื่อของพวกไสยเวทย์ มนต์ดำ ที่สร้างพิธีกรรมชั่วร้ายขึ้นมา
และกลัวการทำลายล้างอาถรรพ์จากสตรีเพศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่มีรอบเดือน !
(ขุนวิลังคะ หัวหน้าชุมชนลัวะ ยังต้องพ่ายแพ้หมดแรงพุ่งหอก
เพราะหมวกที่ทำจากผ้านุ่งพระนางจามเทวี)
นี่คือการลิดรอนสิทธิ และกดขี่ทางเพศ มาแต่โบราณกาล ว่า...
....เพศชาย...เท่านั้นที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน....
โดยใช้ "กโลบาย" อิงแอบไปกับ "กุศโลบาย"
ฝังความเชื่อสืบต่อกันมา
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เปิดกว้าง
เป็นศาสนาที่ไม่อิงคำสอน คำบอกเล่ามาจากผู้ใด
เป็นศาสนาที่พระพุทธองค์ เก็บมาจากสรรพสิ่งทั้งหลาย
ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติรอบๆตัว...แล้วนำมาอธิบายขยายความ
ให้เข้าใจกันถึงที่มาที่ไปของสรรพสิ่งเหล่านั้น
หลังจากบอกเล่าเสร็จแล้วยังสั่งอีกว่า อย่าเชื่อนะ...อย่าเชื่อในสิ่งที่บอก
กลับบ้านไปนั่งคิดนอนคิด ให้ดีเสียก่อนว่าจริงมั้ย ใช่มั้ย
มีศาสดาไหนบ้างที่ใจกว้างขนาดนี้
แต่งั้นก็เหอะ ยังมีคนไม่เข้าใจ ตีความไปต่างๆนานา
ตลอดจนแต่งเสริมเติมความไปตามความคิดความเห็น ความเข้าใจของตน
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ การสื่อสารกันด้วยภาษามนุษย์
มันไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด ไม่สามารถอธิบายขยายความ
จากนามธรรม ให้เป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จึงต้องมีการอุปมาอุปไมย ผูกแต่งเป็นนิทานประกอบให้เป็นเรื่องราว
เกิดเป็น ชาดก ให้หลวงตาสาธกหยิบยกขึ้นมาผูกเป็นกัณฑ์เทศนาสั่งสอนชาวบ้าน
อย่างสนุกสนาน โดยลืมไปเสียสนิทใจว่า...พระพุทธเจ้าสอนอะไร ?!
ตรงนี้เอง...คือสาเหตุหลัก ที่เกิดอิทธิปฏิหาริย์ขึ้นมาในพุทธศาสนา
โดยการเชื่อมโยงความเชื่อในลัทธิอื่นที่มีมากมายแต่ดั้งเดิม
ทั้งไสยเวทย์ มนต์ดำ พิธีกรรมบูชา ผี เทวดามากมายก่ายกอง
จนหลวงพี่หลวงน้าหลวงตาหลวงปู่ทั้งหลาย ยึดถือเป็นแบบอย่าง
และเพิ่มความขลังในพิธีกรรมสารพัดสารพัน อย่างที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้
เจ้าคุณขาเน่าแห่งวัดธัมกร่างยังขี่จานบินขึ้นไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าบนดาวดึงษ์
จนหายวับไปจากโลกอย่างไร้ร่องรอย
ราหูอมลูกระเบิดของหลวงพี่น้ำฟ้าแห่งนครปฐมก็โด่งดังทั่วพื้นปฐพี
แม้กระทั่งเจ้าคุณธงกายสิทธิ์แห่งวัดไตรมิตร ...ยังทำให้มงลงนางงามได้
พาลูกบอลเข้าประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตอนนี้ขี่ธงเหาะไปไหนแล้วไม่รู้!
นี่คือความเชื่อ
นี่คือกโลบายของอลัชชีที่ไม่มีแม้แต่ศีล ๕ สร้างสรรขึ้นมา
แล้วก็เกิดความเชื่อกันอย่างสนิทใจ...ว่านี่คือของแท้ ของจริง ของศักดิ์สิทธิ์
ที่พระพุทธองค์มอบให้แก่ชาวพุทธทั้งปวง
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง
ชาวพุทธก็ยังไหว้พระ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แม้จะไม่รู้แจ้งแทงตลอด ว่าพระพุทธองค์สอนอะไรเป็นสาระ
นี่คือความเชื่อ ที่สั่งสมกันมายาวนาน
จะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า...
องค์กำเนิดแห่งสตรีเพศนั้น
มุมหนึ่งอาจมองได้ว่า....เป็นศัตรูต่อพรหมจรรย์ ของนักบวช
แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า...
ณ ที่นี้....คือสถานที่ก่อกำเนิดแห่ง พระอรหันต์ขีนาสพด้วยเหมือนกัน...!!
Cr: ภาพจากเว็บไซด์