มีเหตุให้ต้องคิดถึงคุณพี่สาวฯ ขึ้นมา จึงขออนุญาตตั้งกระทู้ถามถึง.......ความจริงจะหลังไมค์ไปถามไถ่และอวยพรสุขภาพก็ได้ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยติดค้างที่พี่สาวเคยถามไว้อยู่สองเรื่อง จึงขอรวบรัดแสดงความห่วงใยและตอบคำถามต่อพี่สาวไว้ในกระทู้นี้เลย เป็นกระทู้ประเภท two in one ประมาณเนี๊ยะ
พี่สาวเคยขอให้ผมช่วยอธิบายคำว่า "เทพบุตร" และถามความเห็นผมเรื่อง "องคุลีมาล" ที่ถูกยกนำมาพูดถึงช่วงมาม่ากำลังร้อนแรง ผมต้องขอละที่จะไม่แสดงคห. เรื่องคำว่าเทพบุตรนะครับ (กลัว! ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เดี๋ยวเรื่องจะยาว) จึงแค่อยากแสดงคหสต. เกี่ยวกับอหิงสกะหรือองคุลีมาลในวงกว้างอย่างเดียวน่ะครับ หวังว่าคงจะไม่เยอะ.และไม่ยาวเกินไป
เรื่องราวขององคุลีมาลมักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเพื่อเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับชีวิตจริงของเราๆ ท่านๆ บ่อย ในท่วงทำนองและโทนเสียงประมาณว่า "คนที่ประพฤติไม่ดีมาก่อน และเมื่อกลับใจได้เป็นคนดีในภายหลัง" สังคมควรเข้าใจ/ให้อภัย หรือให้ทิ้งเรื่องที่ไม่ดีในอดีตนั้นไปเสีย การกล่าวในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่สมควรกล่าวอย่างยิ่งผมเห็นด้วยเลย แต่… แต่การกล่าวในลักษณะนี้อาจจะทำให้บางคนเข้าใจผิดได้ว่ากำลังปกป้องคนที่ทำไม่ดี (แต่เขาเปลี่ยนตัวเองในภายหลัง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยได้รับความเดือดร้อนจากการประพฤติไม่ดีของคนๆ นั้นในอดีตอาจจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ซึ่งต่างจากคนที่ไม่เคยได้รับความเดือดร้อน(จากพฤติกรรมไม่ดีในอดีตของเขา)ก็ย่อมมีความเบาใจและสะดวกที่จะพูด หรือยกอ้างธรรมะพร้อมตัวอย่าง อย่างเช่นองคุลีมาลก็ได้ สำหรับบางคนฟังแล้วก็เข้าใจได้ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับคนที่ไม่เข้าใจและยังคาใจ (ต่อพฤติกรรมในอดีตของคนๆ นั้น) ไว้ด้วยเช่นกันนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าการยกอ้างเอาองคุลีมาลมาเพื่อจะอธิบายพฤติกรรมของบางคนที่ทำไม่ดีในอดีตแต่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้วนั้น เป็นการยกอ้างเอาเรื่องราวของท่านมาไม่หมด !! ยกเอามาอ้างเพียง "นัยยะ" เดียว ในสายตาผม...เรื่องราวขององคุลีมาลแฝง "นัยยะ" ไว้สอนและเตือนสติคนไว้อย่างน้อยๆ สองนัยยะ คือการกลับตัวกลับใจเป็นคนดี (ถึงขั้นบรรลุอรหันต์) และการยืดอกยอม "รับผิดชอบ" พฤติกรรมไม่ดีของตนในอดีต ท่านปล่อยญาติโยมที่โกรธแค้นพฤติกรรมในอดีตของท่านได้ขว้างปาอิฐ ก้อนหินใส่ท่านจนเลือกโชกขณะบิณฑบาต ดังนั้นผมเห็นว่าการที่จะยกอ้างเอาองคุลีมาลมาเปรียบเทียบกับคนที่กลับเนื้อกลับตัว (หมายถึงกลับจริงๆ) ก็ควรที่ยกอ้างเมื่อเขาคนนั้นแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเขาในอดีตแล้ว หากเขายังไม่แสดงความยอมรับผิดชอบก็ไม่ควรต้องยกเอาองคุลีมาลขึ้นมาอ้าง หรือหากยังอยากอ้างเรื่องราวขององคุลีมาลอยู่ หน้าที่ของเราตรงนี้ก็คือสนับสนุนให้เขาแสดงความรับผิดชอบ หาไม่แล้วคนอื่นหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยได้รับความเดือดร้อนก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าใจได้ว่าเรากำลังปกป้องคนๆ นั้นอยู่ (ทั้งที่ความจริงเราอาจจะไม่ได้ปกป้องก็ได้ แต่ก็ต้องเผื่อใจและเข้าใจคนที่เคยเดือดร้อนจากพฤติกรรมในอดีตของคนๆ นั้นด้วย)
สรุปสั้นๆ นะครับพี่สาวฯ เรื่องราวขององคุลีมาลไม่ได้สอนเรื่องการกลับตัวกลับใจอย่างเดียว แต่สอนให้เรารู้จักรับผิดชอบต่อพฤติกรรมในอดีตด้วยครับ ปล. พระโมคคัลลาน์ (อัครสาวกเบื้องซ้าย) พระอรหันต์อีกรูปที่รับผิดชอบพฤติกรรมไม่ดีของตนในอดีต นั่งยอมให้โจรเข้ามาฆ่าแล้วป่นเนื้อและกระดูกของท่านจนละเอียด แม้พฤติกรรมที่ไม่ดีในอดีตจะมาจากชาติก่อนก็ตาม
รักษาสุขภาพนะครับพี่สาว หวังว่าคนงานที่บ้านกลับมาแล้วและช่วยแบ่งเบาภาระเลี้ยงดูคนป่วยให้พี่สาวได้มากขึ้นครับ
นับถือพี่สาวเสมอมา
....ทักคุณพี่สาวฯ ยาวไปถึง "องคุลีมาล"...../วัชรานนท์
พี่สาวเคยขอให้ผมช่วยอธิบายคำว่า "เทพบุตร" และถามความเห็นผมเรื่อง "องคุลีมาล" ที่ถูกยกนำมาพูดถึงช่วงมาม่ากำลังร้อนแรง ผมต้องขอละที่จะไม่แสดงคห. เรื่องคำว่าเทพบุตรนะครับ (กลัว! ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เดี๋ยวเรื่องจะยาว) จึงแค่อยากแสดงคหสต. เกี่ยวกับอหิงสกะหรือองคุลีมาลในวงกว้างอย่างเดียวน่ะครับ หวังว่าคงจะไม่เยอะ.และไม่ยาวเกินไป
เรื่องราวขององคุลีมาลมักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเพื่อเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับชีวิตจริงของเราๆ ท่านๆ บ่อย ในท่วงทำนองและโทนเสียงประมาณว่า "คนที่ประพฤติไม่ดีมาก่อน และเมื่อกลับใจได้เป็นคนดีในภายหลัง" สังคมควรเข้าใจ/ให้อภัย หรือให้ทิ้งเรื่องที่ไม่ดีในอดีตนั้นไปเสีย การกล่าวในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่สมควรกล่าวอย่างยิ่งผมเห็นด้วยเลย แต่… แต่การกล่าวในลักษณะนี้อาจจะทำให้บางคนเข้าใจผิดได้ว่ากำลังปกป้องคนที่ทำไม่ดี (แต่เขาเปลี่ยนตัวเองในภายหลัง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยได้รับความเดือดร้อนจากการประพฤติไม่ดีของคนๆ นั้นในอดีตอาจจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ซึ่งต่างจากคนที่ไม่เคยได้รับความเดือดร้อน(จากพฤติกรรมไม่ดีในอดีตของเขา)ก็ย่อมมีความเบาใจและสะดวกที่จะพูด หรือยกอ้างธรรมะพร้อมตัวอย่าง อย่างเช่นองคุลีมาลก็ได้ สำหรับบางคนฟังแล้วก็เข้าใจได้ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับคนที่ไม่เข้าใจและยังคาใจ (ต่อพฤติกรรมในอดีตของคนๆ นั้น) ไว้ด้วยเช่นกันนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าการยกอ้างเอาองคุลีมาลมาเพื่อจะอธิบายพฤติกรรมของบางคนที่ทำไม่ดีในอดีตแต่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้วนั้น เป็นการยกอ้างเอาเรื่องราวของท่านมาไม่หมด !! ยกเอามาอ้างเพียง "นัยยะ" เดียว ในสายตาผม...เรื่องราวขององคุลีมาลแฝง "นัยยะ" ไว้สอนและเตือนสติคนไว้อย่างน้อยๆ สองนัยยะ คือการกลับตัวกลับใจเป็นคนดี (ถึงขั้นบรรลุอรหันต์) และการยืดอกยอม "รับผิดชอบ" พฤติกรรมไม่ดีของตนในอดีต ท่านปล่อยญาติโยมที่โกรธแค้นพฤติกรรมในอดีตของท่านได้ขว้างปาอิฐ ก้อนหินใส่ท่านจนเลือกโชกขณะบิณฑบาต ดังนั้นผมเห็นว่าการที่จะยกอ้างเอาองคุลีมาลมาเปรียบเทียบกับคนที่กลับเนื้อกลับตัว (หมายถึงกลับจริงๆ) ก็ควรที่ยกอ้างเมื่อเขาคนนั้นแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเขาในอดีตแล้ว หากเขายังไม่แสดงความยอมรับผิดชอบก็ไม่ควรต้องยกเอาองคุลีมาลขึ้นมาอ้าง หรือหากยังอยากอ้างเรื่องราวขององคุลีมาลอยู่ หน้าที่ของเราตรงนี้ก็คือสนับสนุนให้เขาแสดงความรับผิดชอบ หาไม่แล้วคนอื่นหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยได้รับความเดือดร้อนก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าใจได้ว่าเรากำลังปกป้องคนๆ นั้นอยู่ (ทั้งที่ความจริงเราอาจจะไม่ได้ปกป้องก็ได้ แต่ก็ต้องเผื่อใจและเข้าใจคนที่เคยเดือดร้อนจากพฤติกรรมในอดีตของคนๆ นั้นด้วย)
สรุปสั้นๆ นะครับพี่สาวฯ เรื่องราวขององคุลีมาลไม่ได้สอนเรื่องการกลับตัวกลับใจอย่างเดียว แต่สอนให้เรารู้จักรับผิดชอบต่อพฤติกรรมในอดีตด้วยครับ ปล. พระโมคคัลลาน์ (อัครสาวกเบื้องซ้าย) พระอรหันต์อีกรูปที่รับผิดชอบพฤติกรรมไม่ดีของตนในอดีต นั่งยอมให้โจรเข้ามาฆ่าแล้วป่นเนื้อและกระดูกของท่านจนละเอียด แม้พฤติกรรมที่ไม่ดีในอดีตจะมาจากชาติก่อนก็ตาม
รักษาสุขภาพนะครับพี่สาว หวังว่าคนงานที่บ้านกลับมาแล้วและช่วยแบ่งเบาภาระเลี้ยงดูคนป่วยให้พี่สาวได้มากขึ้นครับ
นับถือพี่สาวเสมอมา