ทริปซวยๆของผม เกิดขึ้น เมื่อ วันที่ 13-25 มีนาคม
ไฟล์บินกรุงเทพ- โอซาก้า โยสายการบินสัญชาติฮ่องกง และได้ทำประกันการเดินทาง ของบริษัท ตัว C แผน B+C+D ครอบคลุมวันที่ 13-26 มีนาคม 2561
วันที่ 13 มีนาคม 2561
ไฟล์บินถึง โอซาก้า เวลา ประมาณ 15.30 น. สิ่งซวยๆที่เกิดขึ้น สิ่งแรกคือ ไปกันสามคน กระเปาเดินทาง ผมดีเลย์ คนเดียว แต่สายการบินรับผิดชอบดีมาก จัดการออกเอกสารพร้อม ถามที่อยู่ในการจัดส่งที่ โรงแรม ในวันรุ่งขึ้น ในระหว่างรอกระเป๋า ผมบินมาด้วยชุดนอนสายมิคกี้เม้าส์ เลยได้ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ชุดชั้นใน ในระหว่างรอกระเป๋า กะว่า เอาใบเสร็จไปเคลมกับประกันที่ หลัง ในอีกวันกระเป๋ามาส่งที่ โรงแรม ปกติ ไม่มีปัญญาอะไร แพลนทุกอย่างดำเนินการไปด้วยดีจนกระทั่ง
วันที่ 19 มีนาคม 2561 ผมเกิดอุบัติเหตุหกล้ม แต่ตอนนั้นไม่มีอาการปวดใดใด เลยคิดว่าไม่เป็นไร
วันที่ 20 มีนาคม 2561
วันนี้ตอนเย็น ทางญาติผม ที่มาด้วย จะเดินทางกลับไปก่อน แล้วผมจะเที่ยวต่อคนเดียว อีก 5 วันช่วงกลางวัน ระหว่างผมเดินช้อปปิ้งอยู่กับญาติแถวนัมบะ ขาขวาบริเวณข้อเท้าได้เริ่มปวดขึ้น จนอีกประมา 1 ชม. ต่อมาปวดมาก จนเดินไม่ไหว เลยให้ญาติพยุงมาส่งที่ โรงแรม ฉีดพ่นยาแก้ปวด แล้วตอนเย็นหลังจากญาติกลับผมได้ไปนอน โรงแรม นอกเมืองแถว ชินโอซาก้า คนเดียว
วันที่ 21 มีนาคม 2561
อาการปวดผมทวีความรุนแรงขึ้น ยาแก้ปวดที่พกมาใช้ไม่ได้ผล และตอนนั้นอยู่คนเดียว เลยไม่รู้ทำยังไงเพราะปวดมาก เลยพยายามเกาะกำแพง และใช้ร่มแทนไม้เท้าลงมาที่ฟร้อน เพื่อขอความช่วยเหลือ ทาง โรงแรมก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ติดต่อ รพ. และแท็คซี่ คุยกับทางรพ.แล้วเขียนอาการภาษาญี่ปุ่นใส่กระดาษมาให้ บอกเวลาไปถึงให้โชว์กระดาษแผ่นนี้
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ผมใจชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และมีภาษาอังกฤษ แต่ที่ไหนได้ ไม่มีใครพูดอังกฤษได้แม้แต่คนเดียว การกรอกประวัติซักถาม เป็นอะไรที่วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกก ใช้ทั้งกูเกิ้ลแปล ทั้งกระดาษชี้ๆข้อความ ที่รพ.มี ขุดสกิลภาษาญี่ปุ่นอันน้อยนิดมาใช้สุดความสามารถเท่าที่ทำได้ จนกระทั้งได้ไปพบหมอได้ทำการตรวจเอกซเรย์ สั่งยา ตามปกติ และผมได้ขอรับรองแพทย์กับหมอเผื่อไปเคลมประกัน
ที่ รพ. ญี่ปุ่น รพ.ไม่มียาขายน่ะครับต้องเอาใบสั่งยามาซื้อเอง แต่ทางรพ.ใจดีมากกกก ให้คนเข็นวีลแชร์มาส่งแล้วรับกลับที่ร้านยา
พอทุกอย่างเสร็จสิ้นเอกซเรย์แล้วฟังผล จับใจความได้ว่าไม่มีกระดูกหัก แต่เอ็นฉีก หมอไม่อยากให้เดิน แล้วตอนนั้นก็ปวดมากจนเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ยาที่ได้ก็มีแค่แผ่นแปะแก้ปวดกับยาลดไข้ แล้วทางรพ.ก็เรียกแท็กซี่มาส่งที่ รพ.
พอมาถึง โรงแรม ได้หลับไปงีบด้วยความเพลีย หลังจากตื่น ได้ติดต่อไปทางประกัน เป็นเบอร์ ที่อยู่ในกรรมธรรม์ โดยการโทรข้ามประเทศจากซิมทูฟาย ความซวยบังเกิดตอนนี้แหละครับ
โทรหาประกันปุ้ป ถามรายละเอียดการเคลม ประกันถามถึงใบนับรองแพทย์ ทางผมก็ค้นๆ หา แล้วในที่สุด หมอไม่ได้ให้มา ...งานเข้า เลยพยายามคุยกับประกันว่าไม่ใช้ได้ไหม เพราะตอนนี้กลับไปเอาคงเดินไม่ไหว ทางประกันก็พูดประมาณว่า มีไว้ดีกว่า พยายามติดต่อพูดคุยหลายรอบมาก ทางประกันโอนสายคนนู้นทีคนนี้ที จนเสียเวลาไปมาก
และแน่นอนผมปวดเท้าจนเดินไม่ไหวจะเข้าห้องน้ำยังลำบาก เลยทำให้ไม่สามารถเดินออกไปหาซื้ออะไรกินได้ แต่ยังโชคดี มีซูชิสามกล่อง กล้วยหอม 4 ลูก กับขนมอีกนิดหน่อย แล้วก็น้ำก๊อกที่ดื่มได้ ผมเลยนอนพักกะว่าอีกสองวันขาน่าจะดีขึ้น แล้วจะนั่งแท็คซี่ ไปหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์
วันที่ 23 มีนาคม หลังจากโทรคุยกับประกันแล้ว เบิกได้แค่ค่ารักษา ค่าแท็คซี่ไปรพ.ไปสามารถเบิกได้ นี้ก็ช็อคพอสมควรแล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินไปสถานีรถไฟ แล้วซื้อตั๋วเหมานั่งอ้อม รถไฟ เพื่อจะมารพ.อีกรอบ
พอมาถึงรพ.ได้ทำการขอใบรับรองแพทย์ เข้าสู่ความยากลำบากเหมือนเดิมคุยไม่รู้เรื่อง จนกระทั้งเข้าใจกัน แต่ ทางรพ.บอกว่าได้ใบรับรองแพทย์ พรุ่งนี้น่ะ..ผมนี้ช็อค พยายามบอกว่าพรุ่งนี้ต้องย้าย โรงแรมแล้ว ต้องการวันนี้พรุ่งนี้ไม่ทัน เลยโทรหาประกันอีกครั้งด้วยซิมทูฟาย กว่าจะโทรติดถึงคนที่สามารถคุยได้ และก็ไม่ช่วยอะไรผมเลยยังคงยืนยันอยากได้ใบรับรองแพทย์เหมือนเดิม จนพยาบาลมาตามบอกว่าให้ไปปรึกษาหมออีกท่านหนึ่ง และได้ทำการออกใบรับรองแพทย์ให้ผมได้ และได้ชำระเงินค่าใบรับรองแพทย์เป็นเงิน 7000 เยนได้ และผมได้ปวดเท้าหนักกว่าเดิมเลยให้แท็คซี่ไปส่งที่สถานีรถไฟใกล้โรงแรม และเดินต่ออีกนิดนึงเพื่อประหยัดเงิน
สรุปค่าใช้จ่ายน่ะครับ
ขาแท็คซี่ ขาไป 1600 เยน
ค่าหมอประมาณ 14000 เยน
ค่ายา 2000 เยน
ค่าแท็คซี่ค่ากลับ 1400 เยน
ค่ารถไฟไปขอใบรับรองแพทย์ 800 เยน
ค่าใบรับรองแพทย์ 7000 เยน
ค่าแท็คซี่ส่งแค่สถานี 700 เยน
และเรื่องราวหลังจากนั้น
กลับมาถึง โรงแรม รีบโทรหาประกัน ตอนนั้น บ่ายสองเห็นจะได้ ได้โทรเข้าสาย ทราเวลฮอทไลน์แต่ทางจนท.ดันงี่เง่าโอนไปให้คอลเซ้นเตอร์คนแรกรับสายให้ข้อมูลอะไรผมไม่ได้เลย และให้ผมรอสาย จนสายตัดไป จนผมโมโหมากเพราะค่าโทรไม่ใช่ถูกๆ เลยติดต่อกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ถามถึงถ้าซื้อตั๋วกลับเพื่อลดจำนวนวันเดินทาง ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ก็.... เหมือนเดิมแถมยังแค่อ่านในสัญญาให้ผมฟังเท่านั้น แล้วยังคงทำเสียงแข็งว่า ต้องให้หมอระบุว่าให้กลับก่อน ผมนิโครตโมโหเพราะตอนโทรถาม ตอนแรกไม่มีใครบอกเลยแล้วทางประกันยังยืนยันว่า บอกแล้วโดยเจ้าหน้าที่คนก่อน ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น จนผมทนไม่ได้ ตัดสายทิ้งด้วยความโมโหมาก
ตกดึกผมเลยคิดว่าจะซื้อตั๋วเครื่อบินกลับบ้านแล้วไม่สนใจใดใด แต่มันตัดบัตรไม่ได้ เพราะไม่มี รหัสทางโทรศัพท์ เลยติดต่อไปที่ ทราเวลฮอตไลน์อีกรอบ รอบนี้เจอน้องที่ พูดจาดี ออกปากรับคำว่าจะจัดการให้ เปิดเคสให้ ติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายการบินให้ ผมเลยใจชื้นขึ้นมาก และย้ำ น้องว่า ให้ติดต่อทางอีเมล์น่ะ เพราะเงินค่าโทรผมหมดแล้ว ทางนั้นรับปากดีมาก...แล้วผมก็รอ..
สรุปอาการผมนะครับ เอ็นข้อเท้าขวาฉีกทำให้ปวดมากจนเดินไม่ไหว
แล้วมิหนำซ้ำขาซายเวลานิ้วโป้งดันบวมอีกข้าง
แก้ไขคำตำหนิ
[CR] ทริปญี่ปุ่นสุดซวย กับประกัน ตัว C ที่สุดห่วย ...
ไฟล์บินกรุงเทพ- โอซาก้า โยสายการบินสัญชาติฮ่องกง และได้ทำประกันการเดินทาง ของบริษัท ตัว C แผน B+C+D ครอบคลุมวันที่ 13-26 มีนาคม 2561
วันที่ 13 มีนาคม 2561
ไฟล์บินถึง โอซาก้า เวลา ประมาณ 15.30 น. สิ่งซวยๆที่เกิดขึ้น สิ่งแรกคือ ไปกันสามคน กระเปาเดินทาง ผมดีเลย์ คนเดียว แต่สายการบินรับผิดชอบดีมาก จัดการออกเอกสารพร้อม ถามที่อยู่ในการจัดส่งที่ โรงแรม ในวันรุ่งขึ้น ในระหว่างรอกระเป๋า ผมบินมาด้วยชุดนอนสายมิคกี้เม้าส์ เลยได้ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ชุดชั้นใน ในระหว่างรอกระเป๋า กะว่า เอาใบเสร็จไปเคลมกับประกันที่ หลัง ในอีกวันกระเป๋ามาส่งที่ โรงแรม ปกติ ไม่มีปัญญาอะไร แพลนทุกอย่างดำเนินการไปด้วยดีจนกระทั่ง
วันที่ 19 มีนาคม 2561 ผมเกิดอุบัติเหตุหกล้ม แต่ตอนนั้นไม่มีอาการปวดใดใด เลยคิดว่าไม่เป็นไร
วันที่ 20 มีนาคม 2561
วันนี้ตอนเย็น ทางญาติผม ที่มาด้วย จะเดินทางกลับไปก่อน แล้วผมจะเที่ยวต่อคนเดียว อีก 5 วันช่วงกลางวัน ระหว่างผมเดินช้อปปิ้งอยู่กับญาติแถวนัมบะ ขาขวาบริเวณข้อเท้าได้เริ่มปวดขึ้น จนอีกประมา 1 ชม. ต่อมาปวดมาก จนเดินไม่ไหว เลยให้ญาติพยุงมาส่งที่ โรงแรม ฉีดพ่นยาแก้ปวด แล้วตอนเย็นหลังจากญาติกลับผมได้ไปนอน โรงแรม นอกเมืองแถว ชินโอซาก้า คนเดียว
วันที่ 21 มีนาคม 2561
อาการปวดผมทวีความรุนแรงขึ้น ยาแก้ปวดที่พกมาใช้ไม่ได้ผล และตอนนั้นอยู่คนเดียว เลยไม่รู้ทำยังไงเพราะปวดมาก เลยพยายามเกาะกำแพง และใช้ร่มแทนไม้เท้าลงมาที่ฟร้อน เพื่อขอความช่วยเหลือ ทาง โรงแรมก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ติดต่อ รพ. และแท็คซี่ คุยกับทางรพ.แล้วเขียนอาการภาษาญี่ปุ่นใส่กระดาษมาให้ บอกเวลาไปถึงให้โชว์กระดาษแผ่นนี้
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ผมใจชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และมีภาษาอังกฤษ แต่ที่ไหนได้ ไม่มีใครพูดอังกฤษได้แม้แต่คนเดียว การกรอกประวัติซักถาม เป็นอะไรที่วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกก ใช้ทั้งกูเกิ้ลแปล ทั้งกระดาษชี้ๆข้อความ ที่รพ.มี ขุดสกิลภาษาญี่ปุ่นอันน้อยนิดมาใช้สุดความสามารถเท่าที่ทำได้ จนกระทั้งได้ไปพบหมอได้ทำการตรวจเอกซเรย์ สั่งยา ตามปกติ และผมได้ขอรับรองแพทย์กับหมอเผื่อไปเคลมประกัน
ที่ รพ. ญี่ปุ่น รพ.ไม่มียาขายน่ะครับต้องเอาใบสั่งยามาซื้อเอง แต่ทางรพ.ใจดีมากกกก ให้คนเข็นวีลแชร์มาส่งแล้วรับกลับที่ร้านยา
พอทุกอย่างเสร็จสิ้นเอกซเรย์แล้วฟังผล จับใจความได้ว่าไม่มีกระดูกหัก แต่เอ็นฉีก หมอไม่อยากให้เดิน แล้วตอนนั้นก็ปวดมากจนเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ยาที่ได้ก็มีแค่แผ่นแปะแก้ปวดกับยาลดไข้ แล้วทางรพ.ก็เรียกแท็กซี่มาส่งที่ รพ.
พอมาถึง โรงแรม ได้หลับไปงีบด้วยความเพลีย หลังจากตื่น ได้ติดต่อไปทางประกัน เป็นเบอร์ ที่อยู่ในกรรมธรรม์ โดยการโทรข้ามประเทศจากซิมทูฟาย ความซวยบังเกิดตอนนี้แหละครับ
โทรหาประกันปุ้ป ถามรายละเอียดการเคลม ประกันถามถึงใบนับรองแพทย์ ทางผมก็ค้นๆ หา แล้วในที่สุด หมอไม่ได้ให้มา ...งานเข้า เลยพยายามคุยกับประกันว่าไม่ใช้ได้ไหม เพราะตอนนี้กลับไปเอาคงเดินไม่ไหว ทางประกันก็พูดประมาณว่า มีไว้ดีกว่า พยายามติดต่อพูดคุยหลายรอบมาก ทางประกันโอนสายคนนู้นทีคนนี้ที จนเสียเวลาไปมาก
และแน่นอนผมปวดเท้าจนเดินไม่ไหวจะเข้าห้องน้ำยังลำบาก เลยทำให้ไม่สามารถเดินออกไปหาซื้ออะไรกินได้ แต่ยังโชคดี มีซูชิสามกล่อง กล้วยหอม 4 ลูก กับขนมอีกนิดหน่อย แล้วก็น้ำก๊อกที่ดื่มได้ ผมเลยนอนพักกะว่าอีกสองวันขาน่าจะดีขึ้น แล้วจะนั่งแท็คซี่ ไปหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์
วันที่ 23 มีนาคม หลังจากโทรคุยกับประกันแล้ว เบิกได้แค่ค่ารักษา ค่าแท็คซี่ไปรพ.ไปสามารถเบิกได้ นี้ก็ช็อคพอสมควรแล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินไปสถานีรถไฟ แล้วซื้อตั๋วเหมานั่งอ้อม รถไฟ เพื่อจะมารพ.อีกรอบ
พอมาถึงรพ.ได้ทำการขอใบรับรองแพทย์ เข้าสู่ความยากลำบากเหมือนเดิมคุยไม่รู้เรื่อง จนกระทั้งเข้าใจกัน แต่ ทางรพ.บอกว่าได้ใบรับรองแพทย์ พรุ่งนี้น่ะ..ผมนี้ช็อค พยายามบอกว่าพรุ่งนี้ต้องย้าย โรงแรมแล้ว ต้องการวันนี้พรุ่งนี้ไม่ทัน เลยโทรหาประกันอีกครั้งด้วยซิมทูฟาย กว่าจะโทรติดถึงคนที่สามารถคุยได้ และก็ไม่ช่วยอะไรผมเลยยังคงยืนยันอยากได้ใบรับรองแพทย์เหมือนเดิม จนพยาบาลมาตามบอกว่าให้ไปปรึกษาหมออีกท่านหนึ่ง และได้ทำการออกใบรับรองแพทย์ให้ผมได้ และได้ชำระเงินค่าใบรับรองแพทย์เป็นเงิน 7000 เยนได้ และผมได้ปวดเท้าหนักกว่าเดิมเลยให้แท็คซี่ไปส่งที่สถานีรถไฟใกล้โรงแรม และเดินต่ออีกนิดนึงเพื่อประหยัดเงิน
สรุปค่าใช้จ่ายน่ะครับ
ขาแท็คซี่ ขาไป 1600 เยน
ค่าหมอประมาณ 14000 เยน
ค่ายา 2000 เยน
ค่าแท็คซี่ค่ากลับ 1400 เยน
ค่ารถไฟไปขอใบรับรองแพทย์ 800 เยน
ค่าใบรับรองแพทย์ 7000 เยน
ค่าแท็คซี่ส่งแค่สถานี 700 เยน
และเรื่องราวหลังจากนั้น
กลับมาถึง โรงแรม รีบโทรหาประกัน ตอนนั้น บ่ายสองเห็นจะได้ ได้โทรเข้าสาย ทราเวลฮอทไลน์แต่ทางจนท.ดันงี่เง่าโอนไปให้คอลเซ้นเตอร์คนแรกรับสายให้ข้อมูลอะไรผมไม่ได้เลย และให้ผมรอสาย จนสายตัดไป จนผมโมโหมากเพราะค่าโทรไม่ใช่ถูกๆ เลยติดต่อกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ถามถึงถ้าซื้อตั๋วกลับเพื่อลดจำนวนวันเดินทาง ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ก็.... เหมือนเดิมแถมยังแค่อ่านในสัญญาให้ผมฟังเท่านั้น แล้วยังคงทำเสียงแข็งว่า ต้องให้หมอระบุว่าให้กลับก่อน ผมนิโครตโมโหเพราะตอนโทรถาม ตอนแรกไม่มีใครบอกเลยแล้วทางประกันยังยืนยันว่า บอกแล้วโดยเจ้าหน้าที่คนก่อน ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น จนผมทนไม่ได้ ตัดสายทิ้งด้วยความโมโหมาก
ตกดึกผมเลยคิดว่าจะซื้อตั๋วเครื่อบินกลับบ้านแล้วไม่สนใจใดใด แต่มันตัดบัตรไม่ได้ เพราะไม่มี รหัสทางโทรศัพท์ เลยติดต่อไปที่ ทราเวลฮอตไลน์อีกรอบ รอบนี้เจอน้องที่ พูดจาดี ออกปากรับคำว่าจะจัดการให้ เปิดเคสให้ ติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายการบินให้ ผมเลยใจชื้นขึ้นมาก และย้ำ น้องว่า ให้ติดต่อทางอีเมล์น่ะ เพราะเงินค่าโทรผมหมดแล้ว ทางนั้นรับปากดีมาก...แล้วผมก็รอ..
สรุปอาการผมนะครับ เอ็นข้อเท้าขวาฉีกทำให้ปวดมากจนเดินไม่ไหว
แล้วมิหนำซ้ำขาซายเวลานิ้วโป้งดันบวมอีกข้าง
แก้ไขคำตำหนิ