อยากตาย หยุดความคิดนี้ไม่ได้เลยคะ

อยากตาย มันคือความรู้ศึกที่เรามีตอนนี้คะ
แต่ทำไมเราตายไม่ได้ ถ้าเราตายพ่อใครจะดูแล
มีเสียงค่อยบอกกับเราว่า แค่เราทำทุกอย่างก็จบ
เรากลัว เสียใจ เครียดเหมือนไม่มีจุดยืน
เราไม่อยากเรียนต่อ เราพยามมากแต่ผลลัพกับแย่
พ่อบังคับเราให้เรียน เขาบอกเราทำให้เขาเสียใจ
เขาบอกเราบ้าที่เป็นแบบนี้
เราปรึกษาพี่ที่เรามีความคิดอยากตาย พี่บอกคิดได้แค่นี้ก็ทำไปเลยตายไปเลย
แต่เราทำไม่ได้ เราเครียด เรารู้ว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีแค่คุมตัวเองไม่ได้ กลัวตัวเองมากคะ
ว่าวันหนึ่งเสียงที่อยู่ในหัวจะชนะความอยากมีชีวิตอยู่ของเรา เราไม่รู้จะทำยังไงไปทางไหน
เพื่อนๆก็ไม่รู้ว่าใครสมน้ำหน้าหรือเห็นใจที่เราเป็นแบบนี้ เหมือนเจอทางตัน
มีแต่คนบอกเราคิดมากเลิกคิด แต่มันทำไม่ได้
ถ้าง่ายขนาดนั่นเราคงทำไปแล้ว
เราจะทำยังไงดีคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
หนูมีความคิดในหัวมากเกินไป และตลอดเวลา   เป็นความคิดด้านลบ เพราะในชีวิตหนู  (เท่าที่เล่ามา) มีแต่สิ่งที่ไม่สมหวัง ไม่ชอบใจ  เช่นถูกเพื่อนหักหลัง  ถูกบังคับให้เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ  ฯลฯ  อยากจะบอกว่า คนบนโลกนี้เกือบทุกคนถูกเพื่อนหักหลังมาแล้วทั้งนั้น   และมีคนแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ     มีชีวิตลั้ลลาตลอดเวลา      หนูไม่ได้ว้าเหว่     จริง ๆ แล้วเพื่อนของหนูมีเยอะมากบนโลกนี้ (คือคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน)     แต่เค้าก็ยังใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องคิดมากเหมือนหนู      ลองกลับไปทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง      เช่นทะเลาะกับเพื่อนวันนี้  พรุ่งนี้ก็ดีกัน คุยกันจุ๊งจิ๊ง ๆ ได้อีก     อย่าโกรธกันเลยนะ     มองหามุมดี ๆ ของกันและกันดีกว่าไหม๊     การถูกเพื่อนหักหลัง ถ้ามองอีกแง่คือการสอนให้เรารู้จักระมัดระวังตัวให้มากขึ้น     นี่ดีว่าเป็นเพื่อนจึงไม่หนักหนา     แต่ถ้าเป็นคนอื่นอาจถึงเจ็บ ตาย เสียเลือดเนื้อ ฯลฯ     ส่วนเรื่องพ่อคาดหวังในเรื่องการเรียน  นี่มันปัญหาโลกแตกแท้ ๆ      เป็นความเห็นไม่ตรงกันของพ่อลูก     แต่หนูเชื่อเถอะว่า ผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อ    ไม่หวังร้ายกับเราแน่นอน    และที่แน่ ๆ ท่านมองเห็นการณ์ไกลกว่าเรา    เหตุที่เราทุกข์ใจ เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ดั่งใจ    ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ใช่ไหม๊???  อยากให้หนูตั้งเป้าหมายในชีวิตซักเรื่องนึง  ปักธง แล้วมุ่งมั่นก้าวไป    อย่าไปใส่ใจกับรายละเอียด  ที่เรามองว่ามันคือปัญหา มันแค่หินก้อนนึง ที่ทำให้เราเดินสะดุดไม่ราบรื่น     มองตรงไปที่ "ธง" ข้างหน้าที่เราปักเอาไว้     ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกค่ะ สำหรับจุดยืนน่ะ     เพราะเราจะแค่ยืนพักแป๊บ ๆ   เดี๋ยวก็ต้องเดินๆๆ และเดิน  จนกว่าจะถึงจุดหมาย   ส่วนเรื่องการรับการรักษาจากคุณหมอ  อยากจะให้หนูไปพบท่านสม่ำเสมอ  ถ้าเริ่มต้นด้วยยา  ก็ต้องเดินต่อด้วยยา  อย่าขาดช่วงเป็นอันขาด  ไปพบคุณหมอนะคะ  มีหลายคนหายขาดจากอาการนี้มาแล้ว  เอาไว้หนูหายดีแล้ว  ค่อยมาฝึกด้านจิตใจ  โรคนี้ถ้าจิตใจเข้มแข็ง  หมอเก่ง ๆ หรือยาแพง ๆ ก็ไม่จำเป็นเลยค่ะ  อยากจะบอกว่าอ่านเรื่องราวของหนู  รู้สึกเหมือนกำลังอ่านเรื่องของตัวเองอยู่เลย  เหมือนชีวิตป้าตอนเด็ก ๆ เลยค่ะ  ถ้าผ่านช็อตนี้ไปได้  อะไร ๆ ข้างหน้าก็ไม่ยากแล้วค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่