ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 25/3/2561- (ก่อนเป็นMC) THE BEE GEES

กระทู้คำถาม


ดอกไม้หัวใจสวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (WANG JIE หรือ ชื่อดั้งเดิม "พฤษภเสารี" สมาชิกเก่าห้อง รดน.ช่วงปี 2546-2550) ประจำการอีก 1 วันครับ ^^

วันนี้ที่จริง เตรียมกระทู้เรื่องๆหนึ่งไว้แล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น เครื่องคอมเกิดแฮ้งค์ขึ้นมา และเรื่องที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้เซฟ หายไปหมดเลยครับ รวมถึงงานเขียนที่กำลังเขียนอยู่ดีๆ ก็หายไปด้วย วุ่นแล้วครับคราวนี่ี เอาไงดี...

งั้นจำเป็นต้อง "ขายผ้าเอาหน้ารอด" ไปก่อน ขอหยิบยกเอางานเก่าๆสมัยที่ยังไม่ได้เป็น MC มาหากินก่อนละกันครับ กว่าจะหาข้อมูลเก่าเจอก็ปาเข้าไปถึง 5 โมง 50 แล้ววววว!!!

เป็นเรื่องที่เคยลง เมื่อ 20 เมษายน ปีที่แล้ว ก่อนจะมาเป็น MC

ขอเชิญทุกท่าน พบกับ เรื่องราวของ วงดนตรีอมตะจากอเมริกา ซึ่งมีแฟนเพลงอยู่ทั่วโลก THE BEE GEES ครับ


บีจีส์ (อังกฤษ: Bee Gees)  ประกอบด้วยสามพี่น้องตระกูลกิ๊บส์ "มอริซ, โรบิน, แบร์รี" ทั้งสามคนเกิดที่เกาะมาน ประเทศอังกฤษ ในช่วยวัยเด็ก เขาอาศัยอยู่ในเขต คอลตัน,แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ก่อนที่เขาจะย้ายไปพำนักอยู่ที่ บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ในปลายยุค 1950 และเริ่มต้นทำวงดนตรีที่นั่น และหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จกับซิลเกิ้ลเพลง Spicks and Specks (ภายหลังเป็นซิงเกิ้ลที่ 12 ของวง) บนเกาะออสเตรเลีย พวกเขาก็ตัดสินใจกลับไปที่ประเทศอังกฤษ ในเดือน มกราคม ค.ศ.1967 และเขาได้พบกับ โรเบิร์ต สติงวู้ด และเป็นโปรดิวเซอร์ของเขาเป็นต้นมา และทำให้พวกเขาโด่งดังไปทั่วโลก และมีงานเพลงที่ขายดีที่สุด ทำรายได้ถึง 220 ล้าน พวกเขาถูกบันทึกใน Rock and Roll Hall of Fame ในปี ค.ศ. 1997 ติดอันดับ 1 ใน 5 งานดนตรีที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป็อป เป็นรองก็แต่งานของอภิมหาศิลปินอย่าง “เอลวิส เพรสลีย์” “เดอะ บีเทิลส์” “ไมเคิล แจ็กสัน” “การ์ธ บรูกส์” และ “พอล แมคคาร์ตนีย์”

แต่หลังจากที่มอริซ กิบบ์ ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อ 12 มกราคม ค.ศ. 2003 แบร์รีและโรบิน กิบบ์จึงประกาศที่จะยุบวง บีจีส์ ลงอย่างเป็นทางการ ภายหลังครบรอบ 45 ปี ของวง

แต่แล้วในปี ค.ศ. 2009 ทั้งแบร์รีและโรบิน กิบบ์ตกลงที่จะทำวง บีจีส์ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมาโรบิน กิบบ์ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ทำให้แบร์รี กิบบ์เป็นสมาชิกในวงเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่


สามพี่น้องตระกูลกิบบ์ส "มอริซ, โรบิน, แบร์รี" ทั้งสามคนเกิดที่เกาะมาน ประเทศอังกฤษ โดย มอริซและโรบินเป็นฝาแฝดกัน ปี 2498 สามพี่น้องกิบบ์ เริ่มโตพอที่จะออกตระเวนโชว์ความสามารถตามงานเทศกาล และรายการโทรทัศน์ต่างๆ โดยในช่วงนี้พี่น้องกิบบ์ใช้ชื่อวงหลายชื่ออาทิ “บูลแคตส์” และ “แร็ตเทิ้ล สเน็กส์” จนปี 2501 ต่อมาย้ายไปพำนักในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย พร้อมกับตั้งชื่อวงใหม่ว่า บีจีส์ (Bee Gees) ซึ่งย่อมาจากคำเต็ม ซึ่งคิดขึ้นจากดีเจวิทยุ บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) จากการนำชื่อย่อของเขาเอง และของ บิลล์ กู๊ด (Bill Goode) (ที่เห็นพวกเขาแสดงที่ Speedway Circuit เมืองบริสเบน) -นำมารวมกัน- ดังนั้นจึงไม่ได้ตั้งจำเพาะเจาะจงหมายถึง "Brothers Gibb"ตามความเข้าใจกันส่วนใหญ่

ค.ศ. 1962 บีจีส์เซ็นสัญญาทำอัลบั้มชุดแรก “เดอะ บีจีส์ ซิง แอนด์ เพลย์ 14 แบร์รี่ ซองส์” กับสังกัด“เฟสทีฟเร็กคอร์ด” แต่ไม่ประสบความสำเร็จในออสเตรเลีย ทำให้พี่น้องกิบบ์ตัดสินใจไปประเทศอังกฤษ (แต่ภายหลัง เพลง Spicks and Specks กลับได้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในหนังสือพิมพ์เพลง โก-เซ็ต ของออสเตรเลีย ในเดือน ตุลาคม ค.ศ. 1966 )


ต่อมาใน ค.ศ. 1966 ในยุคที่เดอะ บีทเทิลส์โด่งดังเป็นอันมาก พวกเขามีโอกาสได้ร่วมงานกับ “โรเบิร์ต สติกวู้ด” จนมีผลงานชุด “นิวยอร์กไมนิ่ง ดิสแอสเตอร์ 1941” ออกวางตลาดกลาง ค.ศ. 1967 อัลบั้มชุดนี้ติดอันดับบนชาร์ตเพลงยอดนิยมทั้งในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง “ทูเลิฟซัมบอดี” และมีเพลงฮิตอื่นอย่าง “ฮอลิเดย์” มีเพลง "Word"ออกมาเป็นซิงเกิลฮิตในขณะนั้นด้วยแต่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม "Bee Gees First" ชุดต่อมา "Horizontal" มีเพลงฮิตคือ "Massachusetts" และ "World" ชุดต่อมาก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นกันก็คือ "Idea" มีเพลงฮิตอย่าง "I Started a Joke" และ "I've Gotta Get a Message to You" ส่วนอีกชุดต่อมา "Odessa"ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แล้ว โรบิน ก็ออกจากวงไปทำงานเดี่ยว เหลือแต่ แบรรี่กับมอริซ ในชุด "Cucumble castle" แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกันจนต้องยุบวง "The Bee Gees" ลงไป ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนจะกลับมารวมตัวกันใหม่ใน ค.ศ. 1970 ในอัลบั้ม " Two years on" แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน



ในช่วงที่ยุบวง มอริซเข้าไปหลงใหลในแวดวงสังคมคนดัง กับศิลปินซุปเปอร์สตาร์ยุคนั้น เช่น เดอะ บีทเทิ้ลส์,เดวิด โบวี่ และไมเคิล เคน มอริซได้สมรสกับ “ลูลู่” นักร้องเพลงป็อปชื่อดังที่วิวาห์กันใน ค.ศ. 1967 แต่ชีวิตคู่ก็ต้องพังทลายในปี ค.ศ. 1974 จนมาแต่งงานครั้งที่สองกับ “อีวอน สเปนเซอร์ลีย์” โรคติดเหล้าของมอริซจึงดีขึ้น มอริซกลับมาดื่มหนักอีกครั้ง เมื่อแอนดี้น้องชายคนเล็กเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1988 เพราะเสพยาเกินขนาด "The Bee Gees" ได้สร้างเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพลงของบีจีส์คือ เป็นเพลงป็อปเน้นเสียงประสานด้วยเสียงหลอกบีบเสียงให้สูงผิดธรรมชาติหรือที่ เรียกว่า “ฟอลเซตโต” เริ่มในช่วงปี ค.ศ.1975 กับอัลบั้มที่ชื่อว่า "Main Course" ซึ่งประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก ชุดต่อมา "Children of the World" ก็ประสบความสำเร็จค่อนข้างมากเช่นกัน


ในยุคสมัยดนตรีดิสโก้เฟื่องฟู ชื่อเสียงบีจีส์ขจรขจายไปทั่วโลก ภายหลังปล่อยอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ “แซตเทอร์เดย์ไนต์ฟีเวอร์” ที่มีจอห์น ทราโวตา แสดงนำประกอบด้วยเพลง “มอร์แดนอะวูแมน”“สเตอิ้ง อะไลฟ์” “ไจฟ์ ทอล์กกิ้น” ความสำเร็จได้รับการตอกย้ำด้วยอัลบั้ม “สปิริตส์แฮฟวิ่งโฟลว” ปี 2522 ซึ่งมีเพลงอันดับ 1 อย่าง เพลง “ทราจีดี้” ,“ทูมัชเฮฟเวน” และ“เลิฟยูอินไซด์เอาต์” จากนี้เองได้สร้างสถิติทำให้บีจีส์มีเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาติดต่อกัน 6 เพลง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาร์ทเพลงอเมริกา (ซึ่งต่อมาวิทนีย์ ฮูสตันทำได้อีกครั้ง) อัลบั้มชุดนี้ทำยอดขาย 30 ล้านชุดทั่วโลก แต่เมื่อยุคดิสโก้ถึงคราวดับสูญในคริสต์ทศวรรษที่ 1980 แนวดนตรียุคนั้นก็เข้าสู่กระแสของ “พังก์ร็อกและนิวเวฟ” ชื่อเสียงของบีจีส์ก็เงียบตามไปด้วย แต่ก็มีเพลงฮิตบนเกาะอังกฤษในปี พ.ศ. 2530 กับเพลง “ยูวินอะเกน” จากอัลบั้ม อี.เอส.พี. บีจีส์ ประคับประคองชื่อเสียงแบบเสมอตัวได้ต่อมาอีก 10 ปี และออกอัลบั้ม “Still Waters” ค.ศ. 1997 ซึ่งมีเพลงดังอย่าง “อะโลน” และมีอัลบั้มสตูดิโอชุดท้ายชื่อ "This is where i came in" ในปี ค.ศ.2001 เนื้อเพลง "The Bee Gees" จะเน้นบทเพลงในด้านความรัก และจะมีมุมมองแปลกๆจากบทเพลงที่พวกเขาได้แต่งขึ้น

มอริซ กิบบ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2003


โรบิน กิบบ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2012

ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก วิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B9%8C

ตบท้ายด้วยการ รวมผลงานเพลงประทับใจหลายๆเพลงของ THE BEE GEES ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
I started A Joke


จะรักใครสักคน....อะไร ยังไง  The BeeGees จะบอกให้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Bee Gees - To Love Somebody (1967)

อยากได้ใครซักคนไว้ซบไหล่ไหม....มาหาฉันสิ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
RUN TO ME (1972)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
WORLD - The Bee Gees (1967)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
I've gotta get a message to you - Bee Gees (1968)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
NIGHT ON BROADWAY (1975)


ยุคที่ 2 ของ เดอะบีจีส์........ยุค ดิสโก้ ทั้งบ้านทั้งเมือง !!! (70-80)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
You Should Be Dancing (1976)

จากภาพยนตร์เพลงที่กลายเป็นอมตะ ยอดเยี่ยมตลอดกาล..... SATURDAY NIGHT FEVER นำแสดงโดย  John Travolta และ  Karen Gorney และอัลบั้มเพลงบีจีส์ ที่มีเพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า (ขอบคุณ คุณ unnamed boy ที่ช่วยบอกข้อมูลเป็นอย่างสูงครับ ทีแรกจำผิดเป็นโอลิเวียร์นิวตั้นจอห์น)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Night Fever

เพลงนี้ ผมเคย "ดิ้น" จนขาลากมาแล้วหัวเราะ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
STAYIN' ALIVE

อยู่ก็ต้องอยู่ให้มันมันส์...มีชีวิตชีวา.....

เห็นเม้นท์นี้ของคนนี้ในยูทิวบ์แล้ว ช๊อบชอบอมยิ้ม04

"Back in the days when you could actually go to a night club without the worry of being shot to death. God let me go back to those days."

เพลงนี้ เพลงคนอกหัก...แต่โคตะระมันส์ จนต้องลุกไปดิ้น!!!

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
TRAGEDY

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
SEARCH, FIND

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
LIVING TOGETHER

รักเธอ....ทั้งข้างนอก และข้างใน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
LOVE YOU INSIDE OUT

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
SPIRITS HAVING FLOWN

จาก One Night Only Concert

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
JIVE TALKIN'

รักของเธอ....ลึกซึ้งแค่ไหน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
HOW DEEP IS YOUR LOVE

สวรรค์มากเกิน คือ..... "สุขจนล้นเหลือ หาที่เปรียบมิได้"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
TOO MUCH HEAVEN

หมดแล้ว พบกันใหม่วันพุธครับ หัวใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่