
จากกระทู้ที่แล้ว เราได้ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่บนเกาะมาเก๊ามาแล้วถึง 3 วัน 3 คืน
ทริปสายบุญมาเก๊า-ฮ่องกง กินหรู อยู่สบาย เจ้านายที่รักจ่ายตลอดทริป (ตอนที่ 1)
https://pantip.com/topic/37459347
ตอนนี้เรากลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่ใช้เวลาในการเขียนนานไปหน่อย เพราะช่วงนี้งานค่อนข้างแน่นค่ะ แล้วก็เราเพิ่งกลับมาจากเกาหลีใต้ด้วย ยังไงจะมารีวิวการเที่ยวเกาหลีของเราในโอกาสต่อไปนะคะ
6 มีนาคม 61 มาเก๊า - ฮ่องกง - ตึก ICC - วัดเจ้าแม่กวนอิมทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์ - มงก๊ก
เช้าวันนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องโบกมือลาลาสเวกัสแห่งโลกตะวันออก เพื่อเดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่อไปของเรากันแล้ว วันนี้เรารีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำคัดเบ้าตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเพราะคิดว่าจะรีบไปหาที่ช้อปปิ้งในช่วงเช้า ละลายเงินมาเก๊าที่ได้รับทอนมาให้หมด

เพื่อนๆ ห้องอื่นเค้ายังไม่ตื่นกัน แต่ฉันพร้อมแล้วสำหรับการไปช้อปปิ้งในเช้าวันนี้ โฮะๆๆๆ แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาที เราก็ต้องกลับขึ้นมาที่ห้องอีกรอบหนึ่ง เพราะร้านค้าภายในบริเวณโรงแรมยังมิทันเปิดเลย จะเดินออกไปข้างนอกหมอกก็ลงหนา เลยต้องกลับมาตั้งหลักอีกรอบซะก่อน

07.30 น. ได้เวลาออกไปสำรวจนอกโรงแรมแล้ว แต่... จะไปที่ไหนอ่ะ เดินวนไปมา 2 รอบ สุดท้ายเลยตัดสินใจข้ามถนนไปยังฝั่งเวเนเชี่ยน ส่วนใหญ่ร้านค้าจะเปิดช่วง 10.00 น. ค่ะ แต่เราต้องรีบเช็คเอ้าท์เพื่อไปขึ้นเรือในช่วง 09.00 น. ก็เลยได้ขนมในมินิมาร์ทที่เปิดให้บริการในเวเนเชี่ยนกลับมาเป็นของฝากที่บ้านในที่สุด

เกือบ 10 นาฬิกาก็ได้เวลาที่ล้อหมุนไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังฝั่งเกาลูน เรายังคงอาศัยเรือ TURBoJET ชั้น Super Class เหมือนเดิมค่ะ โดยเรือจะออกจากมาเก๊าในเวลา 11.05 รอไม่นานก็ได้เวลาผ่าน ตม. ไปขึ้นเรือแล้ว




บ๊ายยยบายมาเก๊า... รอบนี้อาหารบนเรือใช้ได้กว่ารอบขามา แต่ดันลืมถ่ายรูปซะงั้น แต่อาหารก็คล้ายๆ กับตอนขามานั่นแหละค่ะ แต่จะเปลี่ยนไปก็แค่สลัดกุ้ง และขนมปังที่นิ่มขึ้น (แต่เรายกให้น้องอีกคน)
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงฝั่งฮ่องกง ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งที่ 2 ของเราในการมาเยือนที่นี่อย่างเป็นทางการ ถ้าไม่นับรวมตอนที่เครื่องบินมาลงที่สนามบินเช็กแล็บก็อกนะ หลังจากลงเรือแล้วเราก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปยังจุด Immigration ค่ะ ในใจของเราคือชิลล์มาก เดินเข้าแถวไปเป็นคนแรกเลยจ้า
แต่ปรากฏว่า ตม. ค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดความสงสัยอันใดขึ้นมา ก็ถามเราว่ามากันทั้งหมดกี่คน ตอนนั้นคือรู้ว่ามาสามสิบกว่าคน แต่ไอ้คำว่า “สามสิบกว่าคน” นี่ภาษาอังกฤษมันต้องพูดไงหว่า... สุดท้ายเลยตอบไปมั่วๆ ว่ามากัน 34 คน (ซึ่งเป็นจำนวนที่ใช่จริงๆ) เราก็ชี้ๆ แถวที่มาด้วยกันนั่นแหละค่ะ ก็บอกเนี่ยมาด้วยกันหมดเลย สักพักก็มี ตม. ผู้ชายอีกคนเดินมาพูดอะไรก็ไม่รู้ (ภาษาจีน) แล้วก็ชี้มือชี้ไม้มาที่กลุ่มพวกเรา
สรุปเรารอดค่ะ และทั้งกรุ๊ปนอกจากผู้ชายแล้ว มีผู้หญิงที่รอดชีวิตออกมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 10 ชีวิตถูกเชิญไปอีกทางหนึ่ง โดยที่เจ้าหน้าที่เดินมาชี้ตัวสุ่มๆ ไปเลย
พวกเราก็มารอรับกระเป๋าแล้วก็รอสักพักค่ะ ไกด์ท้องถิ่น (เป็นชายไทย ไม่ทราบนามสกุล ทราบแต่ชื่อเล่น) เดินมาหาแล้วบอกรถมารอรับแล้ว ให้ขึ้นรถไปรอก่อน เราก็รอไปค่ะ ประมาณเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ สาวๆ ทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมา เป็นอันว่าโล่ง!!! (ช่วงนี้ลืมถ่ายร่งถ่ายรูปไปแล้ว มัวแต่ลุ้น)
หลังจากสมาชิกครบแก๊ง ซึ่งขณะนั้นก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว ท้องเริ่มร้องเรียกหาอาหาร ส่งเสียงคำรามฮึ่มฮั่มๆ เป็นระยะ นายบอกเดี๋ยวจะพาไปทานมื้อพิเศษ ร้านนี้จองยากมากกกก อ่าจ้า ตอนนี้หากมีอะไรบินผ่านหน้า หนูก็สามารถทานได้หมดค่ะนาย

ไม่นาน รถบัสคันใหญ่ก็พาเราขับวนขึ้นไปหน้าล็อบบี้ชั้น 9 ของตึก ICC มื้อแรกของฮ่องกงวันนี้เราจะมาทานติ่มซำกันที่ Tin Lung Heen ภัตตาคารอาหารจีนสุดหรูชั้นเลิศที่การันตีโดย 2 ดาวมิชลินสตาร์ที่ตั้งอยู่บนชั้น 102 ของตึกค่ะ ไปกันโลด...




ใช้เวลาขึ้นลิฟท์ไม่กี่อึดใจ ก็มาถึงหน้าร้านแล้ว การตกแต่งที่นี่โอเคใช้ได้ หรูหราดูดีเลยทีเดียว แถมวิวก็ถือว่าเริดเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่วันนี้ค่อนข้างมีหมอกหนาไปสักนิด เลยมองไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไหร่



วิวเมืองจากชั้น 102 วันนี้หมอกค่อนข้างหนาค่ะ แต่นั่งทานข้าวไปสักพักใหญ่ๆ หมอกก็ค่อยๆ จางลงนิดหน่อย เราเลยสามารถเก็บภาพที่ (พอจะ) ชัดบ้างมาได้แค่นี้


ส่วนบรรยากาศภายในภัตตาคารก็จะตกแต่งแบบเรียบหรูดูดี ด้วยโทนสีที่ค่อนข้างให้ความอบอุ่นค่ะ ซึ่งห้องที่นายจองไว้จะเป็นห้องส่วนตัว แบ่งออกเป็น 3 โต๊ะใหญ่ เพราะพวกเรามีกันหลายคน

นั่งรอที่โต๊ะสักพัก อาเล่ย (ชื่อบริกรที่พวกเราแอบตั้งให้) ก็มาเสิร์ฟชาเป็นอย่างแรก ไม่รู้ว่าเป็นชาอะไร แต่มีกลิ่นหอมและรสดีมาก ส่วนอาเล่ยเป็นบริกรที่ใส่ใจลูกค้าดีเลิศเลยล่ะค่ะ เพราะเธอไม่เคยปล่อยให้ชาพร่องเลยแม้แต่น้อย เติมเต็มตลอด เราก็ดื่มซะท้องป่องยังกะท้องสาววัย 5 เดือนแน่ะ

อาหารจานแรกที่อาเล่ยนำมาเสิร์ฟ เป็นฮะเก๋ากุ้งโปะหน้าด้วยทองคำเปลวค่ะ กุ้งตัวใหญ่เต็มปากเต็มคำดีมาก

ตามมาด้วยขนมปังหน้ากุ้งที่ไม่เลี่ยนเลย ทานกับซอสพริกเข้ากันดี๊ดี

ขนมจีบหมู จานนี้ต้องมาค่ะ เต็มปากเต็มคำ ชุ่มฉ่ำสุดๆ

จานนี้คล้ายๆ ข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเราค่ะ 555 ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรเหมือนกันนะคะ ข้างในจะเป็นไส้กุ้ง ส่วนน้ำราดจะออกรสเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ

ส่วนจานนี้ ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเรา (เหมือนเดิม) ค่ะ แต่เพิ่มเติมคือข้างในจะเป็นไส้หมูแดง และรสชาติจะอ่อนกว่าจานข้างบน


จานนี้ตอนที่เห็นอาเล่ยยกมาเสิร์ฟเราคิดว่าเป็นขนมปังค่ะ แต่ไม่ใช่แฮะ มันเหมือนกับซาลาเปาอบมากกว่า เพราะผิวสัมผัสข้างนอกมันจะไม่เหมือนกับซาลาเปาทอด มันจะกรอบๆ เหมือนขนมปัง แถมยังไม่มันด้วย ส่วนไส้ข้างในเป็นหมูแดง จานนี้เราชอบมาก

เมนูที่ขาดไม่ได้ กรุบกรอบกว่าทุกร้านที่ผ่านมา

เมนูหนักท้อง ข้าวผัดกุ้งกับหมูแดง รสชาติอ่อนๆ อร่อยดี เนื้อกุ้งก็เด้งดึ๋งๆ ในปากในลิ้น

ผัดเปรี้ยวหวาน (อีกแล้ว) น่าจะเป็นเมนูยอดนิยมของคนจีนรึเปล่า มีแทบทุกครั้ง เราชิมไปคำเดียว ออกรสหวานนำ เปรี้ยวตามนิดๆ สรุปคือไม่ใช่แนว 555

จานนี้เราชอบมากกกก เป็นขนมปังขิงทานคู่กับหอยเชลล์ย่างค่ะ หอยเหนียวนุ่มเต็มคำดี เข้ากั๊นเข้ากันกับขนมปังขิงและซอสหอมที่ราดคู่กันมาที่เค็มนิดๆ

Recommended ของทางร้านเค้าล่ะ เป็นเนื้อวากิวผัดซอสกับกระเทียมค่ะ ใครไม่ทานเนื้อนี่ขอบอกเลยว่าเสียดายแทน เพราะเนื้อนุ่มมากกก แทบไม่ต้องเคี้ยว มันเหมือนละลายในปากได้เลย

และสุดท้าย ของหวานล้างปากเป็นเค้กชาเขียวรสชาติเข้มข้นค่ะ (แต่เราไม่ได้ชิมนะ)


หลังจากอิ่มท้องแล้ว พวกเราก็ลงมารอรถบัสอยู่ภายในบริเวณล็อบบี้ชั้น 9 เนื่องจากอากาศเย็นมากกก ลมก็แรงกมากด้วย


สำหรับจุดหมายป้ายต่อไปของเราก็คือที่นี่เลยจ้า “วัดเจ้าแม่กวนอิมทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์” ซึ่งวันนี้ก็มีทัวร์จีน ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายมาจากราชวงศ์ชิงค่อนข้างเยอะเหมือนกัน...แ_’ง ชิงมังแทบทุกที่ทุกจุดเลย

ก่อนจะเดินเข้าวัด หันไปจ๊ะเอ๋กับน้องหมาตัวนี้เลยแวะทักทายน้องนิดหน่อย น้องเชื่องมากกก เก๊กหน้าหล่อให้พี่สาวแชะภาพด้วย น่าร้ากกกก


จากนั้นก็เดินเข้าไปวัดไปเลยจ้า แต่เดี๋ยวก่อน!! สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ เราต้องเดินเข้าวัดด้วยเท้าซ้าย ส่วนเวลาเดินออกก็ต้องก้าวเท้าขวานำค่ะ พอเข้าไปแล้วเราก็จะเจอเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าทางเข้าวัดเลยค่ะ แต่ก่อนที่ไหว้สักการะท่าน คุณจะสังเกตเห็นรูปปั้นสิงโตโตหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางด้านขวาของประตูทางเข้า ซึ่งในปากจะคาบลูกแก้วเอาไว้ เราก็จัดการลูบลูกแก้วในปากสิงโตเลยค่ะเป็นการเสริมดวงให้มีแต่ความโชคดี ทำอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง มีแต่โชคลาภเข้ามาหาตัวเอง ประมาณนั้น จากนั้นจึงค่อยไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมเป็นลำดับต่อไป


ส่วนด้านขวามือขององค์เจ้าแม่กวนอิม ก็จะเป็นที่ตั้งของเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เราก็สามารถขอพรองค์ท่านเพื่อมอบพลังให้เราในการทำกิจการค้าขายได้ด้วยค่ะ



ตอนนี้เราก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ พร้อมกับขอพรองค์เทพต่างๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ขอพรโชคลาภจากเทพเจ้าไฉ่ซิง

ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่
[SR] ทริปสายบุญมาเก๊า-ฮ่องกง กินหรู อยู่สบาย เจ้านายที่รักจ่ายตลอดทริป (ตอนที่ 2)
ทริปสายบุญมาเก๊า-ฮ่องกง กินหรู อยู่สบาย เจ้านายที่รักจ่ายตลอดทริป (ตอนที่ 1)
https://pantip.com/topic/37459347
ตอนนี้เรากลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่ใช้เวลาในการเขียนนานไปหน่อย เพราะช่วงนี้งานค่อนข้างแน่นค่ะ แล้วก็เราเพิ่งกลับมาจากเกาหลีใต้ด้วย ยังไงจะมารีวิวการเที่ยวเกาหลีของเราในโอกาสต่อไปนะคะ
6 มีนาคม 61 มาเก๊า - ฮ่องกง - ตึก ICC - วัดเจ้าแม่กวนอิมทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์ - มงก๊ก
เช้าวันนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องโบกมือลาลาสเวกัสแห่งโลกตะวันออก เพื่อเดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่อไปของเรากันแล้ว วันนี้เรารีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำคัดเบ้าตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเพราะคิดว่าจะรีบไปหาที่ช้อปปิ้งในช่วงเช้า ละลายเงินมาเก๊าที่ได้รับทอนมาให้หมด
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงฝั่งฮ่องกง ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งที่ 2 ของเราในการมาเยือนที่นี่อย่างเป็นทางการ ถ้าไม่นับรวมตอนที่เครื่องบินมาลงที่สนามบินเช็กแล็บก็อกนะ หลังจากลงเรือแล้วเราก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปยังจุด Immigration ค่ะ ในใจของเราคือชิลล์มาก เดินเข้าแถวไปเป็นคนแรกเลยจ้า
แต่ปรากฏว่า ตม. ค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดความสงสัยอันใดขึ้นมา ก็ถามเราว่ามากันทั้งหมดกี่คน ตอนนั้นคือรู้ว่ามาสามสิบกว่าคน แต่ไอ้คำว่า “สามสิบกว่าคน” นี่ภาษาอังกฤษมันต้องพูดไงหว่า... สุดท้ายเลยตอบไปมั่วๆ ว่ามากัน 34 คน (ซึ่งเป็นจำนวนที่ใช่จริงๆ) เราก็ชี้ๆ แถวที่มาด้วยกันนั่นแหละค่ะ ก็บอกเนี่ยมาด้วยกันหมดเลย สักพักก็มี ตม. ผู้ชายอีกคนเดินมาพูดอะไรก็ไม่รู้ (ภาษาจีน) แล้วก็ชี้มือชี้ไม้มาที่กลุ่มพวกเรา
สรุปเรารอดค่ะ และทั้งกรุ๊ปนอกจากผู้ชายแล้ว มีผู้หญิงที่รอดชีวิตออกมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 10 ชีวิตถูกเชิญไปอีกทางหนึ่ง โดยที่เจ้าหน้าที่เดินมาชี้ตัวสุ่มๆ ไปเลย
พวกเราก็มารอรับกระเป๋าแล้วก็รอสักพักค่ะ ไกด์ท้องถิ่น (เป็นชายไทย ไม่ทราบนามสกุล ทราบแต่ชื่อเล่น) เดินมาหาแล้วบอกรถมารอรับแล้ว ให้ขึ้นรถไปรอก่อน เราก็รอไปค่ะ ประมาณเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ สาวๆ ทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมา เป็นอันว่าโล่ง!!! (ช่วงนี้ลืมถ่ายร่งถ่ายรูปไปแล้ว มัวแต่ลุ้น)
หลังจากสมาชิกครบแก๊ง ซึ่งขณะนั้นก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว ท้องเริ่มร้องเรียกหาอาหาร ส่งเสียงคำรามฮึ่มฮั่มๆ เป็นระยะ นายบอกเดี๋ยวจะพาไปทานมื้อพิเศษ ร้านนี้จองยากมากกกก อ่าจ้า ตอนนี้หากมีอะไรบินผ่านหน้า หนูก็สามารถทานได้หมดค่ะนาย