เริ่มต้นจากปี 2008 ที่ชีคซื้อทีมเรือใบก็มีมาร์ค ฮิวจ์สเป็นผู้จัดการอยู่
ตอนนั้นสโมสรให้โอกาสและสนับสนุนฮิวส์จพอสมควร แต่นโยบายซื้อนักเตะของฮิวจ์สค่อนข้างเอาเงินไปละลายแม่น้ำ
สุดท้ายมันชินี่เข้ามาและต้องยอมรับว่านักเตะตัวหลักที่คว้าถ้วยและคว้าแชมป์พรีเมียร์สองครั้งให้สโมสรก็มาจากมันชินี่ทั้งซิลบา ยาย่า กุน และอีกหลายคน
ปีต่อมาหลังจากคว้าพรีเมียร์สมัยแรกสโมสรได้แต่งตั้งประธานบริหารและผู้อำนวยการกีฬา อดีตผู้บริหารบาร์ซ่าทั้งคู่
นั่นเท่ากับการยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าต่อทั้งๆที่สโมสรกำลังไปได้ดีอยู่
มันชินี่เหมือนผู้จัดการทีมทั่วไปคือต้องเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างเรื่องการซื้อขายนักเตะ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับ ผอ กีฬา และสุดท้ายสโมสรปลดม้ันชินี
นั่นคือสิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงวันนี้ บทบาทของผู้อำนวยการกีฬา
หน้าที่คือจัดหานักเตะเพื่อผลระยะยาว เจรจาซื้อขาย ถ่วงดุลผู้จัดการทีมเรื่องอำนาจซื้อขาย คือผอ กีฬาและผู้จัดการทีมต้องเห็นพร้องกันถึงจะซื้อมา
พวกที่ทำหน้าที่เจรจาซื้อขายเท่านั้นโดยผู้จัดการเป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่เรียกว่าเป็น ผอ กีฬา
สำหรับซิตี้หลังจากนั้น ก็มีทั้งดีลที่ดีและแย่ ที่แย่ๆก็ ม็องกาล่า กับ โบนี่ ที่ดีๆก็มี เดอบรอย เฟอร์นันดินโย่ อย่างสเตอลิ่งก็แล้วแต่มุมมอง
ยุคเป๊ปดูเหมือนจะมีดีลดีๆเยอะขึ้นทั้ง ซาเน่ เจซูส ที่ก็ใช้บารมีเป๊ปไปชวนมาด้วย
การมี ผอ กีฬาทำให้ขยายเครือข่าย มีคนทำหน้าที่เฉพาะเพื่อสอดส่อง และไม่ซื้อขายตามใจผู้จัดการทีมคนเดียว ที่อาจอยู่ในสถานการหน้ามืดในบางครั้ง
เหมือนทำหน้าที่ดูแลมรดก ทำให้สโมสรมีนักเตะดีๆตกทอดต่อไป ไม่งั้นเปลี่ยนผู้จัดการก็ต้องมาโละซื้อใหม่กัน ถ้าเปลี่ยนบ่อยๆก็เสียเงินเปลี่ยนถ่ายเยอะ
หรือผู้จัดการทีมไม่เห็นค่า ขายนักเตะอนาคตไกลทิ้งไปก่อนจะตกถึงมือผู้จัดการทีมคนต่อไปเอาไปลองใช้ประโยชน์
เพียงแต่ว่า...ผู้จัดการทีมที่จะมาทำงานด้วยต้องเป็นผู้จัดการทีมหัวใหม่เท่านั้น
ยกตัวอย่างม้ันชินี่ หัวเก่า ผู้จัดการทีมเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างเรื่องซื้อขาย สุดท้ายแตกหัก
แวงเกอร์ก็ใช่ บอกว่า ผอ กีฬาไม่รู้จะมาทำอะไร สงสัยไปยืนสี่แยกคอยบอกนักเตะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ทั้งๆที่อาร์เซนอลจะมี ผอ กีฬา มาทำงานฤดูกาลหน้า
แวงเกอร์ก็ยังประกาศเด็ดขาด ตราบใดที่ตนเป็นผู้จัดการทีม ตนเป็นคนตัดสินทุกอย่าง แค่นี้ ไม่ต้องพูดอะไรอีก
มูรินโย่ ต้องการเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง ใครมาขัดสโมสรก็ต้องเลือกเอาว่าจะเอาใครไว้
ส่วนผู้จัดการทีมหัวใหม่ก็แน่นอน เป๊ป คล็อปป์
คล็อปป์ความจริงทำงานโดยมี ผอ กีฬามาตลอด และเป็นคนสนับสนุนให้ลิเวอร์พูลแต่งตั้ง ผอ กีฬา เอ็ดเวิร์ด ที่เป็นคนแนะนำให้ซื้อน้องล่า ซาลาห์
แนวคิดเรื่อง ผอ กีฬา อาจไม่มีความจำเป็นเลย ถ้าผู้จัดการทีมจะอยู่ต่อไปอีกยี่สิบสามสิบปี
แต่ถ้ามีเหตุคิดว่าโอกาสเปลี่ยนเรื่อยๆมีสูง มีไว้ก็มีประโยชน์ครับ
ผอ กีฬาซิตี้ อดีตเพื่อนร่วมทีมเป๊ป
ผู้อำนวยการกีฬา ผู้จัดการมรดกของสโมสร และความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับทีมซิตี้
ตอนนั้นสโมสรให้โอกาสและสนับสนุนฮิวส์จพอสมควร แต่นโยบายซื้อนักเตะของฮิวจ์สค่อนข้างเอาเงินไปละลายแม่น้ำ
สุดท้ายมันชินี่เข้ามาและต้องยอมรับว่านักเตะตัวหลักที่คว้าถ้วยและคว้าแชมป์พรีเมียร์สองครั้งให้สโมสรก็มาจากมันชินี่ทั้งซิลบา ยาย่า กุน และอีกหลายคน
ปีต่อมาหลังจากคว้าพรีเมียร์สมัยแรกสโมสรได้แต่งตั้งประธานบริหารและผู้อำนวยการกีฬา อดีตผู้บริหารบาร์ซ่าทั้งคู่
นั่นเท่ากับการยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าต่อทั้งๆที่สโมสรกำลังไปได้ดีอยู่
มันชินี่เหมือนผู้จัดการทีมทั่วไปคือต้องเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างเรื่องการซื้อขายนักเตะ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับ ผอ กีฬา และสุดท้ายสโมสรปลดม้ันชินี
นั่นคือสิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงวันนี้ บทบาทของผู้อำนวยการกีฬา
หน้าที่คือจัดหานักเตะเพื่อผลระยะยาว เจรจาซื้อขาย ถ่วงดุลผู้จัดการทีมเรื่องอำนาจซื้อขาย คือผอ กีฬาและผู้จัดการทีมต้องเห็นพร้องกันถึงจะซื้อมา
พวกที่ทำหน้าที่เจรจาซื้อขายเท่านั้นโดยผู้จัดการเป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่เรียกว่าเป็น ผอ กีฬา
สำหรับซิตี้หลังจากนั้น ก็มีทั้งดีลที่ดีและแย่ ที่แย่ๆก็ ม็องกาล่า กับ โบนี่ ที่ดีๆก็มี เดอบรอย เฟอร์นันดินโย่ อย่างสเตอลิ่งก็แล้วแต่มุมมอง
ยุคเป๊ปดูเหมือนจะมีดีลดีๆเยอะขึ้นทั้ง ซาเน่ เจซูส ที่ก็ใช้บารมีเป๊ปไปชวนมาด้วย
การมี ผอ กีฬาทำให้ขยายเครือข่าย มีคนทำหน้าที่เฉพาะเพื่อสอดส่อง และไม่ซื้อขายตามใจผู้จัดการทีมคนเดียว ที่อาจอยู่ในสถานการหน้ามืดในบางครั้ง
เหมือนทำหน้าที่ดูแลมรดก ทำให้สโมสรมีนักเตะดีๆตกทอดต่อไป ไม่งั้นเปลี่ยนผู้จัดการก็ต้องมาโละซื้อใหม่กัน ถ้าเปลี่ยนบ่อยๆก็เสียเงินเปลี่ยนถ่ายเยอะ
หรือผู้จัดการทีมไม่เห็นค่า ขายนักเตะอนาคตไกลทิ้งไปก่อนจะตกถึงมือผู้จัดการทีมคนต่อไปเอาไปลองใช้ประโยชน์
เพียงแต่ว่า...ผู้จัดการทีมที่จะมาทำงานด้วยต้องเป็นผู้จัดการทีมหัวใหม่เท่านั้น
ยกตัวอย่างม้ันชินี่ หัวเก่า ผู้จัดการทีมเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างเรื่องซื้อขาย สุดท้ายแตกหัก
แวงเกอร์ก็ใช่ บอกว่า ผอ กีฬาไม่รู้จะมาทำอะไร สงสัยไปยืนสี่แยกคอยบอกนักเตะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ทั้งๆที่อาร์เซนอลจะมี ผอ กีฬา มาทำงานฤดูกาลหน้า
แวงเกอร์ก็ยังประกาศเด็ดขาด ตราบใดที่ตนเป็นผู้จัดการทีม ตนเป็นคนตัดสินทุกอย่าง แค่นี้ ไม่ต้องพูดอะไรอีก
มูรินโย่ ต้องการเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง ใครมาขัดสโมสรก็ต้องเลือกเอาว่าจะเอาใครไว้
ส่วนผู้จัดการทีมหัวใหม่ก็แน่นอน เป๊ป คล็อปป์
คล็อปป์ความจริงทำงานโดยมี ผอ กีฬามาตลอด และเป็นคนสนับสนุนให้ลิเวอร์พูลแต่งตั้ง ผอ กีฬา เอ็ดเวิร์ด ที่เป็นคนแนะนำให้ซื้อน้องล่า ซาลาห์
แนวคิดเรื่อง ผอ กีฬา อาจไม่มีความจำเป็นเลย ถ้าผู้จัดการทีมจะอยู่ต่อไปอีกยี่สิบสามสิบปี
แต่ถ้ามีเหตุคิดว่าโอกาสเปลี่ยนเรื่อยๆมีสูง มีไว้ก็มีประโยชน์ครับ
ผอ กีฬาซิตี้ อดีตเพื่อนร่วมทีมเป๊ป