หากพูดเรื่องการจะซื้อรถหนึ่งคัน เชื่อว่าคงมีทั้งคนที่คิดว่าจำเป็น และคนที่คิดว่าไม่จำเป็น เป็นปัญหาโลกแตกที่ยากจะหาความถูกต้องมาอธิบาย เพราะความจำเป็นของแต่ละคนนั้นไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือวัดทั่วไป คนที่จะตอบข้อนี้ได้ดีที่สุดคงเป็นผู้ซื้อนั่นเอง เช่น ซื้อเพื่อมาต่อยอดทำธุรกิจ ที่ทำงานไกลบ้านมากๆ หรือรองรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย
วันนี้
K-Expert จึงอยากจะมาช่วยแนะนำเรื่องอื่นๆ ที่ควรให้ความสำคัญนอกเหนือจากการเตรียมค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ สำหรับคนที่ยังคงลังเลหรือกำลังตัดสินใจ เพื่อใช้เป็นแนวทางได้ดียิ่งขึ้นครับ
เรื่องแรกเลยคือ ค่าใช้จ่าย เพราะหลังจากที่เราได้รถคู่ใจมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมาตั้งแต่
ค่าน้ำมัน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญหลักๆ ที่ต้องคิด เพราะจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเรานำรถยนต์มาใช้ แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เราพอจะคำนวณได้ โดยสามารถคำนวณจากอัตราการใช้น้ำมันที่ทางผู้ผลิตได้แจ้งมาเช่น 14 กิโลเมตรต่อการใช้น้ำมัน 1 ลิตร เราก็ลองคำนวณว่า เดือนหนึ่งเราเดินทางมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น เดินทาง 1,000 กิโลเมตรต่อเดือน ก็นำมาหารกับอัตราดังกล่าว (1,000/14 = 71.4) แสดงว่าเราจะใช้น้ำมันประมาณ 71.4 ลิตรนั่นเอง แล้วนำไปคูณกับราคาน้ำมันปัจจุบันก็จะพอทราบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้
ค่าบำรุงรักษา สำหรับคนที่ใช้รถใหม่ เราต้องนำรถเข้าเช็กสภาพที่ศูนย์ตามระยะทางที่ใช้งาน หลังจากที่ได้ตรวจเช็ก 1,000 กิโลเมตรแรกไปแล้ว ก็ต้องมีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอทุก 10,000 กิโลเมตร หรือคนใช้รถน้อยก็อาจจะมีการเช็กทุกๆ 6 เดือน โดยค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 3,500-10,000 บาท แล้วแต่สภาพของรถยนต์ รุ่น และยี่ห้อของรถด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีค่าเปลี่ยนยางที่เราจะต้องเปลี่ยนประมาณ 2 ปีครั้ง อีกประมาณ 8,000-16,000 บาท
ค่าภาษี และค่าประกันภัยรถยนต์ ที่เราต้องจ่ายในแต่ละปี 2 สิ่งนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกิดขึ้นทุกปี โดยในส่วนของภาษีรถยนต์นั้นมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500-7,000 บาท/ปี โดยขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ ขนาดของเครื่องยนต์ และปีที่ใช้งานด้วย ส่วนประกันภัยรถยนต์นั้น หากเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 14,000-30,000 บาทต่อปี
เรื่องที่สองเลยคือ ข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์
เช็กประวัติของรถที่ต้องการ ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถ เราก็ควรที่จะเข้าไปค้นคว้าประวัติว่า รถที่เราต้องการนั้นถูกพูดถึงอย่างไรในโลกอินเตอร์เน็ต หรือคนที่เรารู้จัก เช่น ศูนย์บริการดีแค่ไหน รถมีคนพูดเรื่องอาการเสียหลังจากที่ซื้อบ่อยแค่ไหน เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจ
ศูนย์บริการมีมากแค่ไหน เพราะรถบางเจ้าอาจจะเพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศ จึงอาจมีศูนย์ที่ให้บริการเพียงไม่กี่แห่ง หากรถของเราเกิดอาการเสียขึ้นมา กว่าจะถึงศูนย์ต้องใช้ระยะเวลานาน หรืออาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วย ยังไม่นับรวมกับอะไหล่ที่หากต้องสั่งจากต่างประเทศ ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งอีกด้วย
ราคาของรถหากต้องการขาย เพราะหากเราใช้รถไปซักพักแล้วต้องการที่จะขาย แต่รถของเราเป็น รุ่น หรือยี่ห้อที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ราคาของรถจะตกลงอย่างมาก (อาจจะมากจนน่าใจหายได้เลย) หากคิดว่าซื้อรถมาแล้วมีโอกาสที่จะขายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็แนะนำให้ซื้อรถที่เป็น รุ่น หรือ ยี่ห้อ ที่เป็นที่ต้องการของตลาด อย่าดูที่ความสวยเพียงอย่างเดียว
สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดว่ามีปัจจัยอื่นที่ควรดูก่อนซื้อรถ ก็เข้ามาให้ความเห็นกันได้เลยนะครับ เพื่อที่จะได้ช่วยคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถได้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจได้
เรื่องสำคัญที่ควรคิด! ก่อนตัดสินใจซื้อรถ
หากพูดเรื่องการจะซื้อรถหนึ่งคัน เชื่อว่าคงมีทั้งคนที่คิดว่าจำเป็น และคนที่คิดว่าไม่จำเป็น เป็นปัญหาโลกแตกที่ยากจะหาความถูกต้องมาอธิบาย เพราะความจำเป็นของแต่ละคนนั้นไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือวัดทั่วไป คนที่จะตอบข้อนี้ได้ดีที่สุดคงเป็นผู้ซื้อนั่นเอง เช่น ซื้อเพื่อมาต่อยอดทำธุรกิจ ที่ทำงานไกลบ้านมากๆ หรือรองรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย
วันนี้ K-Expert จึงอยากจะมาช่วยแนะนำเรื่องอื่นๆ ที่ควรให้ความสำคัญนอกเหนือจากการเตรียมค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ สำหรับคนที่ยังคงลังเลหรือกำลังตัดสินใจ เพื่อใช้เป็นแนวทางได้ดียิ่งขึ้นครับ
เรื่องแรกเลยคือ ค่าใช้จ่าย เพราะหลังจากที่เราได้รถคู่ใจมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมาตั้งแต่
ค่าน้ำมัน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญหลักๆ ที่ต้องคิด เพราะจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเรานำรถยนต์มาใช้ แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เราพอจะคำนวณได้ โดยสามารถคำนวณจากอัตราการใช้น้ำมันที่ทางผู้ผลิตได้แจ้งมาเช่น 14 กิโลเมตรต่อการใช้น้ำมัน 1 ลิตร เราก็ลองคำนวณว่า เดือนหนึ่งเราเดินทางมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น เดินทาง 1,000 กิโลเมตรต่อเดือน ก็นำมาหารกับอัตราดังกล่าว (1,000/14 = 71.4) แสดงว่าเราจะใช้น้ำมันประมาณ 71.4 ลิตรนั่นเอง แล้วนำไปคูณกับราคาน้ำมันปัจจุบันก็จะพอทราบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้
ค่าบำรุงรักษา สำหรับคนที่ใช้รถใหม่ เราต้องนำรถเข้าเช็กสภาพที่ศูนย์ตามระยะทางที่ใช้งาน หลังจากที่ได้ตรวจเช็ก 1,000 กิโลเมตรแรกไปแล้ว ก็ต้องมีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอทุก 10,000 กิโลเมตร หรือคนใช้รถน้อยก็อาจจะมีการเช็กทุกๆ 6 เดือน โดยค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 3,500-10,000 บาท แล้วแต่สภาพของรถยนต์ รุ่น และยี่ห้อของรถด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีค่าเปลี่ยนยางที่เราจะต้องเปลี่ยนประมาณ 2 ปีครั้ง อีกประมาณ 8,000-16,000 บาท
ค่าภาษี และค่าประกันภัยรถยนต์ ที่เราต้องจ่ายในแต่ละปี 2 สิ่งนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกิดขึ้นทุกปี โดยในส่วนของภาษีรถยนต์นั้นมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500-7,000 บาท/ปี โดยขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ ขนาดของเครื่องยนต์ และปีที่ใช้งานด้วย ส่วนประกันภัยรถยนต์นั้น หากเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 14,000-30,000 บาทต่อปี
เรื่องที่สองเลยคือ ข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์
เช็กประวัติของรถที่ต้องการ ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถ เราก็ควรที่จะเข้าไปค้นคว้าประวัติว่า รถที่เราต้องการนั้นถูกพูดถึงอย่างไรในโลกอินเตอร์เน็ต หรือคนที่เรารู้จัก เช่น ศูนย์บริการดีแค่ไหน รถมีคนพูดเรื่องอาการเสียหลังจากที่ซื้อบ่อยแค่ไหน เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจ
ศูนย์บริการมีมากแค่ไหน เพราะรถบางเจ้าอาจจะเพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศ จึงอาจมีศูนย์ที่ให้บริการเพียงไม่กี่แห่ง หากรถของเราเกิดอาการเสียขึ้นมา กว่าจะถึงศูนย์ต้องใช้ระยะเวลานาน หรืออาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วย ยังไม่นับรวมกับอะไหล่ที่หากต้องสั่งจากต่างประเทศ ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งอีกด้วย
ราคาของรถหากต้องการขาย เพราะหากเราใช้รถไปซักพักแล้วต้องการที่จะขาย แต่รถของเราเป็น รุ่น หรือยี่ห้อที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ราคาของรถจะตกลงอย่างมาก (อาจจะมากจนน่าใจหายได้เลย) หากคิดว่าซื้อรถมาแล้วมีโอกาสที่จะขายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็แนะนำให้ซื้อรถที่เป็น รุ่น หรือ ยี่ห้อ ที่เป็นที่ต้องการของตลาด อย่าดูที่ความสวยเพียงอย่างเดียว
สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดว่ามีปัจจัยอื่นที่ควรดูก่อนซื้อรถ ก็เข้ามาให้ความเห็นกันได้เลยนะครับ เพื่อที่จะได้ช่วยคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถได้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจได้