[หนังโรงเรื่องที่ 220] This Is Your Death - หนังนอกกระแสที่ทุกคนพลาดอย่างแรง!! ; (Giancarlo Esposito, 2018)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++ (จากสเกล D-A)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ: "อดัม โรเจอร์ส" (Josh Duhamel) พิธีกรหนุ่มประจำรายการเรียลลิตี้น้ำเน่าที่จะพาสาวโสดจำนวน 10 คนเข้ามาตบตีแย่งชิงเพื่อหวังจะชนะใจมหาเศรษฐี -- แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อสาวเจ้าผู้ที่แพ้การแข่งรอบสุดท้ายได้เกิดคลั่งชักปืนขึ้นมายิงตัวเศรษฐีหนุ่มตายพร้อมยิงกรอกปากตัวเองตายตกตามไป
แต่ถึงแม้เหตุการณ์จะวายวอดขนาดนี้ ในแง่ทางกฎหมายแล้วช่องก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ และด้วยกระแสฮือฮาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หัวเรือใหญ่อย่าง "อิลาน่า" (Famke Janssen) เกิดจุดประกายอยากทำรายการที่เอาคนมา "ฆ่าตัวตาย" ให้วิธีที่พิสดารต่างๆนาๆ แบบถ่ายทอดสดเพื่อเรียกเรตติ้งคนดู นี่จึงเป็นการท้าทายศีลธรรมครั้งใหญ่ผ่านจอโทรทัศน์นั่นเอง
.
.
สิ่งแรกที่ขอออกตัวชื่นชมก่อนเลย คือบทหนังที่ "โคตรจะลื่นไหล" ราวกับเป็นเส้นด้ายที่ถูกร้อยเรียงออกมาเป็นชิ้นเดียวได้อย่างสวยงามหมดจด หนังสามารถรักษาระดับความน่าสนใจชวนสงสัยของเราได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดเรื่อง
คือในขณะที่ดูผู้เขียนก็อดที่จะ "ลุ้น" ไปตามเรื่องไม่ได้ว่า "อะไรจะเกิดต่อไปวะเนี่ย" ทั้งๆ ที่หนังมันไม่มีอะไรผาดโผนเลย แต่ด้วยเสน่ห์ของพล็อตและการรับ-ส่งอารมณ์ของนักแสดง ก็ทำให้ทุกๆ อย่างมันดูน่าติดตามไปหมดได้
.
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือพัฒนาการของตัวละครเอกอย่าง "อดัม" ที่แรกเริ่มเดิมทีนั้นหนังนำเสนอเขาออกมาในลักษณะ "คนดีโดยเนื้อแท้" ไม่ว่าจะเป็นการกล้าเอาตัวไปบังกระสุนให้คนอื่นในนาทีคับขัน หรือแม้แต่การกล้าเปิดฉากพูดความจริงและด่าประนามวงการโทรทัศน์ในรายการคุยข่าวสดของช่องตัวเอง
และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการริเริ่มรายการ "This Is Your Death" ด้วยเจตนาอันสูงส่ง ว่าคนเราสามารถ "ยอมตาย" เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ และประกาศกร้าวว่ารายการของเขาไม่ใช่แค่การโชว์ของโหดเพื่อเรียกยอดวิวเท่านั้น
-- ไปจนถึงการถลำลึกลงไปในกับดักแห่งชื่อเสียงและเงินทอง เมื่อความตายของคนๆ หนึ่งกลายเป็นเม็ดเงินและชื่อเสียงที่สูงเกินกว่าคนธรรมดาจะเอื้อมถึงได้ ... "คนดี" อย่างอดัมจะทำอย่างไรกับสิ่งยั่วยุเหล่านี้?
.
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอีรายการ "This Is Your Death" นี่คืออะไร? ก็ง่ายมาก ผู้เข้าร่วมรายการในแต่ละสัปดาห์จะอาสามาฆ่าตัวตายกลางรายการถ่ายทอดสด และวิธีการตายของแต่ละคนก็ต้องมีความครีเอต/เร้าใจด้วย เพื่อเรียกคะแนนสงสารและเงินบริจาคจากคนดู
บ้างก็ยอมตายเพื่อลูกที่ป่วยหนัก บ้างก็ยอมพลีชีพเพื่อครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง แต่ทั้งหมดทั้งมวลของรายการนี้ก็คือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของอดัมว่า "ชีวิตมันมีค่า ใช้สอยให้เกิดประโยชน์" ก็ในเมื่ออยู่ไปก็ไร้ค่า ตายไปให้เป็นราคาไม่ดีกว่าหรือ? ... แล้วคุณล่ะ คิดยังไง?
.
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องขำๆ ที่จะทำรายการโดยให้คนมาตายให้ดูแบบจะๆ ต่อหน้าต่อตา ในแง่มุมของโปรดิวเซอร์สาวมือดีผู้ยึดมั่นในความถูกต้องอย่าง "ซิลเวีย" (Caitlin FitzGerald) ที่กระอักกระอ่วนกับการโปรดิวซ์รายการแห่งความตายนี้ให้ออกมาดี/ออกมาเด็ดเพื่อโอกาสทางหน้าที่การงานของเธอ
แต่ในอีกใจหนึ่งก็เกิด "ความขัดแย้ง" (conflicts) ในตัวเองว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นมันใช่สิ่งที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า? ทั้งหมดนี้เพื่อถ่ายทอดข้อความแห่งแรงบันดาลใจของอดัม หรือก็แค่ยอดวิวก็เท่านั้น? ถ้าคุณเป็นซิลเวีย คุณจะเลือกทำแบบไหน?
.
สิ่งที่ทำให้หนังสนุกที่สุดไม่ใช่การตายแบบโหดร้าย เลือดสาดกระจาย หรืออะไรทำนองนั้น หากแต่มันคือการท้าทายศีลธรรมในใจ (moral) ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกตัวในสตูดิโอแห่งความตายแห่งนั้นก็ดี รวมไปถึงคนดูอย่างเราก็ดี มันคือการเสียดสีและตั้งคำถามคำโตๆ ที่พร้อมจะตบหน้าเรียกสติคุณให้กลับมาอย่างจัง
.
หนังชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้คนเราเสพติดความรุนแรงผ่านสื่อ และคาดหวังจะได้เห็น "ของโหดๆ" หรือ "ของเด็ดๆ" ผ่านทางจอทีวี -- เราเสพข่าวอาชญากรรมอันโหดร้ายเป็นปกติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เราชอบเห็นความลำบากของคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และนั่นเป็นสัญญาณของสังคมที่ป่วย สังคมที่อ่อนแอ และเป็นสังคมที่พึงถูกปลุกให้ตื่น
.
ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกที่สุด เราต้องปล่อยตัวปล่อยใจให้ตัวเองรู้สึกเหมือนตัวละคร ยกตัวอย่างเช่น "เมสัน วอชิงตัน" (Giancarlo Esposito) ชายผิวสีวัยกลางคนที่มีภาระต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กวัยกำลังกินกำลังใช้ และลูกชายคนโตที่ป่วยเป็นโรคอัมพาตสมองใหญ่ต้องใช้สวัสดิการรักษามากมาย และเพื่อหาเงินมาผ่อนบ้านในย่านที่เหมาะสม
-- ภาระอันหนักอึ้งตกอยู่บนบ่าชายตัวเล็กๆ คนนี้ เขาต้องทำงานทำความสะอาด/เก็บขยะ/ล้างจาน ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงตีสองของทุกวัน แต่ดูเหมือนว่าต่อให้พยายามหามาเท่าไร มันก็ไม่เคยพอ ... แล้วเขาต้องทำยังไง?
.
.
This Is Your Death ถือว่าเป็นหนังชั้นดีที่ถูกมองข้ามอย่างน่าเสียดายในสัปดาห์นี้ ด้วยพล็อตที่ทะเยอทะยานและกล้าหยิบเอาเรื่องราวใหม่ๆ มาเล่นให้มันสนุกได้ บวกกับบทและเส้นเรื่องที่ไหลลื่นไม่มีที่ติ และทีมนักแสดงที่เข้าใจในบทบาทของตัวเองและสามารถส่งความรู้สึกและเจตนาของหนังออกมาได้ดี
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผู้เขียนจึงอยากจะขอ "เชียร์" ให้ไปดูกันในโรงนะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสัปดาห์ที่หนังใหญ่ๆ ชนโรงกันแล้วกันครับ
ป.ล.หนังมีฉากรุนแรง เลือด และบาดแผล ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน
#ตั๋วหนังมันแพง
ถูกใจกับรีวิวหรืออยากมาพูดคุยเกี่ยวกับหนังกัน ขอเชิญได้ที่เพจเฟซบุ๊ก "ตั๋วหนังมันแพง" นะครับ
[หนังโรงเรื่องที่ 220] This Is Your Death - หนังนอกกระแสที่ทุกคนพลาดอย่างแรง!! by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 220] This Is Your Death - หนังนอกกระแสที่ทุกคนพลาดอย่างแรง!! ; (Giancarlo Esposito, 2018)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++ (จากสเกล D-A)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ: "อดัม โรเจอร์ส" (Josh Duhamel) พิธีกรหนุ่มประจำรายการเรียลลิตี้น้ำเน่าที่จะพาสาวโสดจำนวน 10 คนเข้ามาตบตีแย่งชิงเพื่อหวังจะชนะใจมหาเศรษฐี -- แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อสาวเจ้าผู้ที่แพ้การแข่งรอบสุดท้ายได้เกิดคลั่งชักปืนขึ้นมายิงตัวเศรษฐีหนุ่มตายพร้อมยิงกรอกปากตัวเองตายตกตามไป
แต่ถึงแม้เหตุการณ์จะวายวอดขนาดนี้ ในแง่ทางกฎหมายแล้วช่องก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ และด้วยกระแสฮือฮาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หัวเรือใหญ่อย่าง "อิลาน่า" (Famke Janssen) เกิดจุดประกายอยากทำรายการที่เอาคนมา "ฆ่าตัวตาย" ให้วิธีที่พิสดารต่างๆนาๆ แบบถ่ายทอดสดเพื่อเรียกเรตติ้งคนดู นี่จึงเป็นการท้าทายศีลธรรมครั้งใหญ่ผ่านจอโทรทัศน์นั่นเอง
.
สิ่งแรกที่ขอออกตัวชื่นชมก่อนเลย คือบทหนังที่ "โคตรจะลื่นไหล" ราวกับเป็นเส้นด้ายที่ถูกร้อยเรียงออกมาเป็นชิ้นเดียวได้อย่างสวยงามหมดจด หนังสามารถรักษาระดับความน่าสนใจชวนสงสัยของเราได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดเรื่อง
คือในขณะที่ดูผู้เขียนก็อดที่จะ "ลุ้น" ไปตามเรื่องไม่ได้ว่า "อะไรจะเกิดต่อไปวะเนี่ย" ทั้งๆ ที่หนังมันไม่มีอะไรผาดโผนเลย แต่ด้วยเสน่ห์ของพล็อตและการรับ-ส่งอารมณ์ของนักแสดง ก็ทำให้ทุกๆ อย่างมันดูน่าติดตามไปหมดได้
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือพัฒนาการของตัวละครเอกอย่าง "อดัม" ที่แรกเริ่มเดิมทีนั้นหนังนำเสนอเขาออกมาในลักษณะ "คนดีโดยเนื้อแท้" ไม่ว่าจะเป็นการกล้าเอาตัวไปบังกระสุนให้คนอื่นในนาทีคับขัน หรือแม้แต่การกล้าเปิดฉากพูดความจริงและด่าประนามวงการโทรทัศน์ในรายการคุยข่าวสดของช่องตัวเอง
และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการริเริ่มรายการ "This Is Your Death" ด้วยเจตนาอันสูงส่ง ว่าคนเราสามารถ "ยอมตาย" เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ และประกาศกร้าวว่ารายการของเขาไม่ใช่แค่การโชว์ของโหดเพื่อเรียกยอดวิวเท่านั้น
-- ไปจนถึงการถลำลึกลงไปในกับดักแห่งชื่อเสียงและเงินทอง เมื่อความตายของคนๆ หนึ่งกลายเป็นเม็ดเงินและชื่อเสียงที่สูงเกินกว่าคนธรรมดาจะเอื้อมถึงได้ ... "คนดี" อย่างอดัมจะทำอย่างไรกับสิ่งยั่วยุเหล่านี้?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอีรายการ "This Is Your Death" นี่คืออะไร? ก็ง่ายมาก ผู้เข้าร่วมรายการในแต่ละสัปดาห์จะอาสามาฆ่าตัวตายกลางรายการถ่ายทอดสด และวิธีการตายของแต่ละคนก็ต้องมีความครีเอต/เร้าใจด้วย เพื่อเรียกคะแนนสงสารและเงินบริจาคจากคนดู
บ้างก็ยอมตายเพื่อลูกที่ป่วยหนัก บ้างก็ยอมพลีชีพเพื่อครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง แต่ทั้งหมดทั้งมวลของรายการนี้ก็คือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของอดัมว่า "ชีวิตมันมีค่า ใช้สอยให้เกิดประโยชน์" ก็ในเมื่ออยู่ไปก็ไร้ค่า ตายไปให้เป็นราคาไม่ดีกว่าหรือ? ... แล้วคุณล่ะ คิดยังไง?
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องขำๆ ที่จะทำรายการโดยให้คนมาตายให้ดูแบบจะๆ ต่อหน้าต่อตา ในแง่มุมของโปรดิวเซอร์สาวมือดีผู้ยึดมั่นในความถูกต้องอย่าง "ซิลเวีย" (Caitlin FitzGerald) ที่กระอักกระอ่วนกับการโปรดิวซ์รายการแห่งความตายนี้ให้ออกมาดี/ออกมาเด็ดเพื่อโอกาสทางหน้าที่การงานของเธอ
แต่ในอีกใจหนึ่งก็เกิด "ความขัดแย้ง" (conflicts) ในตัวเองว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นมันใช่สิ่งที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า? ทั้งหมดนี้เพื่อถ่ายทอดข้อความแห่งแรงบันดาลใจของอดัม หรือก็แค่ยอดวิวก็เท่านั้น? ถ้าคุณเป็นซิลเวีย คุณจะเลือกทำแบบไหน?
สิ่งที่ทำให้หนังสนุกที่สุดไม่ใช่การตายแบบโหดร้าย เลือดสาดกระจาย หรืออะไรทำนองนั้น หากแต่มันคือการท้าทายศีลธรรมในใจ (moral) ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกตัวในสตูดิโอแห่งความตายแห่งนั้นก็ดี รวมไปถึงคนดูอย่างเราก็ดี มันคือการเสียดสีและตั้งคำถามคำโตๆ ที่พร้อมจะตบหน้าเรียกสติคุณให้กลับมาอย่างจัง
หนังชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้คนเราเสพติดความรุนแรงผ่านสื่อ และคาดหวังจะได้เห็น "ของโหดๆ" หรือ "ของเด็ดๆ" ผ่านทางจอทีวี -- เราเสพข่าวอาชญากรรมอันโหดร้ายเป็นปกติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เราชอบเห็นความลำบากของคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และนั่นเป็นสัญญาณของสังคมที่ป่วย สังคมที่อ่อนแอ และเป็นสังคมที่พึงถูกปลุกให้ตื่น
ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกที่สุด เราต้องปล่อยตัวปล่อยใจให้ตัวเองรู้สึกเหมือนตัวละคร ยกตัวอย่างเช่น "เมสัน วอชิงตัน" (Giancarlo Esposito) ชายผิวสีวัยกลางคนที่มีภาระต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กวัยกำลังกินกำลังใช้ และลูกชายคนโตที่ป่วยเป็นโรคอัมพาตสมองใหญ่ต้องใช้สวัสดิการรักษามากมาย และเพื่อหาเงินมาผ่อนบ้านในย่านที่เหมาะสม
-- ภาระอันหนักอึ้งตกอยู่บนบ่าชายตัวเล็กๆ คนนี้ เขาต้องทำงานทำความสะอาด/เก็บขยะ/ล้างจาน ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงตีสองของทุกวัน แต่ดูเหมือนว่าต่อให้พยายามหามาเท่าไร มันก็ไม่เคยพอ ... แล้วเขาต้องทำยังไง?
.
This Is Your Death ถือว่าเป็นหนังชั้นดีที่ถูกมองข้ามอย่างน่าเสียดายในสัปดาห์นี้ ด้วยพล็อตที่ทะเยอทะยานและกล้าหยิบเอาเรื่องราวใหม่ๆ มาเล่นให้มันสนุกได้ บวกกับบทและเส้นเรื่องที่ไหลลื่นไม่มีที่ติ และทีมนักแสดงที่เข้าใจในบทบาทของตัวเองและสามารถส่งความรู้สึกและเจตนาของหนังออกมาได้ดี
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผู้เขียนจึงอยากจะขอ "เชียร์" ให้ไปดูกันในโรงนะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสัปดาห์ที่หนังใหญ่ๆ ชนโรงกันแล้วกันครับ
ป.ล.หนังมีฉากรุนแรง เลือด และบาดแผล ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน
#ตั๋วหนังมันแพง
ถูกใจกับรีวิวหรืออยากมาพูดคุยเกี่ยวกับหนังกัน ขอเชิญได้ที่เพจเฟซบุ๊ก "ตั๋วหนังมันแพง" นะครับ