พนันหัวใจใต้ปีกรัก ตอน 5 มาแล้วค่ะ :)

ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ค่อยๆ ใช้สองมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกชุ่มของตน
ออกทีละเม็ด ก่อนจะหันมามองสบสายตาของภีรณีที่หันมามองเขาพอดี เพราะได้
ยินเสียงคนข้างๆ กำลังขยับตัวทำอะไรสักอย่าง และจู่ๆ คนที่ยิ้มพรายก็ถอดเสื้อ
ของตัวเองออกหน้าตาเฉย ทำเอาคนที่เห็นภาพนั้นถึงกับตาโตตกใจและร้อง
ออกมาเสียงดังลั่นรถ
“นี่ไอ้บ้า นายถอดเสื้อทำไม!”
ติณณ์ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นซิกแพ็กและหุ่นขาวๆ ล่ำๆ จากการออกกำลังกาย
เป็นประจำ ซึ่งหุ่นสมชายชาตรีที่ขาวโอโม่แบบนั้นมันก็ดูเซ็กซี่มาก นอกจากนี้เขา
ยังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่กำลังทำหน้าตาตื่น ก่อนจะตอบกลับด้วยประโยคที่หญิงสาว
เพิ่งเอื้อนเอ่ยไปเมื่อสักครู่นี้
“มันก็เป็นเรื่องของฉันไหม”
“ไอ้บ้า! นายจะมาถอดเสื้อตอนฉันนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
จบประโยคนั้น ติณณ์กลับจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ มือหนาขยำเสื้อ
ให้เป็นก้อน ก่อนจะโยนมันไปทางเบาะหลัง จากนั้นก็ปีนเบาะเข้ามาใกล้หญิงสาว
เล่นเอาเธอถึงกับร้องเสียงหลงพลางถอยหนีจนชนเข้ากับประตูรถ
“จะทำอะไรน่ะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากขณะมองสบตาคนตรงหน้าซึ่งกำลังพูดกับเขาด้วยน้ำเสียง
ตื่นๆ ก่อนจะหันไปเอื้อมคว้ากระเป๋าเป้ใบที่วางอยู่ด้านหลังรถ แล้วหันมายิ้มหวาน
ให้กับคนที่ตกใจจนหน้าเสีย จากนั้นก็ถอยกลับไปยังเบาะของตนและรื้อค้นเอา
เสื้อสำรองในกระเป๋าใบนั้นออกมา
ฝ่ายภีรณีเองก็หันมาตวัดสายตาใส่ติณณ์อย่างเคืองโกรธที่ถูกเขาแกล้งให้ตกใจ
ผิดกับคนแกล้งที่ดูมีความสุขสนุกสนานมากเพราะเขากำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
แถมยังหันมายักคิ้วหลิ่วตาอย่างดูกวนๆ ให้อีกหลายที จนคนถูกแกล้งได้แต่นั่ง
ทำหน้าหงิกพลางนึกสาปส่งคนกวนประสาทด้วยความรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ

ผ่านไปสักพักใหญ่ สายฝนและกระแสลมด้านนอกรถก็ดูซาลงมาก แต่ถึงกระนั้น
อุณหภูมิภายในรถกลับไม่ได้อุ่นขึ้นเลย
“หนาวมากไหม” ติณณ์เอ่ยถามคนตัวเล็กที่ได้ถอดเสื้อสูทสีขาวอันเปียกโชก
เอาไปวางไว้ที่เบาะหลังและกำลังนั่งห่อตัวโดยใช้สองแขนบางโอบรอบตัวเอง
ด้วยท่าทีสั่นๆ
“หนาวเหนิวอะไร ไม่ได้หนาวสักหน่อย” ทั้งๆ ที่ปากซีดมากแต่ก็ยังไม่วายปากแข็ง
เช่นเดิม
ติณณ์เห็นเช่นนั้นก็นึกกลัวว่าทั้งเขาและภีรณีจะปอดบวมตายหากต้องนั่งหนาวอยู่
ในรถแบบนี้ทั้งคืน จึงเอ่ยขึ้นมา
“ข้างหลังตรงโน้น น่าจะสักครึ่งกิโล เห็นป้ายไฟโรงแรมอยู่ลิบๆ เราไปนอนโรงแรม
กันไหม”
“จะบ้าหรือไง จู่ๆ ก็ชวนเข้าโรงแรม” แก้มซีดๆ ของภีรณีขึ้นสีระเรื่อทันทีเมื่อได้ยิน
ประโยคนั้น
ติณณ์หลุดขำพรืดออกมาก่อนจะเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“คิดลึกไปไหม ฉันหมายถึงนอนที่โรงแรมแต่นอนกันคนละห้อง เอ๊ะ หรือว่าเธอ
คิดจะนอนกับฉัน”
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต คิดทุเรศ ใครจะอยากไปนอนกับนาย”
“ฉันก็ไม่ได้หน้ามืดขนาดอยากจะนอนกับทอมอย่างเธอหรอก ไปกันได้แล้ว
ฝาเริ่มจะซาแล้ว ถ้าเกิดตกหนักขึ้นมาอีก เดี๋ยวจะแย่”
พูดจบก็หันไปหยิบกระเป๋าเป้ใบหนึ่งขึ้นมาแบก หยิบหมวกแก๊ปมาสวมศีรษะ
ก่อนจะดึงกุญแจรถและเปิดประตูออกไปทันที ทำเอาภีรณีรู้สึกตกใจเพราะ
กลัวผีและกลัวว่าจะถูกทิ้งให้อยู่ในรถมืดๆ คนเดียว จนต้องรีบหันไปหยิบ
เสื้อสูทแล้วเปิดประตูก้าวตามลงมา แต่เมื่อลงมาจึงเห็นว่าชายหนุ่มยัง
ไม่ได้ไปไหน และเขาก็เดินอ้อมมาช่วยปิดล็อกประตูรถฝั่งเธอ
หลังจากนั้นติณณ์ก็ดึงแขนของหญิงสาวให้ก้าวตามมา แต่เธอกลับสะบัดออก
และซอยเท้าเคียงข้างชายหนุ่มขายาวที่ก้าวเดินเร็วไวอย่างกับจะรีบไปตามควาย
อย่างไรอย่างนั้น ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฝนพลันเทกระหน่ำลงมาอีกรอบ
ทำให้ภีรณีต้องยกเสื้อนอกตัวนั้นขึ้นมาคลุมศีรษะ ก่อนที่จู่ๆ คนตัวใหญ่จะ
ย่อเข่ามุดตัวเข้ามาเบียดกับเธออยู่ภายใต้เสื้อสูทตัวเดียวกัน คนตัวเล็กจึง
แหวใส่เขาเสียงดัง
“ไอ้พี่มิกซ์ ตัวอย่างกับควายจะมุดเข้ามาทำไมเนี่ย”
ชายหนุ่มส่งสายตาเคืองขุ่นมาให้เพราะถูกหาว่าตัวใหญ่เหมือนควาย แต่มือ
กลับถอดหมวกแก๊ปบนศีรษะมาสวมให้เธอและรีบแย่งเสื้อไปถือกางให้เหนือ
ศีรษะของคนทั้งคู่ แถมยังใช้แขนแกร่งรวบตัวเธอที่เดินห่างจนออกนอกชายเสื้อ
ให้เข้าไปใกล้เขาอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากให้คนตัวเล็กโดนฝนและเปียกโชก
มากไปกว่านี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่