วันที่ 22 มีนาคม 2561 อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “พรรคการเมืองในฝันของคนอีสาน” พบกลุ่มตัวอย่างคนอีสานมากกว่าร้อยละ 80 เห็นว่าเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด โดยจุดเด่นที่ต้องการให้พรรคการเมืองมีมากที่สุดคือ มีผู้นำพรรคที่บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ผู้นำพรรคมีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง และมีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ทั้งนี้ยังไม่มีว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใดสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง และพรรคเพื่อไทย ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดในภาคอีสาน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ยังรอพรรคทางเลือกหรือยังไม่ตัดสินใจยังมีสัดส่วนที่สูง
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลเปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นคนอีสานในประเด็นจุดเด่นของพรรคการเมืองที่คนอีสานต้องการ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงจุดเด่นและจุดด้อยของพรรคการเมืองให้ตรงกับความต้องการของคนอีสานต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-19 มีนาคม 2561 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,190 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า การจัดเลือกตั้ง สส. ช่วงใดเหมาะสมที่สุด พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 เห็นว่าควรจัดเลือกตั้ง ส.ส. ในช่วง พ.ค.-ส.ค. 61
รองลงมาร้อยละ 31.8 ควรจัดช่วง ก.ย.-ธ.ค. 61 ตามมาด้วย ร้อยละ 12.9 ควรจัดช่วง ม.ค.-เม.ย. 62 ร้อยละ 3.5 ควรจัดช่วง พ.ค.-ส.ค. 62 และร้อยละ 1.3 ควรจัด
ช่วงปลายปี 62 หรือนานกว่านั้น
โดยสรุปกลุ่มตัวอย่างคนอีสาน ร้อยละ 82.3 คิดว่าการจัดเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด
เมื่อสำรวจความต้องการจุดเด่นของพรรคการเมืองในฝันที่กลุ่มตัวอย่าง ต้องการให้พรรคการเมืองมี โดยมีตัวเลือกจุดเด่นต่างๆ 19 รายการ และระดับความต้องการ 5 ระดับ ตั้งแต่น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด (โดยเลือกระดับมากที่สุดได้ไม่เกิน 5 รายการ เพื่อสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มตัวอย่างออกมาให้ได้มากที่สุด) จากการประมวลผล โดยให้คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด เป็นดังนี้
จุดเด่นของพรรคการเมืองที่ต้องการ คะแนน
1) มีหัวหน้าพรรคที่บริหารประเทศเก่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ 90.8%
2) มีหัวหน้าพรรคที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 81.7%
3) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 81.2%
4) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง 80.0%
5) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 79.4%
6) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่เก่งและมีความเชี่ยวชาญหลากหลาย 78.2%
7) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูประบบราชการ/กระบวนการยุติธรรม 77.2%
8) เป็นพรรคขนาดใหญ่ที่มีพลังในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ 75.8%
9) ต่อต้านการแจกเงิน/สิ่งของเพื่อซื้อเสียงอย่างจริงจัง 74.0%
10) นักการเมืองของพรรคขยันลงพื้นที่เพื่อรับฟังและแก้ปัญหา 73.8%
11) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะทำระบบรัฐสวัสดิการ 73.3%
12) เปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานการเมือง 72.8%
13) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประชาธิปไตยตามแนวทางสากล 71.8%
14) มีโครงสร้างพรรคที่สมาชิกพรรคมีส่วนร่วม ไม่ใช่ของกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง 70.3%
15) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะกระจายอำนาจให้จังหวัดและท้องถิ่น 70.2%
16) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก 68.8%
17) ให้อิสระ สส. อย่างเต็มที่ ในการลงมติและแสดงความคิดเห็นที่ต่างจากพรรค 68.7%
18) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือชนชั้นกลาง 68.6%
19) สส. และข้าราชการการเมืองของพรรคไม่รับเงินเดือนและเบี้ยประชุม 67.2%
หมายเหตุ: คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด
เมื่อสำรวจถึงผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พบว่า จากการเสนอ 12 รายชื่อผู้ที่มีแนวโน้มจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีให้กลุ่มตัวอย่างพิจารณา นั้น ยังไม่มีใครสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าคนอีสานต้องการผู้นำที่มีภาพลักษณ์บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมดังกล่าวค่อนข้างหาได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งคะแนนของทั้ง 12 ว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นดังนี้
รายชื่อที่ถูกคาดได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ เหมาะสม ไม่เหมาะสมไม่รู้จัก/ไม่แน่ใจ
1) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 35.2% 61.8% 3.0%
2) นายจาตุรนต์ ฉายแสง 34.9% 61.6% 3.5%
3) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 34.3% 62.1% 3.5%
4) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 24.1% 73.4% 2.5%
5) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 22.0% 76.6% 1.4%
6) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 19.7% 62.3% 17.9%
7) นายชวน หลีกภัย 13.7% 82.7% 3.5%
8) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 12.3% 63.9% 23.7%
9) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 11.1% 67.5% 21.4%
10) นายศุภชัย พานิชภักดิ์ 10.2% 67.8% 22.0%
11) นายอนุทิน ชาญวีรกุล 9.4% 65.9% 24.7%
12) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 9.2% 70.7% 20.1%
สุดท้ายเมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 42.9 จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 38.3 เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด ตามมาด้วย ร้อยละ 7.2 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.4 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ร้อยละ2.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 2.0 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และ ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา
ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง มีความเชื่อมั่นในการพยากรณ์ 99% และคลาดเคลื่อนได้บวกลบ 3.5% ประกอบด้วยเพศหญิงร้อยละ 51.8 เพศชายร้อยละ 48.2
ด้านอายุ ช่วงอายุ 18-25ปี ร้อยละ 7.4 อายุ 26-35 ปีร้อยละ 26.9 อายุ 36-45 ปีร้อยละ 29.3 อายุ 46-55 ปีร้อยละ 23.1 อายุ 56-60 ปี ร้อยละ 7.5 และ
อายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.8
ส่วนระดับการศึกษา จบระดับประถมศึกษา/ต่ำกว่า ร้อยละ 18.7 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 18.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.ร้อยละ 21.1 ระดับอนุปริญญา /ปวส.ร้อยละ 12.9 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 24.2 และสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 4.7
ด้านอาชีพ ประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 39.6 รองลงมารับจ้างทั่วไป/ใช้แรงงาน ร้อยละ 14.8 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 12.5 พนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 11.1รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 9.2 พ่อบ้าน/แม่บ้าน ร้อยละ 5.5 นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 5.1 และอื่นๆ ร้อยละ 2.1
ด้านรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.7 รายได้ 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 30.1 รายได้ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 21.5 รายได้ 15,001-20,000 บาท ร้อยละ 16.3 รายได้ 20,001-40,000 ร้อยละ 14.2 และรายได้มากกว่า 40,001 บาทขึ้นไป ร้อยละ 3.1
หมายเหตุ: นอกเหนือจากผลสำรวจซึ่งนำเสนอข้อมูลตามวิธีทางสถิติแล้วความคิดเห็นอื่นๆ ในผลสำรวจนี้เป็นความเห็นของผู้รับผิดชอบโครงการซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
http://www.banmuang.co.th/news/politic/106140
อีสานโพล หนุนจัดเลือกตั้งช่วงพ.ค.-ส.ค. 2561 ระบุ จะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด....
ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรืออีสานโพล ได้เผยผลสำรวจเรื่อง "คนอีสานกับการ (จะได้) เลือกตั้ง" พบคนอีสานส่วนใหญ่ 52.4% เห็นว่าควรจัดเลือกตั้งในช่วง พ.ค.-ส.ค. 2561
ส่วน 15.6% ควรจัดช่วง ม.ค.-เม.ย. 2562 และ 3.2% ควรจัดช่วงปลายปี 2562 หรือนานกว่านั้น ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเลือกพรรคเพื่อไทย สูงสุดถึง 39.7% รองลงมา เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆหรือยังไม่ตัดสินใจ 26.9% ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ 10.4% และ 6.6% สนับสนุนพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่ 3.4% เลือกพรรคภูมิใจไทย สำหรับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เสียงส่วนใหญ่ 43.0% เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์ และ คสช.จะจับมือกัน ส่วน 38.0% ไม่เห็นด้วย ส่วนการตั้งรัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการมาของนายกฯ คนนอกนั้น พบว่า 46.3% เห็นด้วย ส่วน 31.2% ไม่เห็นด้วย
อ่านต่อได้ที่ :
https://www.posttoday.com/politic/news/539772
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับโรดแม็พการเลือกตั้ง”ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-17 ก.ย. 2560
ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามว่าใครเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมากที่สุด พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.3 เห็นว่าผู้นำพรรคเพื่อไทยเหมาะสมที่สุด รองลงมาร้อยละ 22.4 เป็นคนนอกวงการที่ทุกฝ่ายยอมรับ ขณะที่ร้อยละ 14.1 เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และร้อยละ 7.7 เห็นว่าผู้นำพรรคประชาธิปัตย์
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/politics/599493
คะแนนลุงตู่ก็ไม่น้อยหน้าใครนะคะ สำหรับชาวอีสาน.....💓💓💓💓💓💓
⚘🇹🇭~มาลาริน~อ้าว!..ชาวอีสานคิดหนัก...อีสานโพล สำรวจ ยังไม่มีใครสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง เลือกหญิงหน่อยอันดับ 1
วันที่ 22 มีนาคม 2561 อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “พรรคการเมืองในฝันของคนอีสาน” พบกลุ่มตัวอย่างคนอีสานมากกว่าร้อยละ 80 เห็นว่าเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด โดยจุดเด่นที่ต้องการให้พรรคการเมืองมีมากที่สุดคือ มีผู้นำพรรคที่บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ผู้นำพรรคมีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง และมีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ทั้งนี้ยังไม่มีว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใดสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง และพรรคเพื่อไทย ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดในภาคอีสาน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ยังรอพรรคทางเลือกหรือยังไม่ตัดสินใจยังมีสัดส่วนที่สูง
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลเปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นคนอีสานในประเด็นจุดเด่นของพรรคการเมืองที่คนอีสานต้องการ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงจุดเด่นและจุดด้อยของพรรคการเมืองให้ตรงกับความต้องการของคนอีสานต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-19 มีนาคม 2561 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,190 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า การจัดเลือกตั้ง สส. ช่วงใดเหมาะสมที่สุด พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 เห็นว่าควรจัดเลือกตั้ง ส.ส. ในช่วง พ.ค.-ส.ค. 61
รองลงมาร้อยละ 31.8 ควรจัดช่วง ก.ย.-ธ.ค. 61 ตามมาด้วย ร้อยละ 12.9 ควรจัดช่วง ม.ค.-เม.ย. 62 ร้อยละ 3.5 ควรจัดช่วง พ.ค.-ส.ค. 62 และร้อยละ 1.3 ควรจัด
ช่วงปลายปี 62 หรือนานกว่านั้น
โดยสรุปกลุ่มตัวอย่างคนอีสาน ร้อยละ 82.3 คิดว่าการจัดเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด
เมื่อสำรวจความต้องการจุดเด่นของพรรคการเมืองในฝันที่กลุ่มตัวอย่าง ต้องการให้พรรคการเมืองมี โดยมีตัวเลือกจุดเด่นต่างๆ 19 รายการ และระดับความต้องการ 5 ระดับ ตั้งแต่น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด (โดยเลือกระดับมากที่สุดได้ไม่เกิน 5 รายการ เพื่อสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มตัวอย่างออกมาให้ได้มากที่สุด) จากการประมวลผล โดยให้คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด เป็นดังนี้
จุดเด่นของพรรคการเมืองที่ต้องการ คะแนน
1) มีหัวหน้าพรรคที่บริหารประเทศเก่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ 90.8%
2) มีหัวหน้าพรรคที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 81.7%
3) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 81.2%
4) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง 80.0%
5) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 79.4%
6) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่เก่งและมีความเชี่ยวชาญหลากหลาย 78.2%
7) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูประบบราชการ/กระบวนการยุติธรรม 77.2%
8) เป็นพรรคขนาดใหญ่ที่มีพลังในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ 75.8%
9) ต่อต้านการแจกเงิน/สิ่งของเพื่อซื้อเสียงอย่างจริงจัง 74.0%
10) นักการเมืองของพรรคขยันลงพื้นที่เพื่อรับฟังและแก้ปัญหา 73.8%
11) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะทำระบบรัฐสวัสดิการ 73.3%
12) เปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานการเมือง 72.8%
13) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประชาธิปไตยตามแนวทางสากล 71.8%
14) มีโครงสร้างพรรคที่สมาชิกพรรคมีส่วนร่วม ไม่ใช่ของกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง 70.3%
15) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะกระจายอำนาจให้จังหวัดและท้องถิ่น 70.2%
16) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก 68.8%
17) ให้อิสระ สส. อย่างเต็มที่ ในการลงมติและแสดงความคิดเห็นที่ต่างจากพรรค 68.7%
18) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือชนชั้นกลาง 68.6%
19) สส. และข้าราชการการเมืองของพรรคไม่รับเงินเดือนและเบี้ยประชุม 67.2%
หมายเหตุ: คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด
เมื่อสำรวจถึงผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พบว่า จากการเสนอ 12 รายชื่อผู้ที่มีแนวโน้มจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีให้กลุ่มตัวอย่างพิจารณา นั้น ยังไม่มีใครสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าคนอีสานต้องการผู้นำที่มีภาพลักษณ์บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมดังกล่าวค่อนข้างหาได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งคะแนนของทั้ง 12 ว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นดังนี้
รายชื่อที่ถูกคาดได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ เหมาะสม ไม่เหมาะสมไม่รู้จัก/ไม่แน่ใจ
1) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 35.2% 61.8% 3.0%
2) นายจาตุรนต์ ฉายแสง 34.9% 61.6% 3.5%
3) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 34.3% 62.1% 3.5%
4) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 24.1% 73.4% 2.5%
5) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 22.0% 76.6% 1.4%
6) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 19.7% 62.3% 17.9%
7) นายชวน หลีกภัย 13.7% 82.7% 3.5%
8) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 12.3% 63.9% 23.7%
9) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 11.1% 67.5% 21.4%
10) นายศุภชัย พานิชภักดิ์ 10.2% 67.8% 22.0%
11) นายอนุทิน ชาญวีรกุล 9.4% 65.9% 24.7%
12) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 9.2% 70.7% 20.1%
สุดท้ายเมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 42.9 จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 38.3 เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด ตามมาด้วย ร้อยละ 7.2 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.4 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ร้อยละ2.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 2.0 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และ ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา
ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง มีความเชื่อมั่นในการพยากรณ์ 99% และคลาดเคลื่อนได้บวกลบ 3.5% ประกอบด้วยเพศหญิงร้อยละ 51.8 เพศชายร้อยละ 48.2
ด้านอายุ ช่วงอายุ 18-25ปี ร้อยละ 7.4 อายุ 26-35 ปีร้อยละ 26.9 อายุ 36-45 ปีร้อยละ 29.3 อายุ 46-55 ปีร้อยละ 23.1 อายุ 56-60 ปี ร้อยละ 7.5 และ
อายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.8
ส่วนระดับการศึกษา จบระดับประถมศึกษา/ต่ำกว่า ร้อยละ 18.7 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 18.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.ร้อยละ 21.1 ระดับอนุปริญญา /ปวส.ร้อยละ 12.9 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 24.2 และสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 4.7
ด้านอาชีพ ประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 39.6 รองลงมารับจ้างทั่วไป/ใช้แรงงาน ร้อยละ 14.8 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 12.5 พนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 11.1รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 9.2 พ่อบ้าน/แม่บ้าน ร้อยละ 5.5 นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 5.1 และอื่นๆ ร้อยละ 2.1
ด้านรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.7 รายได้ 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 30.1 รายได้ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 21.5 รายได้ 15,001-20,000 บาท ร้อยละ 16.3 รายได้ 20,001-40,000 ร้อยละ 14.2 และรายได้มากกว่า 40,001 บาทขึ้นไป ร้อยละ 3.1
หมายเหตุ: นอกเหนือจากผลสำรวจซึ่งนำเสนอข้อมูลตามวิธีทางสถิติแล้วความคิดเห็นอื่นๆ ในผลสำรวจนี้เป็นความเห็นของผู้รับผิดชอบโครงการซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
http://www.banmuang.co.th/news/politic/106140
อีสานโพล หนุนจัดเลือกตั้งช่วงพ.ค.-ส.ค. 2561 ระบุ จะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด....
ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรืออีสานโพล ได้เผยผลสำรวจเรื่อง "คนอีสานกับการ (จะได้) เลือกตั้ง" พบคนอีสานส่วนใหญ่ 52.4% เห็นว่าควรจัดเลือกตั้งในช่วง พ.ค.-ส.ค. 2561
ส่วน 15.6% ควรจัดช่วง ม.ค.-เม.ย. 2562 และ 3.2% ควรจัดช่วงปลายปี 2562 หรือนานกว่านั้น ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเลือกพรรคเพื่อไทย สูงสุดถึง 39.7% รองลงมา เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆหรือยังไม่ตัดสินใจ 26.9% ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ 10.4% และ 6.6% สนับสนุนพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่ 3.4% เลือกพรรคภูมิใจไทย สำหรับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เสียงส่วนใหญ่ 43.0% เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์ และ คสช.จะจับมือกัน ส่วน 38.0% ไม่เห็นด้วย ส่วนการตั้งรัฐบาลผสมพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการมาของนายกฯ คนนอกนั้น พบว่า 46.3% เห็นด้วย ส่วน 31.2% ไม่เห็นด้วย
อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/politic/news/539772
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับโรดแม็พการเลือกตั้ง”ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-17 ก.ย. 2560
ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามว่าใครเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมากที่สุด พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.3 เห็นว่าผู้นำพรรคเพื่อไทยเหมาะสมที่สุด รองลงมาร้อยละ 22.4 เป็นคนนอกวงการที่ทุกฝ่ายยอมรับ ขณะที่ร้อยละ 14.1 เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และร้อยละ 7.7 เห็นว่าผู้นำพรรคประชาธิปัตย์
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/599493
คะแนนลุงตู่ก็ไม่น้อยหน้าใครนะคะ สำหรับชาวอีสาน.....💓💓💓💓💓💓