[CR] หลีเป๊ะ (ฉบับปล่อยเซอร์) #รีวิวไม่รีวิว กลางมีนาคม2018

หลีเป๊ะ (ฉบับปล่อยเซอร์)
#รีวิวไม่รีวิว
กลางมีนาคม
**ไปหลีเป๊ะ 2 วัน 1 คืน รอดไหม?
**จู่ๆ นึกอยากจะไป...ไปเลยได้ป่าว?
**นอนHostelโอเคไหม?


#ทริปสิวสุข #ทริปวันหยุดสั้นๆ #ทริปหลีเป๊ะด่วนๆ #กลับบ้านเกิด #travel #traveling #photooftheday #travelinglady #letsgoeverywhere#backpacker #backpackers #travelgirl #traveladdict#girlswhotravel#lovetotravel #thetravelwomen #wearetravelgirls#dametraveler #ladiesgoneglobal #sheisnotlost #globelletravels#sheexplores #girlvsglobe #femmetravel #girlsborntotravel#girlslovetravel #girlsjustwannatravel #bucketlist #dreamcatcher#surroundmewithwater #kohlipe #lipeh

    ได้ยินได้เห็นมานานแล้วหลีเป๊ะเนี๊ยะ (ผ่านคำพูด,ผ่านรีวิว) ต่อให้เป็นที่เที่ยว ณ บ้านเกิดก็ยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเองจริงๆเสียที คราวนี้ได้เอาเท้าไปแตะทรายละเอียดตรงนั้นทั้งที จะไม่มาเล่าสูกันฟังได้อย่างไร?

( แนะนำ : ก่อนการเดินทาง ‘ระยะสั้น’  ควรวางแผนและศึกษาการเดินทางสักครั้งสองครั้ง(นี่แบบขี้เกียจมากๆ เลยนะ)เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง...)
ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้เลยได้ข้อมูลอันทรงคุณค่าจากกระทู้ต่างๆ ในพันทิป (เป็นส่วนมาก) และเว็ปไซต์อื่นๆ


Thx ข้อมูลดังกล่าว..
https://pantip.com/topic/30196309
https://pantip.com/topic/33458694
https://pantip.com/topic/32271520
ฯลฯ
แล้วถามว่าเอาเขามาเป็นแนวทางบ้างไหม...ก็น้อยเสียเหลือเกิน >,< !

การเดินทางของเราในครั้งนี้เป็นการกลับบ้านเก่าดังนั้นจะมีการตัดตอนช่วงเวลาง๊องแง๊งอยู่บ้านที่สตูลออกไปเพื่อจะพาผู้อ่านไปลงเกาะด้วยกันให้เร็วที่สุด เพราะงั้นถ้ากระชับเป้ให้มั่น พร้อมแล้วก็ไปกันเลย!



จากกรุงสู่บ้านเกิด
ทันทีที่เครื่องบินโฉบขึ้นกระทั่งพ้นจากพื้นขรุขระเบื้องล่าง เป็นสิ่งยืนยันว่าเก้าอี้สามตัวตรงนี้เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว แล้วก็ให้นึกไปถึงว่า.. กว่าจะมีการเดินทางไกลครั้งแรกของปีนี้ ต้องเตรียมมานานมากแค่ไหน...

แค่ทิ้งคำพูดไว้ว่าอยากมา...ก็น่าจะใช้เวลานานเป็นเดือนๆเพื่อจะให้ทริปนี้เป็นรูปเป็นร่างหรือได้ตั๋วเดินทางมาสักใบ จนเมื่อตัดสินใจโหลด App Agoda , Traveloga และ App จากสายการบินต่างๆ รวมถึงหาข้อมูลเอาจาก ‘พันทิป’ จัดการจองที่พัก จองเรือโดยสาร แล้วความตั้งใจที่จริงจังก็เกิดขึ้น หลังจากนั้น...  

เที่ยวบินสุดท้ายของวัน(แถมมีดีเลย์แถมมาด้วย) พาเรามาลงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาใกล้เข้านอน ทันทีที่โผล่พ้นประตูทางออกเราแทบจะถลาไปหาเพื่อนร่วมทริปที่อุตส่าห์ถ่างตามารับกันที่สนามบินนี้(แม้ว่าคุณนายจะโหมงานหนักมาก็ตาม แต่ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วอ่ะเนอะ ><) ทั้งยังพาไปหามื้อดึกประทังชีวิตที่  ‘หาดใหญ่ใน’ จัดอาหารเบาๆ (หรอ?)เป็นข้าวหน้าเป็ดรสดีกับซุปเนื้อก้นหม้อรสจี๊ดทำเล่นเอาตาตื่น  ความหิวทำให้สิ้นสติ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นหลักฐานคงไม่ว่ากัน..
ได้ยินเขาเล่าลือกันว่าแหล่งท่องเที่ยวระดับเกาะหลีเป๊ะนั้นสิ่งที่ราคาสูงอยู่มากเห็นจะเป็นอาหารหรือสินค้าที่มีขายอยู่ในมินิมาร์ท ด้วยความที่จำเป็นต้องจัดสรรค์ค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง จึงเลือกที่จะหาซื้อเสบียงแห้ง (ขนม นม เนย บะหมี่ถ้วย ฯลฯ) มาตุนไว้ รวมถึงเสบียงสด (ทำอาหารที่อยู่ได้นานเช่น เนื้อทอด ข้าวเหนียว) เพื่อไปประทังชีวิตกันบนหาดสวรรค์ เป็นหลีเป๊ะ 2 วัน 1 คืน ที่ดูยังไงก็รอด


จากบ้านเกิดไปลงเรือ

เราเริ่มการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ออกเดินทางจากบ้านที่อำเภอควนโดนจังหวัดสตูลในเวลา 7 โมงเช้าหน่อยๆ ของวันเสาร์  ไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงท่าเรือปากบาราที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ไม่หนาตานัก ทำการขนข้าวขนของลงจากรถเป็นเป้สัมภาระส่วนตัวใบใหญ่ 2 ใบ กระเป๋าเสบียงเบาๆ 1 ใบ กระเป๋ากล้อง อีก 1 ใบ จัดแจงนัดแนะกันไปเริ่มภารกิจคือส่งเพื่อนสาวไปฝากรถยนต์ก่อนแล้วจึงกลับมาแตะมือสลับกันให้เราไปเชคอินเรือสปีดโบ๊ท เช็คอินเรียบร้อยและได้ตั๋วมาจึงรีบจ้ำอ้าวกลับไปจ่ายค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน แล้วถึงแบกกระเป๋าเดินเข้าไปในส่วนของท่าเรือ ระหว่างทางเดินก็จะมีกิจกรรมยอดฮิตของทุกที่เที่ยวเช่นการถ่ายรูปขึ้นจาน มีขนมของฝากขายกันทั้งฝั่งซ้ายขวา เป็นจำพวกขนมของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัดซึ่งเราชอบขนมผูกรักมาก(แต่ดันไม่ได้ซื้อที่นี่เสียอย่างนั้น?) เดินเข้าไปในตัวอาคารก็ตรงไปยื่นตั๋วที่รับมาจากเคาน์เตอร์เชคอินเพื่อยืนยันตัวและเที่ยวเรือเดินทางที่เราจะไป เขาจึงให้การ์ดลำดับที่ลงเรือมาคนละใบ ลำดับต้นๆ ก็จะได้ลงไปเลือกที่นั่งได้ก่อน และตรงนี้เองที่สามารถฝากกระเป๋าสัมภาระไปเก็บใต้ท้องเรือส่วนหน้าได้ กระเป๋าที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องเก็บไว้กับตัวเท่านั้นเพราะมันจะต้องเกิดการแตกหักแน่ๆ ด้วยว่าเรือสปีดโบ๊ทนั้นเร็วแรงทะลุเกาะและกระแทกเป็นของแถม อะไรที่ต้องดูแลด้วยตัวเองเช่น ลูก เมีย ไอแพด สมาร์ทโฟน ก็อย่าส่งลงไป... และสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรต้องเก็บไว้กับตัวก็คือกระเป๋าเสบียง เพราะการเดินทางบนเรือใช้เวลานานเป็นชั่วโมง รับรองเรื่องความหิว (เตือนแล้วนะ...นี่พลาดมาแล้ว หิวมาแล้วด้วย)





จากเรือสู่เกาะ

ก่อนถึงที่หมาย สปีดโบ๊ทพาเรามาแวะพักที่เกาะไข่ เกาะเดียวกับในโลโก้ประจำจังหวัดสตูลนั่นแหละ เป็นเกาะเล็กๆที่ทรายขาวออร่ามากรวมถึงน้ำทะเลใสไล่สีฟ้าเขียว มาถึงกับเขาเสียทีนะเกาะไข่เนี๊ยะ ในรูปที่เขารีวิวดูจะไม่ต่างจากสายตาเห็นแต่ของจริงย่อมสวยกว่า.. ทะเลที่มีฟิลเตอร์เป็นของตัวเอง ฟ้าที่ระจ่างสดใส แดดที่ร้อนแรงแต่มีความหมายน้อยลงไปจากความสวยงามเบื้องหน้า ลืมไปเลยว่าไม่ได้ทากันแดด... แวะพักไม่นานผู้โดยสารทยอยขึ้นเรือเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง หลีเป๊ะที่เขาว่ากันอย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้นมันจะสักแค่ไหนเชียว?




นั่นไงล่ะ สปีดโบ๊ตกำลังพาเราเข้าใกล้เกาะตรงหน้า ผ่านโป๊ะกลางทะเลที่มีไว้สำหรับเฟอรี่ถ่ายคนเพื่อลงและขึ้นเกาะ นั่นเองเกาะที่มีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆนั้น ในตอนนี้ยังแสนสวยงาม ทะเลสีเขียวเข้มได้เปลี่ยนสีอ่อนเมื่อเข้าใกล้หาดขึ้นเรื่อยๆ ใส...ใสมากจริงๆ หากเรือหยุดนิ่งตรงไหนสักที่คงบอกได้ว่าความใสที่เห็นทะลุไปยังผืนทรายขาวเนียนขนาดนี้ไม่ต่างอะไรกับกระจกเลยทีเดียว



และเมื่อเรือหันท้ายเข้าหาด ผู้คนลงจากเรือลำเล็กนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงลำดับของเรา เมื่อเท้าแตะทรายแล้วแทบจะไม่อยากเชื่อความรู้สึก ในเมื่อมันเหมือนแป้งละเอียดมากกว่าเม็ดทรายทำไมเราจะไม่หยุดสงสัยได้ถึงความพิเศษนี้ล่ะ นุ่ม...นุ่มเกินไปแล้ว เรื่องความขาวไม่ต้องพูดถึงเลย เรารอรับสัมภาระจากเรืออยู่ครู่สั้นๆ ก็ได้เวลาออกตามหาที่พักสำหรับคืนนี้ และในเมื่อได้ทำการส่องที่พักจากหน้าเว็ปต่างๆแล้ว Booking ผ่าน Agoda สิ่งที่ต้องทำลำดับถัดไปก็แค่เดินหาที่พักเท่านั้นเอง




ดูก็รู้ว่าเจ้าของโฮสเทลคือใคร...?



จากหน้าเกาะสู่ห้องพัก

เราทำการBookingห้องพักกับโฮสเทลที่ชื่อว่า The street hostel และก็ไม่ได้แปลกใจในชื่อนี้สักเท่าไหร่ในเมื่อมันหาง่ายมากๆ ทั้งยังตรงตามความหมาย แค่เดินทางเข้า Walking Street ไปเรื่อยๆ นาทีเดียวก็มายืนตื่นเต้นกับดีไซน์ของHostelนี้แล้ว บอกตรงๆ ว่าที่Bookingที่พักนี้เพาะ โลโก้และภาพถ่าย สำคัญก็คือราคาห้องพักและความสะดวกในการเดินเที่ยว ซึ่งก็คงจะไม่แปลกเมื่อพบว่าของจริงนั้นน่าตื่นเต้นสำหรับเรานัก
The Street hostel เป็นโฮสเทลเก๋ๆ ที่ต้องเชคอินด้วยภาษาอังกฤษเพราะไม่มีพนักงานพูดไทยได้สักคน ก็พูดๆไปเถอะ..งูๆ ปลาๆ ให้ได้พักเป็นพอ จัดการเชคอินเรียบร้อยเราได้ห้องพักเป็นห้องรวมเตียงใหญ่อยู่ชั้นสาม (ชั้นบนสุด) ได้เดินผ่านชั้นสองที่ตกแต่งไว้อย่างคูลๆ มีเคาเตอร์ส่วนรวมให้ปิ้งขนมนมเนย ตู้เย็นรวม และโต๊ะไม้ยาวให้นั่งเล่นนั่งเมาท์ หรือจะนั่งถ่ายรูปก็เป็นมุมเก๋ๆที่น่าสนใจนะ ขึ้นไปชั้นสามในห้องมีเพื่อนร่วมห้องอยู่ก่อนแล้วสังเกตจากสัมภาระไซส์ใหญ่ แน่นอน...ไม่ใช่เอเชียอย่างเราๆ ชัวร์ แต่เขาไม่อยู่ก็ลดความเกร็งไประดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ยังไม่ต้องท่องภาษาอังกฤษในตอนนี้ละนะ ห้องนอนไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีล็อกเกอร์ส่วนตัวให้คนละตู้ ที่นอนสำหรับสองคนกับผ้าห่มนุ่มๆ ผืนหนาในห้องแอร์ สีสันขาวตัดเทา ตัวเตียงเป็นเตียงสองชั้นและกั้นม่านเพื่อความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกนิด เนื่องจากห้องพักอยู่ชั้น 3 หน้าต่างบานยาวจึงเปิดเผยถึงทิวทัศน์ที่หันไปหาทะเลให้ได้เห็นสลับกับหลังคามุงจากของร้านรวง เราเดินไปสำรวจห้องอาบน้ำและห้องน้ำที่จัดแยกฝั่งเอาไว้ ก็สะอาดดี มีไดร์เป่าผมบริการ...ส่วนจะใช้เป่าอะไรกันมาบ้างนั้นสุดแล้วแต่ความจำเป็นของผู้มาเยือน ซึ่งHostelนี้เป็นห้องน้ำรวมนะ เดินโผล่ไประเบียงหลังห้องเป็นพื้นที่ให้ตากเสื้อผ้าเรายืนรับลมแล้วเหลือบไปเห็นเวทีขนาดใหญ่สีขาวยังสงบอยู่ก็พาให้คิดไปว่า...ถ้าตกค่ำแล้วที่ตรงนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้น





จากห้องพักสู่ตระเวนเกาะ

ใครที่มาเกาะหลีเป๊ะก็คงจะเข้าใจว่ามันเป็นธรรมดาที่เกาะสวรรค์แห่งนี้จะตื่นขึ้นเมื่อเราใกล้หลับ เมื่อพบว่าเวลากลางวันร้านรวงพากันปิดเสียเป็นส่วนใหญ่ ถนนคนเดินที่ติดจะเงียบมีเพียงShopขายทริปดำน้ำและเที่ยวเกาะ Shop spa ร้านอาหารบางร้าน เซเว่นฯ  ร้านสะดวกซื้ออื่นๆ และคลินิก หลังจากพักผ่อนเอาเรี่ยวเอาแรงคืนมาจากการโดนเฟอรี่ซัดรวมถึงแกะเสบียงออกมาจัดกันอย่างหิวโหย ก็ได้เวลาออกล่า..  ไม่ใช่สิ  ออกหาอะไรทำ โดยการเดินสำรวจเกาะนั่นแหละ...เดินได้สักพักเพื่อนสาวกวักมือหยอยๆ อยู่หน้าShopขายทริปดำน้ำ สอบถามได้ความว่าเหลือเพียงทริบดำน้ำรอบเย็น17.30-ค่ำ20.00น. (โดยจะได้ชมตะวันตกดินไปจนถึงได้ดูแพลงก์ตอนด้วย) เท่านั้นที่สามารถยังเที่ยวได้อยู่ ทั้งได้ในราคาคนละ 300 บาท แต่ขอเช็คกับทางเรือก่อนว่าเต็มแล้วยัง?   เต็มแล้วยัง?  แล้วเต็มแล้วยังล่ะ? คำตอบ ค่ะ...เต็มแล้วจ้า ><  มันจะรู้สึกเหมือนโดนหักอกหน่อยๆ ชีวิตเป๋ไป 5 นาทีโดยประมาณ แต่ก็คิดว่าเราเดินไปหาจุดชมวิวดีๆ เสียหน่อยแล้วกัน ถ่ายภาพมุมสูงคงสวยไม่หยอก สอบถามทางไปจากชาวบ้านได้คำตอบว่า “ไป View point สิ ” อ่ะ..ก็ไป เดินขึ้นเนินกันขาสั่น...มันไม่ได้ทรหดอะไรนักหรอก มันแค่แก่ แรงมันเลยหาย
ชื่อสินค้า:   เกาะหลีเป๊ะ , ประเทศไทย , จังหวัดสตูล , ทะเลประเทศไทย , ทะเลอันดามัน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่